พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่786 ฉายสุดา

บทที่786 ฉายสุดา

บทที่786 ฉายสุดา

“พวกแกถอยไปให้หมดนะ จะบอกให้ ปู่ฉันเป็นประมุขตระกูลวัชรชัยแห่งห้าตระกูลใหญ่ ถ้าพวกแกกล้าแตะต้องฉัน คุณปู่จะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!”ฉายสุดาตะโกนใส่ชายเหล่านั้น

ชายไม่กี่คนแค่นหัวเราะ ราวกับไม่เชื่อในคำพูดฉายสุดา

พวกเขาเป็นคนในวงการบู๊ มาจากสำนักเล็กๆ และพวกเขาก็ดื่มเหล้าไปไม่น้อย ออกมาเห็นฉายสุดาพอดี เห็นหล่อนสะสวยจึงเกิดความคิดสกปรก จึงลากเธอมาตรอกแห่งนี้

“ปู่ของหล่อนเป็นประมุขวัชรชัย งั้นกูก็เป็นประมุขเชาวกรกุลแล้วกัน อย่ามาตอแหลหน่อยเลย หลานสาวตระกูลวัชรชัย จะไม่มีคนคุ้มกันเชียวเหรอ”

“น้องจ๋า อย่ากลัวไปเลย พวกเราไม่ใช่คนร้าย ขอแค่เชื่อฟัง พวกเราจะไม่ทำให้ลำบากเลย จะทำให้ขึ้นสวรรค์ รู้มั้ยจ๊ะ”

“ฮิฮิ ผู้หญิงเจนโลกนี่น่าดูจริงๆด้วย ตัวเล็กแค่นี้ก็แตกสาวแล้ว ในบ้านนอกแบบนี้หาสาวสวยแบบนี้ไม่เจอหรอกนะ”

……

ฉายสุดาเห็นพวกเขาไม่เชื่อคำหล่อน ใจร้อนดุจไฟลน จึงรู้สึกหมดหวัง

รพีพงษ์กับธฤตญาณเห็น ถ้าคนที่ถูกต้อนจนมุมเป็นเด็กสาวที่ไม่รู้จัก พวกเขาคงจัดการเก็บพวกนี้ไป

แล้ว

แต่เป็นฉายสุดา พวกเขาจึงลังเล

“ช่วยดีมั้ย”ธฤตญาณถามรพีพงษ์คำหนึ่ง

“นายว่าไงล่ะ”รพีพงษ์ถามกลับ

“ฉันว่า อย่าช่วยเลย แม้ว่าหล่อนยังเด็ก แต่ก็เป็นคนตระกูลวัชรชัย พวกเขาล้วนเป็นคนที่อยากฆ่านายให้ตาย ช่วยหล่อนไว้ หล่อนก็กลับมาทำร้ายเปล่าๆ หาเรื่องใส่ตัวทำไม”ธฤตญาณเอ่ยปาก

รพีพงษ์ยิ้มเอ่ยปาก“ไม่แน่ว่าฉันช่วยหล่อนครั้งหนึ่ง หล่อนอาจจะไม่อยากฆ่าฉันแล้วก็ได้”

พูดจบ รพีพงษ์จึงพุ่งไปที่ชายกลุ่มนั้น

เขากับห้าตระกูลใหญ่ในตอนนี้ ดูท่า เหมือนน้ำกับไฟ ส่วนยัยหนูนี่ก็เหน็บแนมเสียเขาไม่เหลือท่า แต่ว่าไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้รพีพงษ์ต้องเพิกเฉยต่อความช่วยเหลือ

เขามีความเข้มแข็งในใจ ถ้าวันนี้คนที่อยู่ตรงนี้เป็นบดีศวร เขาคงจากไปโดยไม่มองด้วยซ้ำ แต่ฉายสุดาเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่รู้อะไร มีหลายเรื่องที่เจ้าหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำ ตอนที่รพีพงษ์เห็นเธอ ความคิดแรกคือเธอยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนเรื่องบุญคุณความแค้นกับตระกูลวัชรชัย ฉายสุดาไม่ได้เป็นคนก่อสักหน่อย รพีพงษ์จะไม่ลงอารมณ์กับเด็กคนหนึ่ง

ในตอนที่ฉายสุดากำลังสิ้นหวัง เวลานี้เอง รพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังชายเหล่านั้น ฉายสุดาตกตะลึง

ตอนนั้นในใจเธอเริ่มมีหวัง หวังว่าจู่ๆคุณปู่จะปรากฏตัวขึ้น แล้วช่วยเธอออกไป หรือไม่ก็มีวีรบุรุษสักคนปรากฏตัว ช่วยให้เธอรอดพ้น

หากคิดไม่ถึงว่า คนที่ปรากฏตัวคือรพีพงษ์

รพีพงษ์ยื่นมือออกไป ตบบ่าชายคนหนึ่ง พูดขึ้น“เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิง พวกแกทำแบบนี้ เดรัจฉานไปมั้ย”

คนที่หันไปหารพีพงษ์ เป็นเพราะดื่มเหล้า พอหันมาเห็นว่าเป็นใคร ก็เปิดปากด่า“แม่งมึงเป็นใครวะ อย่ามาเสือก รีบไสหัวไป!”

อีกคนก็พุ่งมาทางรพีพงษ์ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“กล้ารบกวนพ่อมึงเหรอ ไม่แหกตาดูเลย พวกกู จะจัดการมึงก่อน แล้วค่อยไปเล่นกับสาวน้อย”

พวกเขาไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา แม้ว่าจะเป็นพวกสำนักเร่ร่อน แต่อย่างน้อยก็มีกำลังภายใน ในสังคมนี้ ก็ยังทำตัวเกกมะเหรกได้

รพีพงษ์เบ้ปาก บีบคอคนนั้น แค่ออกแรงก็คอพับ

อีกหลายคนพอเห็นก็กระโดดโหยง รีบเข้าไปรุมรพีพงษ์

รพีพงษ์ออกแรงจัดการ พวกขยะสำนักเล็ก อยู่ต่อหน้าเขาไม่นับว่าเป็นอะไร

ในชั่วพริบตา ไม่กี่คนนั้นก็โอดครวญ

หลังจากโดนซ้อมไม่กี่คนนั้นก็ตื่นตัว ตอนนี้พวกเขามองไปที่รพีพงษ์ จู่ๆก็เห็นเป็นรพีพงษ์ผู้ประลอง

ชนะติดกันมาสี่วัน!

“รพีพงษ์!เป็นรพีพงษ์!พวกมึงตาบอดหรือไงวะ ไม่เห็นรพีพงษ์!”

“มึงกล้าว่าพวกกู ทั้งๆที่มึงไปด่าเขาก่อน!”

รพีพงษ์รู้สึกว่าคนๆนี้เกกมะเหรก จึงถีบไปคนละที จนพวกเขาสลบเหมือดไป

ฉายสุดาเห็นรพีพงษ์ช่วยเหลือเธอ ฉับพลันตั้งตัวไม่ติด

คุณปู่มักจะบอกว่ารพีพงษ์คือเนื้อร้าย เป็นศัตรูของตระกูลวัชรชัย เป็นวายร้ายตัวฉกาจ ดังนั้นจึงต้องขจัดทิ้ง แต่ตอนนี้วายร้ายตัวฉกาจนี้ ช่วยเธอออกมาจากอันธพาลกลุ่มนี้ ซึ่งเหนือความคาดหมายของ

เธอ

เธอจ้องมองรพีพงษ์สักครู่ จากนั้นค่อยๆพูดขึ้น“นายช่วยฉันไว้ เพราะต้องการจะจับฉันไปขู่คุณปู่เหรอ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะฆ่าตัวตายต่อหน้าตอนนี้ ฉันจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยนาย”

พอได้ฟังคำพูดฉายสุดา รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่ายัยหนูตัวแค่นี้ แต่ความคิดซับซ้อนเหลือ

เกิน

“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดอะไรปกติหน่อยไม่ได้เหรอ รีบกลับบ้านเถอะ เดินเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านแบบนี้ ถ้าเกิดเจออะไรอีก ไม่มีใครช่วยได้แล้วนะ”

รพีพงษ์พูดกับฉายสุดา จากนั้นเดินออกจากตรอกไป

ธฤตญาณคอยยืนดูอยู่ข้างๆ พอเห็นรพีพงษ์เดินมา ยิ้มแล้วพูด“บอกแล้วไงว่าต่อให้ช่วยหล่อน หล่อนก็ไม่ขอบคุณหรอก เห็นมั้ยหล่อนยังคิดเลยว่าที่นายช่วยมีจุดประสงค์”

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร เดินมุ่งหน้าต่อไป

ฉายสุดาจ้องเงาหลังรพีพงษ์ จากนั้นกัดฟันกรอด รีบวิ่งตามไป

“นาย……นายบอกได้ไหมว่าทำไมต้องช่วยฉัน ทั้งๆที่ฉันเป็นศัตรูกับนาย แต่นายก็ช่วยฉัน นายทำแบบนี้ ไม่หาเรื่องใส่ตัวเหรอ”ฉายสุดาตะโกนไป

รพีพงษ์หยุด หันกลับไปมองฉายสุดา พูดว่า“เธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ฉันไปเป็นศัตรูกับเธอตอนไหน เรื่องฉันกับปู่เธอ ไม่เกี่ยวกับเธอ รีบเรียกรถกลับบ้านเถอะ อย่าอยู่ข้างนอกเลย”

ฉายสุดาได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกไม่เป็นอรรถรส

เธอมองรพีพงษ์เดินต่อ ก็ไม่ได้หยุด จึงเดินตาม

รพีพงษ์เห็นฉายสุดาเดินตาม รู้สึกแปลกใจ จึงถาม“ตามมาทำไม หรือไม่กลัวฉันเปลี่ยนใจ จับเธอไปด้วย”

“ฉันรู้สึกว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วก็……ฉันมีไรอยากพูดด้วย”

ฉายสุดาก้มหน้าเล่นนิ้วมือ ตาโตลำพองใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท