พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ

บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ

บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ

อาจารย์เห็นปฏิกิริยาของรพีพงษ์ จึงยิ้มพลางถามว่า “ทำไม แกรู้จักกลุ่มสิงโตหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับกลุ่มสิงโตให้ฟัง และบอกถึงมีคนของกลุ่มสิงโตอยากให้ตนเข้าร่วมกลุ่มด้วย

หลังจากที่อาจารย์ได้ยินแล้วนั้น ยิ้มพลางกล่าว “ดูๆไปการไปหาหยกโยงจิตที่กลุ่มสิงโตจะยากกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเสียอีก ในเมื่อพวกเขาอยากให้แกเข้าร่วม รอให้แกติดต่อกลุ่มสิงโตได้ก่อน อยากหาหยกโยงจิตให้เจอ ก็ไม่ยากอะไรแล้ว”

“แต่พ่อของผมได้ย้ำไว้แล้วว่าอย่าหาเรื่องคนของกลุ่มสิงโต ไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับกลุ่มสิงโตมากน้อยแค่ไหน?” รพีพงษ์กล่าว

อาจารย์มีท่าทางตรึกตรอง กล่าว “พ่อของแกบอกแกว่าอย่าไปหาเรื่องคนของกลุ่มสิงโต อาจเพราะรู้ความร้ายกาจของกลุ่มสิงโต กลัวว่าแกจะทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเข้า ไม่ใช่เป็นเพราะกลุ่มสิงโตมีปัญหาอะไร”

“ตามที่ผมเข้าใจ ทั้งประเทศจีนพูดได้ว่ากลุ่มสิงโต เป็นกลุ่มที่ระดับต้นๆของโลก เทียบกับตระกูลใหญ่เหล่านั้นแล้ว บริสุทธิ์กว่ามาก รักษาศิลปะการต่อสู้ตลอดมา ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ก็อยู่ในกลุ่มของกลุ่มสิงโต”

ได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว ไม่คาดคิดว่าปรมาจารย์เน่ยจิ้งจะเป็นของกลุ่มสิงโต

ถ้าดูตามนี้ ความสามารถของกลุ่มสิงโต ก็ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะผู้ที่ยอมที่ตะปกป้องศิลปะการต่อสู้ไว้นั้น ไม่มีความคิดชั่วร้ายแน่นอน

ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ที่พ่อเตือนเขาไว้ในตอนนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะความสามารถของกลุ่มสิงโตเก่งกาจจริงๆ จึงกลัวเขาจะไปมีปัญหากับคนของกลุ่มสิงโตโดยไม่ตั้งใจ

“นอกจากกลุ่มสิงโตจะรักษาศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้อีกมากมายที่แกไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งที่แกเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้หยุดไว้เพียงแค่เปลือกนอนเท่านั้น ถ้าแกมีโอกาส การได้เข้าร่วมกลุ่มสิงโตก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่แย่นะ อย่างมากแกก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับใบนี้มากขึ้นไปอีก” อาจารย์พูดต่อ

รพีพงษ์พยักหน้า รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้ระวังกลุ่มสิงโตไว้อยู่บ้างจริงๆ

แล้วหลังจากที่ได้เห็นอาจารย์แสดงพลังออกมาแล้วนั้น รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าตัวเองยังรู้จักกับโลกนี้น้อยไป ถ้ามีโอกาสล่ะก็ เขาก็อยากจะรู้ความลับของโลกนี้ให้มากขึ้นไปอีก

เสียดายเขาไม่รู้ว่าคนของกลุ่มสิงโตอยู่ที่ไหน ทำได้เพียงรอคนของกลุ่มสิงโตมาหาเขาในครั้งต่อไปแล้วค่อยถาม

“สิ่งที่ควรพูดก็พูดใกล้จะหมดแล้ว ฉันมีเวลามากสุดก็สามปี หากภายในสามปี รวบรวมหยกโยงจิตไม่ครบ ฉันทำได้เพียงเผชิญกับภัยพิบัตินั้นแล้ว” อาจารย์กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“อาจารย์ สบายใจได้ ผมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาหยกโยงจิตที่เหลือมาให้อาจารย์ให้ได้” รพีพงษ์กล่าวอย่างหนักแน่น

อาจารย์พยักหน้า จากนั้นก็หยิบหยกที่อยู่ในมือยื่นให้รพีพงษ์ กล่าว “หยกโยงจิตนี้แกเอาไว้ พกติดตัวไว้ก่อน มีประโยชน์ต่อจิตใจ เพิ่มความเร็วของปฏิกิริยาโต้ตอบและความคิด เป็นสิ่งที่หาได้ยาก”

รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ ยื่นมือไปรับหยกโยงจิตนั้น เพราะเขาต้องค้นหาหยกโยงจิต ต้องรู้ว่าหยกโยงจิตมีลักษณะเป็นอย่างไร มีตัวอย่างอยู่กับตัวก็จะสะดวกขึ้นมานิดนึง

หลังจากที่อาจารย์ได้บอกกล่าวต่อรพีพงษ์หมดแล้ว ก็ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ต่ออีกสองวัน และได้ส่งให้ปวัตปวิชพี่น้องทั้งสองอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์ต่อในช่วงนี้ ฟังคำสั่งรพีพงษ์

แฝดทั้งสองคนเรียนศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ ไม่เคยได้ผ่านโลกมาก่อน ดังนั้นจึงดีใจที่ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุดตระกูลลัดดาวัลย์เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเกียวโต มีเงินมีอำนาจ ช่วงหลายวันมานี้ทั้งคู่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์อย่างค่อนข้างสบาย ตอนนี้ถึงแม้รพีพงษ์จะไล่พวกเขาทั้งคู่ไป พวกเขาทั้งสองก็ไม่อยากไปแล้ว

สองวันให้หลัง อาจารย์จะต้องไปเตรียมตัวสำหรับภัยพิบัติอีกสามปีข้างหน้า ดังนั้นจึงเดินทางออกจากเกียวโต แล้วได้ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ ให้เขาเจอหยกโยงจิตแล้ว ก็ติดต่อเขาไป

หลังจากที่อาจารย์ได้ออกไปแล้ว รพีพงษ์ก็ได้บอกเรื่องที่ตนจะไปหาหยกโยงจิตให้กับอารียาฟัง

อารียาได้ยินก็ค่อนข้างไม่สบายใจ เพราะรพีพงษ์เพิ่งกลับมาได้ไมานาน ก็ต้องไปอีกแล้ว เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่มาก

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ขวัญนลินเกือบจะไม่รู้แล้วว่าพ่อตัวเองเป็นใคร

รพีพงษ์ก็รู้ว่าที่ตัวเองทำนี้มันไม่ดีต่ออารียาและขวัญนลินสองแม่ลูก แต่บุญคุณของอาจารย์ล้นฟ้า เขาไม่สามารถมองดูอาจารย์เจอกับภัยพิบัติโดยไม่สนใจใยดีใดๆได้

เขาก็อยากมีชีวิตที่มีความสุขและปลอดภัยกับสองแม่ลูก แต่ความหวังแบบนี้ ทำได้เพียงรอให้นานกว่านี้หน่อยถึงจะเป็นจริงได้

เพื่อเป็นการชดเชยอารียาสองแม่ลูก รพีพงษ์สัญญาว่าจะอยู่กับพวกเขาหนึ่งเดือนเต็มๆ จากนั้นค่อยไปตามหาหยกโยงจิต

อารียารู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกคน ที่ใส่อารมณ์ก็แค่ชั่ววูบ ไม่มีทางขัดขวางไม่ให้รพีพงษ์ไปทำเรื่องของตัวเองได้ ดังนั้นไม่นานก็ยกโทษให้รพีพงษ์

เพื่อให้รพีพงษ์ได้รับรู้ความรู้สึกเป็นพ่อเพียงพอในขณะที่ขวัญนลินกำลังเติบโต ดังนั้นในช่วงหนึ่งเดือนที่รพีพงษ์อยู่ในบ้าน การกระทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับขวัญนลิน รพีพงษ์เป็นคนจัดการทั้งหมด

รพีพงษ์จะต้องเป็นพ่อบ้านเต็มตัวในช่วงหนึ่งเดือนนี้ มิเช่นนั้นอารียาจะไม่อนุญาตให้รพีพงษ์ออกไป

รพีพงษ์ตอบรับ รู้สึกว่าสิ่งที่อารียาขอนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไร ก็แค่ดูแลลูกป้ะ เรียนรู้สักหน่อยก็ได้แล้ว

แต่ตอนที่รพีพงษ์ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ้าอ้อมของขวัญนลิน ถูกขวัญนลินเยี่ยวใส่ทั้งตัว ถูกขวัญนลินทำให้เป็นทุกข์ทั้งคืนจนนอนไม่หลับ เขาจึงได้รับรู้ถึงความยากลำบากในการเลี้ยงลูก

ความยากในการเลี้ยงเด็กเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ยากพอๆกับการจะเป็นแดนดั่งเทพ

เมื่อรับรู้ถึงความยากลำบากตรงนี้แล้ว รพีพงษ์จึงจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อารียาทำเพื่อครอบครัว ว่าไม่ต่างจากเขาเลย

หลังจากที่เอาลูกให้รพีพงษ์แล้วนั้น อารียารู้สึกเบาขึ้นเยอะ จึงฉวยโอกาสนี้ เดินซื้อของทุกวัน วิ่งออกกำลังกาย มาส์กหน้า เริ่มใช้ชีวิตผ่อนคลาย

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังวุ่นอยู่กับการที่ขวัญนลินไม่กินข้าวอยู่นั้น อีกฝั่งหนึ่งของอาคารที่ห่างออกไปไม่ไกลจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์

ในห้องที่พื้นที่ไม่ใหญ่นัก ชายสวมชุดยาวสีดำยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง กำลังมองไปที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ที่อยู่ไม่ไกล

สักพัก ชายชุดดำ ได้ส่งเสียงออกมาว่า “รพีพงษ์ ช่วงนี้แกไม่เลวเลยนะ เลี้ยงลูกมีความสุขขนาดนี้”

“เสียดายเวลาของฉันไม่พอแล้ว คนของญี่ปุ่นกำลังจะมาถึงเกียวโต ฉันจะต้องจัดการแก ให้ได้ในช่วงเวลานี้”

“ฉันรู้ดีถึงช่วงเวลาที่ที่เมียแกออกจากบ้านในช่วงนี้แล้ว ฉวยโอกาสใช้ชีวิตช่วงที่มีความสุขนี้ไว้ให้ดีๆ เพราะ อีกไม่นานแกจะตายด้วยน้ำมือของฉัน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท