พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่807 หลบๆซ่อนๆ

บทที่807 หลบๆซ่อนๆ

บทที่807 หลบๆซ่อนๆ

“คุณชาย ฉันเชื่อก็ได้ว่าคุณไม่คิดร้าย กรุณาปล่อยเขาก่อนได้ไหม” อุเอสึงิกล่าวต่อรพีพงษ์

รพีพงษ์ปล่อยมือ กล่าว “เชื่อว่าตอนนี้พวกคุณน่าจะรู้ถึงเหตุการณ์ในตอนนี้แล้ว เพียงแค่พวกคุณให้ความร่วมมือ ผมไม่มีทางทำอะไรพวกคุณแน่นอน แต่ถ้าพวกคุณไม่ทำตามล่ะก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

ในเมื่อเล่นละครไม่สำเร็จ รพีพงษ์ทำได้เพียงใช้ไม้แข็งเท่านั้น

ผู้เฒ่ารู้ว่ารพีพงษ์ไม่ล้อเล่น ดังนั้นหลังจากที่ยืนขึ้นแล้ว ก็ไม่บู่มบ่าม

“แม้พวกเราจะยินยอมให้คุณไปสำนักเทพยาเซียนด้วย คิดว่าพอไปถึงแล้วคุณจะมีโอกาสเข้าไปได้งั้นหรอ? คนของสำนักเทพยาเซียนดูไม่ออกว่าคุณปลอมตัวมาหรอ?” ผู้เฒ่ากล่าวอย่างเหยียดหยามรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ รอให้ถึงสำนักเทพยาเซียน ผมมีวิธี”

ผู้เฒ่าดูแคลน ไม่พูดอะไรต่อ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมจะถือว่าพวกคุณยินยอมไปสำนักเทพยาเซียนกับผมแล้วนะ เพราะผมสนใจมันจริงๆ ที่ไปกับพวกคุณ ก็แค่จะได้สะดวกต่อการเข้าไป ผมไม่ยุ่งเรื่องการแลกเปลี่ยนของพวกคุณ หวังว่าพวกเราจะเดินทางอย่างปรองดองได้”

“ขอถามอะไรหน่อย พวกคุณกับสำนักเทพยาเซียนแลกเปลี่ยนอะไรกัน ผมไม่ยุ่ง แค่ถามก็ไม่น่าจะเป็นไรหรอกมั้ง?”

อุเอสึงิ ฮารุจะพูด แต่ผู้เฒ่าเห็นดังนั้น จึงรั้งเธอไว้ กล่าว “ขอโทษนะ นี่เกี่ยวข้องกับความลับของตระกูลอุเอสึงิ ขอไม่บอก”

ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่า รพีพงษ์ก็ทำได้แค่หัวเราะพวกเขายิ่งไม่พูด รพีพงษ์ยิ่งสงสัย แต่เขาก็ไม่สามารถบังคับให้ทั้งสองพูดออกมาได้

ยังไงโอกาสก็ยังมีอีกเยอะ ไม่รีบ

ไม่ชักช้า หลังจากที่ตกลงเสร็จ ทั้งสามก็เดินทาง ไปยังสำนักเทพเซียนยา

ตามที่ชายชุดดำพูด สำนักเทพยาเซียนอยู่ในหุบเขาอันไกลโพ้นทางตอนใต้ พวกเขาต้องผ่านเมืองเล็กๆนี่ไปก่อน ผ่านเขาหลายยอด ผ่านป่าหลายที่ จึงจะถึงที่ตั้งของสำนักเทพยาเซียน

ดีที่ฝีมือของทั้งสามแข็งแกร่ง การเดินทางแบบนี้จึงไม่เป็นปัญหาใดๆ

จากการพูดคุย รพีพงษ์ได้รู้ว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง ถ้าตามวิถีของประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นนินจาระดับเน่ยจิ้งขั้นกลาง

ฝีมือแบบนี้ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว พรสวรรค์ของเธอ เก่งกว่าชาลิสาอีก

และอุเอสึงึ ฮารุไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือพฤติกรรม ท่าที ก็อ่อนโยน ดูๆไปเหมือนกับคุณหนูตระกูลใหญ่ เหมือนกับความสวยงามของเธอ จนดูไม่ออกว่าเป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง

แน่นอน ว่าในสายตาของรพีพงษ์หรือคนทั่วไปเน่ยจิ้งขั้นกลางในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันมาก ดีงนั้นเขาปฏิบัติต่ออุเอสึงิ ฮารุด้วยความอ่อนโยนได้เลย

ระหว่างทางไป รพีพงษ์กับอุเอสึงิคุยกันค่อนข้างถูกคอ รพีพงษ์คิดเสมอว่าจะฉวยโอกาสนี้ถามอุเอสึงิเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนกันระหว่างตระกูลอุเอสึงิกับสำนักเทพยาเซียนว่าคืออะไร แต่ทุกครั้งก็จะถูกผู้เฒ่าขัดจังหวะตลอด เขายังเตือนอุเอสึงิ ฮารุให้คุยกับรพีพงษ์น้อยๆหน่อย

ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้อุเอสึงิ ฮารุมักจะผิดหวัง นี่ทำให้รพีพงษ์ได้กลิ่นตุๆ ราวกับว่าอุเอสึงิ ฮารุซ่อนความในใจอะไรเอาไว้

ผู้เฒ่าที่อยู่กับอุเอสึงิ ฮารุชื่ออุเอสึงิ ยูกิ ถือว่าเป็นลุงของอุเอสึงิ ฮารุ ครั้งนี้มาเพื่อปกป้องอุเอสึงิ ฮารุโดยเฉพาะ

แต่จากการสังเกต รพีพงษ์พบว่าอุเอสึงิ ฮารุกับอุเอสึงิ ยูกิไม่ได้สนิทกัน ราวกับห่างกันมาก เหมือนกับถ้าไม่ใช่เพราะจะต้องไปสำนักเทพยาเซียน พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่มีทางได้สื่อสารกัน

และทุกครั้งที่อุเอสึงิยูกิขัดขวางอุเอสึงิ ฮารุ ก็เป็นแค่ข้อห้ามจากผู้ที่อาวุโสกว่า และการสั่งเท่านั้น ดูแล้วไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

รพีพงษ์รู้ดีสำหรับความสัมพันธ์ในตระกูล ตอนนั้นแม่ของเขาก็ทำแบบนี้กับเขาเช่นกัน ลุงที่ปฏิบัติตัวแบบนี้ต่อผู้ที่อ่อนกว่า ก็ไม่แปลกอะไร

การเดินทาง ได้เปลี่ยนพาหนะมาหลายอย่าง สุดท้ายทั้งสามก็ถึงเขาที่สำนักเทพยาเซียนตั้งอยู่เสียที

พวกเขาเพียงแค่ขึ้นเขานี้ไป ก็จะเห็นสำนักเทพยาเซียนแล้ว

ในระหว่างทาง สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์แปลกใจก็คือ ผ่านไปสักพักอุเอสึงิ ยูกิ จะใช้ข้ออ้างของเข้าห้องน้ำแล้วปลีกตัวออกไปสักพัก ความจริงนี้ก็เป็นเรื่องทั่วไป แต่การเข้าห้องน้ำของอุเอสึงิ ยูกิมันเป็นเวลาเกินไป แทบจะทุกๆหกชั่วโมงจะปลีกตัวสักครั้ง

ดูๆไป เขาไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่แล้ว

ก่อนหน้าที่จะขึ้นเขา อุเอสึงิ ยูกิได้ขอไปเข้าห้องน้ำอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในป่าลึก

รพีพงษ์เห็นดังนี้ กล่าว “ผมไปด้วย”

อุเอสึงิ ยูกิไม่คิดแต่อย่างใดแล้วตอบกลับในทันทีว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ค่อยถนัดไปพร้อมกับคนอื่น”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “‘งั้นคุณไปเถอะ ผมไปจุดอื่น”

อุเอสึงิ ยูกิออกไปจากจุดนี้ทันที รพีพงษ์แกล้งทำเป็นเลี้ยวไปทางอื่น

เดินออกไปไม่นาน รพีพงษ์ก็รีบอ้อมตามอุเอสึงิ ยูกิไปอย่างเร็ว เดินตามอุเอสึงิ ยูกิ เขาได้เรียนรู้การพรางตัวจากครองภพแล้วบ้าง ด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้ อุเอสึงิ ยูกิไม่มีทางรู้แน่นอนว่ารพีพงษ์สะกดรอยตามเขาอยู่

เดินตรงไปด้านหน้าห่างกันประมาณหนึ่งพันเมตร รพีพงษ์เห็นอุเอสึงิ ยูกิหยุดตรงที่พงหญ้าสูงนั้น จากนั้นก็หลบหลังพงหญ้า

รพีพงษ์แปลกใจกับการปลีกตัวทุกครั้งของอุเอสึงิ ยูกิ ว่าทำอะไรกันแน่ ถ้าพูดว่าทุกครั้งเขามาเข้าห้องน้ำจริงๆ ให้ตายรพีพงษ์ก็ไม่เชื่อ

เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างเงียบๆ บนต้นไม้นี้สามารถมองเห็นตำแหน่งหลังพุ่มหญ้านั้นได้พอดี

เมื่อรพีพงษ์ขึ้นไปถึงยอดไม้แล้วนั้น เห็นอุเอสึงิ ยูกิกำลังนั่งลงกับพื้น ด้านหน้ากำลังวางภาชนะไว้ ในภาชนะ เต็มไปด้วยของเหลวสีแดง จากประสบการณ์ของรพีพงษ์ ของเหลวสีแดงนี้แปดเก็าสิบเปอร์เซ็นต์คือเลือด

เห็นอุเอสึงิ ยูกิกำลังท่อง เพราะอยู่ห่างไกล รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังท่องอะไร มองๆไปเหมือนกำลังสาปแช่ง

ท่องอยู่นาน อุเอสึงิ ยูกิเย็บภาชนะนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ยกทูลหัว แล้วกินของเหลวนั้นเข้าไป

รพีพงษ์ชะงัก แม้เขาไม่รู้ว่าอุเอสึงิ ยูกิกำลังทำอะไร แต่ดูจากการกระทำก็พอจะดูออกว่าเขากำลังเล่นไสยศาสตร์ หรือทำเรื่องไม่ดีอยู่

ไม่พูดก่อนแล้วกันว่านี่มันจริงหรือไม่ ในเมื่ออุเอสึงิ ยูกิทำเรื่องแบบนี้ได้ นั่นก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร

ถ้าเมื่อกี๊สิ่งที่อุเอสึงิ ยูกิดื่มเข้าไปเป็นเลือดคนล่ะก็ งั้นก็ชั่วร้ายเข้าไปอีก

ยังไงรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึง คนของตระกูลอุเอสึงิ จะมีงานอดิเรกแบบนี้

เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ จะไปถามอุเอสึงิ ยูกิให้มันรู้แล้วรู้รอด

ในขณะที่เขากำลังกระโดดลงมา อุเอสึงิ ยูกิได้รู้สึกไม่ชอบมาพากล รีบยืนขึ้น มองไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นท่าทีของอุเอสึงิ ยูกิ ก็ตื่นเต้น

เห็นเพียงผมของอุเอสึงิ ยูกิ รอบๆดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด มองไปราวกับกำลังบ้าคลั่ง น่ากลัวถึงขีดสุด

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท