พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ

บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ

บทที่806 อุเอสึงิ ฮารุ

สาวผู้งามดั่งเทพธิดา คืออุเอสึงิ ฮารุที่อยู่บนภาพที่รพีพงษ์ถืออยู่ในมือ

ในภาพบอกแค่ความงามของอุเอสึงิ ฮารุ หนึ่งในพันเท่านั้น หรืออาจไม่ถึงเลยก็เป็นได้ แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้เห็นตัวจริงแล้วนั้น ก็ตกตะลึง

สวยสาวที่รพีพงษ์เจอมานั้นไม่เยอะ แต่ความงามของอุเอสึงิ ฮารุยังคงทำให้รพีพงษ์ก็อารมณ์ที่ว่า “สาวงามคนนี้ควรจะอยู่บนสวรรค์”

แต่ไม่นานเข้าก็ได้สงบนิ่งลง เพราะเขาเป็นพ่อคนแล้ว แล้วในใจก็มีเพียงแค่อารียาคนเดียว เห็นสาวงามแบบนี้ ทำได้มากสุดก็แค่มอง

หลังจากที่อุเอสึงิและผู้เฒ่าคนนั้นเห็นรพีพงษ์แล้ว ก็เกิดความสงสัยขึ้น โดยเฉพาะสายตาที่รพีพงษ์มองอุเอสึงิ ฮารุทำให้เธอต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเลยทีเดียว

“คุณคือคนของสำนักเทพยาเซียน?” อุเอสึงิ ฮารุ ใช้ภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วถาม

รพีพงษ์ยืนขึ้น แล้วพยักหน้าให้เธอ

“คุณหนู คนนี้อาจจะอ้างก็ได้ ก่อนหน้านี้สำนักเทพยาเซียนบอกผมว่าจะจัดคนที่เป็นแดนปรมาจารย์มาก่อน เด็กนี่ดูๆไปอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนูนะ ไม่มีทางเป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ได้” ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆอุเอสึงิ ฮารุกล่าว

นัยน์ตาอันสวยงามของอุเอสึงิ ฮารุแปลกใจ รู้สึกว่ารพีพงษ์น่าจะปลอมตัวมาจริงๆ

รพีพงษ์เห็นทั้งสองไม่เชื่อตน จึงได้โชว์ฝีมือให้เห็นในทันที จากนั้นก็เดินไปที่กำแพง ต่อยเข้าไป ที่กำแพงเป็นหลุมขนาดหมัดขึ้นทันใด

“ตอนนี้เชื่อแล้วยัง?”

อุเอสึงิ ฮารุกับผู้เฒ่ามองเหตุการณ์อย่างตะลึง เมื่อกี๊ที่รพีพงษ์แสดงฝีมือออกมานั้นมีเพียงแดนปรมาจารย์เท่านั้นที่ทำได้ ผู้เฒ่าคนนั้นก็เป็นแดนปรมาจารย์เช่นกัน ไม่มีทางดูผิดแน่นอน

“คุณอายุราวๆเดียวกับคุณหนูของผมแท้ๆ ทำไมถึงได้มีฝีมือขนาดนี้ แม้จะมีพรสวรรค์ แต่อายุขนาดนี้ก็ไม่น่าจะเป็นแดนปรมาจารย์ได้?” ผู้เฒ่ากล่าวอย่างคาดไม่ถึง

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สำนักเทพยาเซียนใช้ยาในการพัฒนา คิดจะใช้ยาพัฒนาระดับ เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดังนั้นผมอายุเท่านี้แล้วเป็นแดนปรมาจารย์ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

ในเมื่อจะต้องปลอมตัวเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน ก็ต้องปลอมให้เหมือนหน่อย

ทั้งสองฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ความสงสัยในตัวของรพีพงษ์ก็ลดลง

“ที่แท้ชื่อเสียงของสำนักเทพยาเซียนก็เจ๋งจริง เมื่อกี๊พวกเราเสียมารยาท ขอคุณชายได้โปรดให้อภัย” อุเอสึงิกล่าวอย่างมีมารยาทต่อรพีพงษ์

ได้ยินคุณชายคำนี้ รพีพงษ์รู้สึกกำลังย้อนเวลา แต่เมื่อนึกว่าเธอเป็นคนญี่ปุ่น อาจไม่เข้าใจการเรียกของประเทศจีน ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “เกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อเจอกันแล้ว งั้นพวกเราก็ไปยังสำนักเทพยาเซียนกันเถอะ แบบนี้พวกคุณก็จะได้แลกเปลี่ยนกับผู้อาวุโสโดยเร็ว”

พูดจบ รพีพงษ์จะเดินออกไปข้างนอก ในขณะเดียวกันนี้ผู้เฒ่าได้มองไปรอบๆ หลังจากที่จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วนั้น ก็กล่าว “สหาย ใจเย็นๆ มิทราบว่าพวกเราขอดูตัวอย่างของยาหน่อยได้ไหม ดูเสร็จแล้วก็เดินทางกัน”

รพีพงษ์ชะงัก ชายชุดดำนั้นไม่เคยบอกมาก่อนว่าตระกูลอุเอสึงิต้องการยาตัวไหน และไม่เคยพูดถึงว่ามีตัวอย่างยังไง ตอนนี้ผู้เฒ่าขอจากรพีพงษ์ แน่นอนว่ารพีพงษ์เอาออกมาให้ไม่ได้

เขาคิดว่าชายชุดดำตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้แน่นอน ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่อยากรีบโทรหาครองภพ ให้ครองภพทิ่มชายชุดดำไปหลายๆครั้ง

“เอิ่มเอิ่มผมไม่ได้เอาตัวอย่างมา รอให้ไปถึงสำนักแล้วค่อยดูก็ได้” รพีพงษ์พูดอย่างอึดอัด

ผู้เฒ่าดึงแขนของอุเอสึงิ ฮารุไว้ ถอยหลังไป แล้วกล่าว “แกไม่ใช่คนที่สำนักเทพยาเซียนส่งมา พวกเราไม่ได้ต้องการยา แกจะเอาตัวอย่างยามาได้ไง!”

รพีพงษ์ด่าในใจ ไม่คาดคิดว่าจะถูกชายชุดดำหลอก หรือผู้เฒ่ากำลังหลอกเขา

ตอนแรกเขาคิดว่าจะยืมตัวจนของชายชุดดำ แล้วขณะที่ไปสำนักเทพยาเซียน ก็ฉวยโอกาสถาม ไม่คาดคิดว่าเพิ่งเริ่มก็ถูกจับได้เสียแล้ว

ดูๆแล้วเขาไม่เหมาะกับการแสดงละครจริงๆ

อุเอสึงิ ฮารุขมวดคิ้วกำลังมองไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “แกเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องปลอมตัวเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน คนที่สำนักเทพยาเซียนจัดมาไปไหนแล้ว?”

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเซ็ง คิดว่าไหนๆก็ถุกจับได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งอีกต่อไป บอกไปเลยตรงๆ

“ในเมื่อถูกจับได้แล้ว งั้นผมจะพูดตรงๆ คนของสำนักเทพยาเซียนนั้นต้องการฆ่าผม แต่ถูกผมจับไว้ ผมได้ถามเรื่องของพวกคุณจากเขา เพราะผมก็สงสัยในสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นจึงอยากไปพร้อมกับพวกคุณ พวกคุณวางใจได้ ผมไม่คิดร้าย” รพีพงษ์กล่าว

ผู้เฒ่าดูแคลน แล้วกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าแกพูดจริงหรือเปล่า คุณหนู พวกเราไปกันเถอะ เผื่อถูกหลอก” พูดจบ ผู้เฒ่าก็ได้พาอุเอสึงิออกไปจากที่นี่

รพีพงษ์ส่ายหัว แวบเดียวก็ไปถึงประตู แล้วขวางทั้งสองคนไว้

“ถ้าผมคิดอะไรมิดีมิร้ายกับพวกคุณล่ะก็ ตอนที่พวกคุณเข้ามา พวกคุณทั้งสองก็จะกลายเป็นศพไปแล้ว ผมไม่อยากมีความแค้นกับพวกคุณ แค่สนใจในสำนักเทพยาเซียนก็เท่านั้น”

แน่นอน ว่าเขาก็ยังสนใจในการแลกเปลี่ยนกันระหว่างตระกูลอุเอสึงิและสำนักเทพยาเซียน แต่ไม่ได้พูดออกมา

“ไม่ละอายใจ แกอิแค่เด็กน้อย อยากคุกคามพวกเรา อย่าคิดว่าเป็นแดนปรมาจารย์แล้ว จะคุยโวยังไงก็ได้นะ!”

ในสายตาของผู้เฒ่า แม้รพีพงษ์จะเป็นแดนปรมาจารย์ในช่วงอายุเท่านี้ ก็เพิ่งจะเป็นได้ไม่นาน เขาจะลงมือต่อรพีพงษ์ ก็ไม่น่าจะยากอะไร

ดังนั้นเมื่อเห็นรพีพงษ์ขวางพวกเขาไว้นั้น เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมือต่อรพีพงษ์ทันใด

รพีพงษ์เซ็ง เห็นผู้เฒ่าลงมือ ก็ได้เพียงกล่าวอย่างสงบว่า “ความจริงไม่อยากทำร้าย แต่คุณบีบผม งั้นผมก็จะไม่เกรงใจล่ะ”

ห้านาทีผ่านไป

อุเอสึงิเห็นผู้เฒ่าที่ถูกรพีพงษ์กดไว้กับพื้นยืนขึ้นไม่ได้ ก็ตกใจได้ถอยไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว

แม้ฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ในตระกูลอุเอสึงิไม่ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็ถือเป็นยอดฝีมือที่ทุกคนเคารพนับถือ ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกรพีพงษ์จัดการอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์หันไปยิ้มกับเธอ กล่าว “คุณสบายใจได้ ผมไม่ได้มาร้าย เพียงแค่ผมได้บอกกับพวกคุณไปแล้ว ถ้าปล่อยให้พวกคุณไปง่ายๆก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าพวกคุณไปฟ้องสำนักยาเซียนเรื่องผมก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว”

อุเอสึงิ ฮารุได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่หลังจากที่เห็นฝีมือของรพีพงษ์แล้ว เธอก็รู้สึกว่ารพีพงษ์พูดถูก ถ้ารพีพงษ์จะฆ่าพวกเขา พวกเขาก็คงตายไปนานแล้ว

ผู้เฒ่าที่ถูกรพีพงษ์กดอยู่กับพื้นก็ตะลึง ฝีมือที่วัยรุ่นคนนี้แสดงออกมา ก็เกือบจะเป็นฝีมือในช่วงปกติของระดับนายใหญ่ของตระกูลแล้ว

แต่ถ้าเทียบกับช่วงที่ไม่ปกติของนายใหญ่ล่ะก็ ยังต่างกันมาก……

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผู้เฒ่าก็ตัวสั่นขึ้นมา ราวกับนึกถึงเรื่องที่น่ากลัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท