พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ

บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ

บทที่808โทษของตระกูลอุเอสึงิ

“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ให้ตามมา!” หลังจากที่อุเอสึงิ ยูกิเห็นคนที่ตามมาคือรพีพงษ์แล้วนั้น ก็มีท่าทีที่เหี้ยมโหดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธเคืองอย่างมาก

เขาเหมือนกับอยากจะกลับไปเป็นคนเดิม แต่เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อยากจะเปลี่ยนกลับไปก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ก็เห็นลักษณะของเขาในตอนนี้แล้ว

“ตอนแรกผมก็คิดว่าตระกูลอุเอสึงิเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอะไร ดังนั้นจึงไม่คิดจะบาดหมางกับพวกคุณ แต่ไม่คิดว่าพวกคุณกลับใช้วิชาไสยศาสตร์แบบนี้ เมื่อกี๊ที่คุณดื่ม คือเลือดคนใช่ไหม?” รพีพงษ์จ้องอุเอสึงิ ยูกิแล้วถาม

อุเอสึงิ ยูกิดูแคลน กล่าว “กูจะกินอะไรก็เรื่องของกูไม่เกี่ยวกับมึง มึงอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มากนัก มิเช่นนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!”

รพีพงษ์บึนปาก ตอนแรกรพีพงษ์คิดว่าหยกโยงจิตอยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิ เขาแย่งมามันดูไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงอยากดูจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ว่าตระกูลอุเอสึงิต้องการอะไร ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้พิจารณาถูก

ถ้าสามารถหาของที่ตระกูลอุเอสึงิต้องการได้ ก็แลกเปลี่ยนกันถือว่าดีที่สุด

แต่ตอนนี้เห็นอุเอสึงิ ยูกิเล่นไสยศาสตร์ บวกกับระหว่างทางอุเอสึงิ ยูกิไม่ชอบมาพากล รพีพงษ์ก็สงสัย ว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างตระกูลอุเอสึงิกับสำนักเทพยาเซียน ก็ไม่น่าจะข้ามพ้นเรื่องชั่วร้ายไปได้ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับตระกูลอุเอสึงิแล้ว

ครั้งนี้ที่พวกแกแลกเปลี่ยนกับสำนักเทพยาเซียน คงจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์นี่หรอกนะ? ดังนั้นแกจึงไม่อยากให้ฉันรู้?” รพีพงษ์ถามอุเอสึงิ ยูกิ

อุเอสึงิ ยูกิมองไปรอบๆ ราวกับถูกขุดคุ้ยความลับแล้วอย่างไรอย่างนั้น ตะคอกไปที่รพีพงษ์อย่างโมโหว่า “ไอ้เด็กน้อย ความจริงมึงสามารถไปสำนักเทพยาเซียนอย่างสงบกับกูได้ แต่มันพยายามหาเรื่อง ในเมื่อมึงรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษกูแล้วกัน!”

พูดจบ อุเอสึงิ ยูกิพุ่งไปหารพีพงษ์ ไม่ให้เวลาที่จะพูดคุยปรึกษาใดๆ

รพีพงษ์เห็นเหตุการณ์ก็ดูแคลน แม้ตอนนี้ท่าทีของอุเอสึงิ ยูกิน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นปีศาจแต่อย่างใด

ตามที่รพีพงษ์คาดเดา ที่เขาทำพิธีนั้นน่าจะเป็นเกี่ยวกับการเพิ่มพลัง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ เพราะร่างกายไม่เหมาะสมกับการทำพิธีนี้ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

เขาก็คงไม่ใช่เพราะร่างกายเปลี่ยนเป็นน่ากลัว แล้วฝีมือจะเลื่อนจากแดนปรมาจารย์เป็นแดนดั่งเทพได้ มิเช่นนั้นความสามารถของตระกูลอุเอสึงิก็ติดอันดับต้นๆของโลกแล้ว

ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีสื่งที่สืบทอดมานานอย่างมั่งคั่งเหมือนกับประเทศจีน นักศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนพึ่งยาเพิ่มเพิ่มพลัง แต่ยอดฝีมือของประเทศญี่ปุ่นถ้าอยากเลื่อนขั้น ก็คงต้องพึ่งอะไรที่มันป่าเถื่อนแบบนี้

ในขณะที่อุเอสึงิ ยูกิพุ่งไปที่รพีพงษ์นั้น พลังของรพีพงษ์ระเบิดขึ้น ชนกับอุเอสึงิ ยุกิเข้าจังๆ

ไม่พูดก็ไม่ได้ ตอนนี้พลังของอุเอสึงิ ยูกิน่ากลัว แม้แต่รพีพงษ์ยังประหลาดใจ ทั้งสองชนเข้าด้วยกัน แต่รพีพงษ์ต้องถอยหลังไปสิบกว่าเมตร

เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้ในบ้านนั้นกับรพีพงษ์ พลังงานตอนนี้ของอุเอสึงิ ยูกิเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

เห็นรพีพงษ์ต้องถอยเพราะตัวเอง อุเอสึงิ ยูกิก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “เด็กน้อย กูในสถานการณ์แบบนี้ พลังไม่มีใครต้านทานได้ ถ้ามึงอยากชนะกู เป็นไปไม่ได้แล้ว!”

รพีพงษ์ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “ใครบอกแก ว่าเมื่อกี๊เป็นพลังทั้งหมดของฉัน? ฉันก็แค่อยากทดสอบพลังของแกในตอนนี้ก็แค่นั้น”

พูดจบ พลังของรพีพงษ์ก็ระเบิดออกมา ไม่แย่ไปกว่าอุเอสึงิ ยูกิเลย

อุเอสึงิ ยูกิชะงัก ไม่คาดคิดว่าพลังของรพีพงษ์ก็น่ากลัวได้ขนาดนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความริษยา

เขาต้องใช้วิธีปฏิบัติที่น่ารังเกียจแบบนี้ จึงจะมีพลังระดับนี้ แต่ไอ้เด็กน้อยด้านหน้าของเขากลับมีระดับที่เขาทำมาอย่างยากลำบากอย่างง่ายดาย นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ

“วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน รอแกตายก่อน จะดูว่าแกจะขี้โม้ยังไงอีก!”

ทั้งสองพุ่งชนกันอีกครั้ง พงหญ้ารอบๆล้มลงเพราะการต่อสู้กันของสองคนนี้ ทั้งสองประลองกันรอบๆบนต้นไม้ บนต้นไม้นั้นมีโพรงเกิดขึ้นใหญ่มาก

ในการต่อสู้ มีต้นไม้หลายต้นได้ล้มลงเพราะการต่อสู้ครั้งนี้

แม้ความสามารถของอุเอสึงิ ยากูเก่งกาจ แต่สำหรับการใช้พลังนั้นก็ทำไม่ได้ทุกอย่างอย่างรพีพงษ์ และอาจเป็นเพราะใช้ไสยศาสตร์ จึงมีความรู้สึกที่ไม่คงที่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่นาน รพีพงษ์ก็รู้จุดอ่อนของอุเอสึงิ ยูกิ

เขาไม่ลังเล ตบไปที่อกของอุเอสึงิ ยูกิโดยตรง อุเอสึงิ ยูกิลอยไปด้านหลัง ชนต้นไม้พังไปสองต้น จึงหยุดลง

รพีพงษ์เดินไปอยู่ตรงหน้าของอุเอสึงิ ยูกิ เห็นเขาหายใจแผ่วๆ ใบหน้าไร้ซึ่งเลือดฝาด ดูๆไปแล้วไม่น่าจะมีชีวิตต่อได้

“แก……แกไอ้อัปรีย์ ตระกูลอุเอสึงิของฉัน ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่” อุเอสึงิ ยูกิกล่าว

รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “ถ้าคนของตระกูลอุเอสึงิเล่นไสยศาสตร์แบบนี้ พวกแกไม่ต้องมาหาฉัน ฉันก็จะไปเอาเลือดเนื้อของพวกแกด้วยตัวฉันเอง”

“บอกมา พวกแกมีการแลกเปลี่ยนอะไรกับสำนักเทพยาเซียน!”

อุเอสึงิ ยูกิจับอกของตัวเองไว้ แล้วกล่าว “ฝันไปเถอะ แม้ฉันจะตาย ก็ไม่มีทางบอกแก!”

รพีพงษ์ไม่สนเขา ยื่นมือไปยังอกของอุเอสึงิ ยูกิ อุเอสึงิ ยูกิเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบหลบ เสียดายที่เขาไม่มีแรงต่อต้านรพีพงษ์ รพีพงษ์ถีบเข้าไปที่ตัวของเขาจนเขาไม่มีแรงต่อต้านอีกต่อไป

ที่อกของอุเอสึงิ ยูกิได้ซ่อนของเอาไว้ รพีพงษ์หยิบออกมา เป็นกระดาษที่เขียนสิ่งแลกเปลี่ยนไว้

“ไอ้โง่ นี่มันเป็นความลับของตระกูลอุเอสึงิของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ดู เอามาเดี๋ยวนี้!” อุเอซึงิ ยุกิตะคอกไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา เปิดใบรายการแลกเปลี่ยน แล้วสอดสายตาดู

ด้านบนเป็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น ดีที่ตอนเด็กรพีพงษ์ได้เรียนภาษา เรียนภาษาของประเทศต่างๆ มิเช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่มีทางดูสิ่งที่เขียนไว้บนกระดาษได้

บนรายการนี้เขียนเกี่ยวกับชื่อยาที่รพีพงษ์ไม่เคยได้ยินมาก่อน จำนวนด้านบนก็ไม่น้อย ดูไปแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

นี่ทำให้รพีพงษ์สงสัย เพราะถ้าแลกเปลี่ยนกันแค่ตัวยาล่ะก็ อุเอสึงิ ยูกิก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้จนมิดชิดขนาดนี้

แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้เห็นเนื้อหาหน้าสุดท้ายของรายการ เขาหน้าถอดสี และเริ่มโมโหขึ้นมา

“ดวงตาเด็กชายเด็กหญิงสิบคู่ เลือดบริสุทธิ์ทารกสามขวบสิบคน เนื้อบริสุทธิ์ของทารกสามขวบสิบคน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท