พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่836 ความโดดเดี่ยวของตระกูลวัชรชัย

บทที่836 ความโดดเดี่ยวของตระกูลวัชรชัย

บทที่836 ความโดดเดี่ยวของตระกูลวัชรชัย

ไม่นาน รพีพงษ์กลับมาจากซื้อของกิน ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุค่อนข้างหิว นั่งด้านหน้าโต๊ะแล้วกินของที่รพีพงษ์ซื้อมา

กินไปได้ครึ่งนึง ฝนสุดามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราไปผับกันดีกว่า อุเอสึงิ ฮารุพูดว่าไม่ได้กินเหล้ามานานแล้ว อยากไปกินสักหน่อย”

อุเอสึงิ ฮารุประหลาดใจ เธอไม่เคยพูดคำพูดแบบนี้เลย

ฝนสุดาหันไปมองอุเอสึงิ ฮารุ แล้วส่งสายตาให้เธอ อุเอสึงิ ฮารุนึกถึงเมื่อกี๊ที่ได้ตกลงกับฝนสุดาไว้ ถ้าตอนนี้เปิดเผยอะไรออกไปคงไม่ดี จึงได้แต่พยักหน้า กล่าว “ถูก……ถูกต้อง ฉันอยากเห็นยามค่ำคืนของเมืองโตเกียว ฉันไม่ได้ไปผับแบบนี้มานานแล้ว”

เห็นทั้งสองอยากไป รพีพงษ์ก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของพวกเธอ จึงตกลงหลังกินข้าวเสร็จไปผับ

ฝนสุดาดีใจ จากนั้นได้แนะนำคลับโกเบริเวอร์ให้รพีพงษ์ เพราะเธอรู้ว่าผับนั้นมีเหล้าพิเศษอยู่ ค่อนข้างใช้ได้ แม้จะกินแอลกอฮอล์เก่ง ก็ต้องเมา

หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสามออกจากโรงแรมซากุระ ไปผับที่ชื่อคลับโกเบริเวอร์

ทั้งสามเพิ่งเข้าไป ข้างๆมีคนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโืทรออก

“คุณชาย พบที่อยู่ของคุณหนูแล้ว เธอไปคลับโกเบริเวอร์กับชายหนึ่งหญิงหนึ่งตอนนี้ผมจะเข้าไป คุณชายรีบๆมา”

พูดจบ ก็วางสาย เข้าไปในคลับโกเบริเวอร์

ในขณะเดียวกัน ณ ร้านสปาเท้าแห่งหนึ่งในโตเกียว

ในห้องรับรองพิเศษ พี่ชายของฝนสุดา ฮารุฮิ กันตะ กำลังนั่งอยู่บนโซฟา พนักงานหญิงกำลังนวดเท้าให้เขา และเขาก็เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์

คนที่นั่งข้างฮารุฮิ กันตะ คือผู้เฒ่าผมขาวโพลนคนหนึ่ง อีกข้างเป็นวัยรุ่นหลายคน แต่ดูจาการแต่งกาย ก็ดูออกทันทีว่าใครมาจากประเทศจีน

ถ้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่ในตอนนี้ล่ะก็ ต้องตกใจแน่ๆ เพราะผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ข้างๆฮารุฮิ กันตะ เป็นนายใหญ่ของตระกูลวัชรชัยที่เป็นหัวเรือหลักของหกตระกูลใหญ่ บดีศวร

หลังจากที่ห้าตระกูลร่วมมือกันแต่ยังแพ้รพีพงษ์แล้วนั้น ในวงการบู๊ก็มีชื่อเสียไปทั่ว บดีศวรฉวยโอกาสตอนที่รพีพงษ์อ่อนแอ สั่งให้ห้าตระกูลล้อมรพีพงษ์ไว้ นี่ทำให้จิตวิญญาณของวงการบู๊พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

อย่างที่วฤนท์ธมพูดไว้ทั้งหมด เขาไม่ฆ่าบดีศวร เพื่อให้เขาได้เห็นตระกูลใหญ่เหล่านี้เพราะความโง่ของจึงต้องพ่ายแพ้ไป ภายในเวลาไม่กี่เดือน ตอนนั้นที่ตระกูลใหญ่ทั้งหก ในวงการบู๊ ได้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนด่ากันไม่หยุด

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ร่วมมือกัน แบนหกตระกูลใหญ่ พวกเขาอยากฉวยโอกาสนี้ ขับไล่หกตระกูลใหญ่ออกจากประเทศจีน

หกตระกูลใหญ่ มีสี่นายใหญ่เสียชีวิตไป อีกคนกลายเป็นคนพิการ บดีศวรพึ่งยาของตระกูลวัชรชัย ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง หกตระกูลใหญ่ในขณะนั้น ไม่มีน้ำยาอีกต่อไป ไม่สามารถที่จะต่อกรกับสำนักศิลปะการต่อสู้ที่ร่วมมือกันได้อีก

ผ่านความวุ่นวายในช่วงเวลานั้นมา ทั้งหกตระกูลถูกกดดัน จนกระทั่งกลายเป็นตัวตลกในวงการบู๊ พวกเขาถูกพวกสำนักศิลปะการต่อสู้ที่ร่วมมือกันบีบจนไร้หนทาง จึงทำได้ยอมทิ้งสิ่งที่เคยสร้างไว้ทั้งหมดในประเทศ แล้วหนีออกจากประเทศไป

บดีศวรพาคนของตระกูลวัชรชัย มาประเทศญี่ปุ่น วางแผนจะตั้งหลักปักฐานที่นี่

เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีฐานที่มั่น ทรัพย์สินของตระกูลวัชรชัยก็ถูกสำนักศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นแบ่งแยกไปจนหมด ดังนั้นตระกูลวัชรชัยในตอนนี้ถือได้ว่ายากจนข้นแค้น ดังนั้นบดีศวรต้องไตร่ตรองที่จะพึ่งตตระกูลใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกกับการเจริญก้าวหน้าของตระกูลวัชรชัย

บดีศวรที่ตอนแรกไม่ชอบทางโลก แต่ปัจจุบันนี้กลับต้องมาเลียขาตระกูลใหญ่ สำหรับบดีศวร เจ็บปวดกว่าการที่ฆ่าเขาเสียอีก

แต่ชีวิตของทั้งตระกูลวัชรชัยอยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาตายไม่ได้ แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ต้องทน

วันนี้ เขาได้มาหาคนของตระกูลฮารุฮิเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าจะยังไง บดีศวรก็เป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ ตระกูลฮารุฮิไม่โง่ ถ้ามียอดฝีมือระดับนี้ สำหรับตระกูลฮารุฮิแล้วถือว่าเป็นตัวช่วยที่เยี่ยมเลยทีเดียว

ดังนั้นฮารุฮิ สินให้ลูกชายของตนไปมาหาสู่กับบดีศวรไว้ เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ

“ปรมาจารย์บดีศวร การที่คุณร่วมมือกับตระกูลฮารุฮิของผม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เงินสำหรับตระกูลฮารุฮิแล้ว เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ พวกเราให้ได้ทั้งหมด แต่อนาคตถ้าพวกเราต้องการให้ปรมาจารย์บดีศวรทำอะไรให้ หวังว่าอาจารย์บดีศวรจะสามารถลงมือได้” ฮารุฮิ กันตะยิ้มพลางคุยกับปรมาจารย์บดีศวร

บดีศวรรีบพยักหน้า กล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อร่วมมือกัน ตระกูลวัชรชัยของผมก็ทำตามที่ให้สัญญาไว้อยู่แล้ว”

“ดี ในเมื่อคุยกันลงตัวแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน ผมเพิ่งได้รับข้อความจากน้องสาวเมื่อกี๊ ผมต้องไปหาเธอในตอนนี้ ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะโทรหาปรมาจารย์บดีศวร หวังว่าถึงตอนนั้นปรมาจารย์จะรีบมา” อารุฮิ กันตะยืนขึ้น

บดีศวรพยักหน้า ตอนนี้เขาถือเป็นการ์ดของตระกูลฮารุฮิไปแล้ว ถ้าคนของตระกูลฮารุฮิต้องการให้เขาลงมือ เขาต้องลงมือในทันใด

แม้ฮารุฮิ กันตะจะดีต่อเขา แต่ทุกคนล้วนรู้ดี ที่เรียกว่าปรมาจารย์ ก็แค่เกรงใจเท่านั้น

นึกๆเขานายใหญ่ของตระกูลวัชรชัย ต้องตกมาเป็นการ์ดให้กับคนอื่น พระเจ้าชั่งเล่นตลกกับชะตาชีวิตของเขาจริงๆ

“เงินที่ตกลงกันว่าจะให้พวกคุณเดี๋ยวผมจะให้เลขาโอนไปให้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน” ฮารุฮิ กันตะกล่าว จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก

บดีศวรยิ้มพลางส่งฮารุฮะ กันตะออกไป จากนั้นก็บ่นกับตัวเองว่า “ฟังๆเขา น่าจะต้องใช้คนของฉันในเร็วๆนี้ ลงมือครั้งแรก ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น ต้องให้คนของตระกูลฮารุฮะเห็นฝีมือของตระกูลวัชรชัยของเรา แบบนี้พวกเขาจึงจะให้ความสำคัญกับพวกเรา”

“ดีที่ที่นี่เป็นประเทศญี่ปุ่น ไม่มีใครรู้ความเป็นอยู่ของตระกูลวัชรชัย ถ้ารพีพงษ์รู้ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสภาวะแบบนี้ มันจะต้องหัวเราะฝันอย่างมากแน่ๆ”

“พื้นฐานศิลปะการต่อสู้ของคนญี่ปุ่นกับคนจีนต่างกันมาก แต่หวังว่าที่นี่ จะไม่มีปีศาจแบบรพีพงษ์อีกนะ”

บดีศวรส่ายหัวอย่างเซ็ง ถอนหายใจ นึกถึงการต่อสู้ครั้งนั้นกับรพีพงษ์ ก็กลัวขึ้นมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท