พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย

บทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย

ทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย

คลับโกเบริเวอร์

รพีพงษ์กับฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุหญิงสาวสองคนเข้าไปในผับ แล้วหาที่นั่ง นั่งลง

เพราะลักษณะของฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุโดดเด่นกว่าใคร ดังนั้นเมื่อทั้งสามเข้าไปในผับ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนไม่น้อย

คนจำนวนไม่น้อยเมื่อเห็นข้างๆรพีพงษ์เป็นหญิงสาวสวยมากทั้งสอง หนึ่งในนั้นสวยดั่งเทพธิดา ทำเอาผู้คนต่างอิจฉาไปตามๆกัน

แต่เมื่อพวกเขาเห็นรพีพงษ์เข้ามา หาที่นั่ง จากนั้นพนักงานก็หยิบเหล้าที่แพงที่สุดของที่นี่มา ทันใดนั้นก็ล้วนรู้กันว่ารพีพงษ์ต้องเป็นคนที่มีเงินมหาศาลอย่างแน่นอน

“แม่ง มีเงินมันดีแบบนี้นี่เอง พาสาวสวยระดับเทพทั้งสองมาผับในครั้งเดียวกันได้ น่าอิจฉาชะมัด”

“นี่ ดุๆแล้ว วันนี้ต้องมีมวยแน่นอน ไม่รู้ว่าสหายคนนี้จะต้านทานได้มั้ย ถ้าต้านทานไม่ไหวล่ะก็ ฉันยอมช่วยเขา”

“ตอนนี้ฮิตออกกำลังกายแบบหลายคนหรอ ฉันก็อยากลองบ้างนะ”

……

ความอิจฉาริษยาเกลียดจากคนรอบข้างรพีพงษ์ทั้งสามนั้นไม่มีทางได้ยินแน่นอน ตอนนี้ฝนสุดาตื่นเต้น เหล้าที่อยู่บนโต๊ะ เธอเป็นคนสั่งทั้งนั้น หนึ่งในนั้นเป็นเหล้าที่ดื่มแก้วเดียวก็ทำให้คนเมาได้

เธอไม่เกรงใจรพีพงษ์แต่อย่างใด เธอรู้ว่าวันนี้แม้จะซื้อผับไว้ รพีพงษ์ก็ไม่แคร์

“มามามา เพื่อฉลองพวกเราทั้งสามรวมตัวกัน ดื่ม” ฝนสุดายิ้มพลางรินเหล้าให้รพีพงษ์และฝนสุดา คิดว่าเพิ่งมาถึงยังไม่สามารถมอมเหล้าได้ ดังนั้นฝนสุดาจึงเอาเหล้าธรรมดามาเปิดงานก่อน

รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ชนกับฝนสุดา จากนั้นก็รวดเดียวหมด

ปกติอุเอสึงิ ฮารุไม่ค่อยดื่มเหล้า ตอนนี้มาถึงปุ๊ปก็หมดแก้ว ตามเกมส์ไม่ทัน ตอนนี้บนใบหน้า เริ่มแดงก่ำ

แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง เทียบร่างกายกับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว เหล้าแค่แก้วเดียว ไม่ทำให้เมาได้

ตามจังหวะของดนตรีในผับ ทั้งสามพลางพูดคุยพลางดื่ม ฝนสุดาผู้ซึ่งมีนิสัยเฟรนด์ลี่ แม้รพีพงษ์กับอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองไม่ค่อยชอบพูด แต่นี่ก็ไม่ทำให้เกิดความอึดอัดแต่อย่างใด

ฝนสุดาได้เล่าเรื่องอันเจ็บปวดที่ตัวเองได้เจอมาในช่วงนี้ให้กับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุฟัง ต่อว่าพ่อแม่และพี่ชายที่ใช้ไม่ได้ของเธออย่างรุนแรง

ในขณะที่ฝนสุดากำลังระบายอยู่นั้น อุเอสึงิ ฮารุที่เมาเล็กน้อยก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในฟิลนั้นเช่นเดียวกัน เธอจึงฉวยโอกาสนี้พูด

หลังจากที่ฟังอุเอสึงิ ฮารุพูดจบ ฝนสุดาคิดว่าเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองเจอมานั้นไม่ได้ครึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันก็สงสารอุเอสึงิ ฮารุขึ้นมาทันใด

ในขณะที่ทั้งสามพูดคุยกันอย่างมีความสุข ฮารุฮิ กันตะพาคนของตระกูลฮารุฮิเข้ามาในผับจำนวนมาก

เขามองไปรอบๆผับ ไม่นานก็เจอฝนสุดาที่กำลังดื่มเหล้ากับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุอยู่

เขาเดินไปยังที่นั่นที่ฝนสุดานั่งอยู่ คนของตระกูลฮารุฮิจัดการกับผู้คนที่ขวางทางไว้จนหมด ตอนเริ่มแรกคนพวกนั้นรู้สึกไม่พอใจ แต่ล่ะจากที่เห็นอันธพาลอันบึกบึนของตระกูลฮารุฮิแล้วนั้น ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ดูนั่น คุณชายใหญ่ของตระกูลฮารุฮิ ทุกคนหลบไปไกลๆหน่อย ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้นะ”

“ไอ้บ้าไหนที่ถูกคุณชายของตระกูลฮารุฮิเพ่งไว้อีกล่ะ ดูๆแล้ววันนี้ต้องสนุกแน่เลย”

ทุกคนสังเกตไปที่ฮารุฮิ กันตะ บรรยากาศในผับเปลี่ยนไปเพราะฮารุฮิ กันตะ

รพีพงษ์และทั้งสามก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนไปของผับ สายตาของพวกเขามองไปยังที่ที่ห่างออกไปไม่ไกล

หลังจากที่ฝนสุดาเห็นฮารุฮะ กันตะแล้ว ก็ขมวดคิ้วทันใด จากนั้นก็หลบหลังรพีพงษ์ แล้วกล่าวเบาๆว่า “นั่นคือพี่ชายของฉัน เขาจะต้องมาจับฉันกลับไปแน่ๆเลย คุณต้องปกป้องฉันนะ ถ้าเขาพาฉันกลับไป ฉันต้องแย่แน่ๆ”

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สบายใจเถอะ ผมอยู่ ไม่ว่าใครก็เอาคุณไปไม่ได้”

แม้ที่รพีพงษ์พูดนี้ก็เพราะกำลังโอ้อวด แต่หลังจากที่ฝนสุดาได้ยินแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น

เมื่อเทียบกับพ่อและพี่ชายแล้ว ชายคนนี้สามารถให้ความปลอดภัยกับเธอได้

หลังจากที่ฮารุฮิ กันตะเดินไปถึงที่นั่งแล้ว ก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงบนโซฟาโดยตรง แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปกึบนึง

อันธพาลเหล่านั้นของตระกูลฮารุฮิล้อมรอบที่นั่งไว้ เสียงเพลงในผับก็หยุดลง ทุกคนล้วนมองมายังเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

“น้องสาว ถ้าดื่มพอแล้ว ก็กลับไปกับพี่ อย่าอยู่กบัหมาจรจัดพวกนี้ แกใกล้แต่งงานแล้วนะ หาเพื่อนก็หาที่มันระดับเดียวกันหน่อย อยู่กับพวกขยะแบบนี้ จะพาเธอตกต่ำได้นะ” ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

หลังจากที่ฝนสุดาได้ยินคำพูดของฮารุฮิ กันตะแล้วนั้น ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วกล่าว “ฮารุฮิ กันตะ พูดให้มันดีๆหน่อย อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง ถ้าไม่มีครอบครัวเป็นแบ็ค อวดเก่งแบบนี้ ระวังตายนะ”

“เสียดายที่ฉันมีแบ็คเป็นตระกูลฮารุฮินะสิ น้องสาว อย่าบอกนะ ว่าตั้งแต่เด็กแกไม่ได้เติบโตจากการปกป้องของตระกูลฮารุฮิ” ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างไม่แคร์

“ชิ แต่ฉันก็ไม่เคยหยิ่งยโสแบบนี้ แกนะกำลังทำให้ตระกูลฮารุฮิเสียหน้าอยู่!” ฝนสุดาตะคอก

ฮารุฮิ กันตะ เหยียดหยาม กล่าว “ฉันหยิ่งยโส ก็เพราะฉันมีสิทธิ์หยิ่งยโสได้ ไม่เหมือนกับไอ้ขยะพวกนี้ คิดหาวิธีสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลฮารุฮิของฉัน ไม่คาดคิดว่าจะเข้าทางน้องสาวฉันแล้ว คนแบบนี้ ต้องสั่งสอนมันบ้าง แกว่าจริงไหม?”

พูดพลาง ฮารุฮิ กันตะก็มองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาไม่พอใจ

เขามองรพีพงษ์ว่าเป็นชายร้อยเล่มเกวียนที่จะเข้าทางฝนสุดาเพื่อเกาะตระกูลฮารุฮิ

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของฮารุฮะ กันตะแล้วนั้น ก็ยิ้มออกมา “คนที่ชอบทำตัวเหนือกว่าอย่างแก ฉันก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละ ทำไมแกถึงคิดว่าแบ็คของฉัน ไม่เก่งเท่าตระกูลฮารุฮิล่ะ?”

ฮารุฮิ กันตะบึนปาก แล้วกล่าว “ถ้าแบ็คของแกดีกว่าฉันล่ะก็ ฉันจะต้องรู้ว่าแกเป็นใคร แต่ในสายตาฉัน แกก็เป็นแค่ไอ้สวะที่พึ่งผู้หญิงแหละวะ”

พูดจบ เขาก็ยืนขึ้น จากนั้นก็กำหมัด มองไปที่รพีพงษ์เหมือนจะลงมือ

“น้องสาวฉันกำลังจะแต่งงาน แต่แกกลับหลอกเธอมานี่ แค่จุดนี้ ก็พอที่จะให้ฉันสั่งสอนแกได้แล้วล่ะ”

ฝนสุดารีบยืนขึ้น แล้วห้ามฮารุฮิ กันตะไว้

“น้องสาว แกห้ามฉันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนไอ้คนที่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงให้ได้” ฮารุฮิ กันตะกล่าว

ฝนสุดาเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “พี่เข้าใจผิดล่ะ ที่ฉันห้ามน่ะ เพราะกลัวว่าพี่จะโดนตบตาย พี่รีบออกไปเหอะ พี่ไม่ชนะเขาหรอก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท