พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่867 บ่อน้ำเย็น

บทที่867 บ่อน้ำเย็น

บทที่867 บ่อน้ำเย็น

เมื่อรู้สึกถึงพลังอานุภาพบนตัวพรยศ แววตาของธัชธรรมก็แน่วแน่ ประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของพรยศอย่างเห็นได้ชัด

พรยศอายุใกล้เคียงกับรพีพงษ์ สามารถบรรลุถึงแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุดในวัยนี้ได้ ก็คือหาพบได้ยากมาก ต่อให้อยู่ในกลุ่มสิงโต ก็หาคนที่สามารถบรรลุถึงแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุดในวัยนี้ไม่ได้ ดังนั้นธัชธรรมถึงได้ประหลาดใจ

แน่นอนว่า กลุ่มสิงโตกับนิรภัฏแตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขาเป็นกองกำลังที่ลึกลับที่สุดในประเทศจีน จำนวนยอดฝีมือไม่ใช่กลุ่มลูกศิษย์ของนิรภัฏจะสามารถเทียบได้ แม้ว่าอัจฉริยะที่นิรภัฏอบรมสั่งสอนออกมาจะบรรลุถึงปรมาจารย์ชั้นสูงสุดในวัยยี่สิบ แต่ว่าในลุ่มสิงโตมีหลายคนที่อายุสามสิบกว่าก็บรรลุถึงยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ได้

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้รพีพงษ์ได้รับปากที่จะเข้าร่วมกลุ่มสิงโต เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว พรยศก็ยังด้อยกว่ามาก

เมื่อนิรภัฏเห็นบนใบหน้าที่เผยถึงความประหลาดใจของธัชธรรม ท่าทางการแสดงออกก็กลายเป็นความภาคภูมิใจขึ้นมาในทันที ก็เหมือนราวกับว่ากำลังอวดสิ่งมีค่าของตัวเองให้กับธัชธรรม

“พรยศเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในรายชื่อของฉัน อายุเพียงยี่สิบกว่า ก็บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุด ที่สำคัญฉันมีลางสังหรณ์ว่า เขาเข้าสู่แดนดั่งเทพได้ก่อนอายุสามสิบห้าปี ความสามารถนี้ เกรงว่าในกลุ่มสิงโตของพวกนายที่รู้จักกันในชื่อว่าองค์กรที่รวบรวมยอดฝีมือหนึ่งในใต้หล้า ก็หาไม่เจอ?”นิรภัฏมองไปที่ธัชธรรมอย่างภาคภูมิใจ

ธัชธรรมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ตัดสินจากสถานการณ์ที่ผ่านมา หาไม่เจอจริงๆ”

นิรภัฏส่งเสียงเย็นชา แล้วพูดว่า: “ที่ผ่านมาหาไม่เจอ จากนี้ไปก็ยิ่งหาไม่เจอ คนที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอย่างพรยศ ไม่ใช่ว่าจะหาพบได้ง่ายๆ”

เดิมทีความหมายของธัชธรรมที่ผ่านมาหาไม่เจอ แต่รอรพีพงษ์เข้าร่วมแล้ว ก็สามารถหาได้ แต่นิรภัฏคิดว่าธัชธรรมไม่ยอมความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้นบอกว่าตัวเองก็สามารถหาคนมีความสามารถแบบนี้ได้ในอนาคต

รพีพงษ์จ้องมองไปที่พรยศแวบหนึ่ง ในใจก็เกิดความนับถือเลื่อมใสต่อเขา อายุยี่สิบปีสามารถบรรลุถึงแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุด ถือได้ว่าเป็นคนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่สำคัญสิ่งที่พรยศฝึกฝนน่าจะเป็นเน่ยจิ้ง ถ้ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นเพราะฝึกฝนพลังวิเศษเสน ตอนนี้ความแข็งแกร่ง เกรงว่าจะแข็งแกร่งไม่เท่าพรยศคนนี้

แน่นอนแล้วว่า ในช่วงเวลาที่รพีพงษ์เป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลฉัตรมงคลอาจจะล่าช้าไปไม่กี่ปี ถ้าต้องการพูดคุยถึงความสามารถจริงๆ รพีพงษ์ยังคงเป็นหนึ่งในหมื่นคนอยู่

เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งเพียงแดนปรมาจารย์ชั้นสูงสุด รพีพงษ์ก็โล่งใจ ไม่ว่าจะประลองอะไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งที่แน่นอนของรพีพงษ์ ไม่มีทางที่จะขี้ขลาดตาขาวเป็นธรรมดา

ณีรนุชจ้องมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ เอ่ยปากว่า: “ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่พรยศไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้ อายุของนายใกล้เคียงกับศิษย์พี่พรยศ ความแข็งคงจะเทียบศิษย์พี่พรยศไม่ได้อย่างแน่นอน ฉันว่านายรีบยอมแพ้ดีกว่า ขอโทษฉัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ยังไม่ได้สู้ เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันสู้เขาไม่ได้ ดูผลลัพธ์แล้วค่อยว่ากันเถอะ”

ณีรนุชก็ส่งเสียงเย็นชาทันที พึมพำว่า: “ช่างจองหองจริงๆ ศิษย์พี่พรยศของฉันไม่ใช่ว่านายจะสามารถมาสู้ได้อย่างตามใจชอบ นายทำแบบนี้ เพียงแต่จะสร้างความอับอายให้กับตัวเองเท่านั้น”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำพูดของณีรนุชแม้แต่น้อย หันหน้ามองไปที่นิรภัฏ เอ่ยปากว่า: “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสจะให้พวกเราประลองอะไรกัน ประลองฝีมือกันหรือว่าประลองอย่างอื่น?”

นิรภัฏหันกลับมาและชี้ไปที่บ่อน้ำในสวนลานบ้าน เอ่ยปากว่า: “น้ำบ่อนี้ฉันพบเข้าโดยบังเอิญ ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว น้ำในบ่อเยือกเย็นมาก ถ้าคนธรรมดาเข้าไปแช่สักห้านาที ก็จะถูกกัดเซาะด้วยความเย็น ล้มหมอนนอนเสื่อลุกไม่ขึ้น ตายอย่างหนักหนาสาหัสที่สุด”

“แต่น้ำในบ่อมีผลต่อพวกเราที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อลงไปในบ่อน้ำ เน่ยจิ้งสามารถต้านทานความหนาวเย็นได้ ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกเท่านั้น ที่สำคัญในเวลาเดียวกันเน่ยจิ้งก็ถูกชะล้างไปด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นทนทานจนไร้ที่เปรียบ แม้ว่าจะไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่พลังเน่ยจิ้งได้รับการเพิ่มขึ้นอย่าง”

“แต่ไม่ทราบอายุการมีอยู่ของบ่อน้ำนี้ แม้แต่ผู้คนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ก็ไม่สามารถอยู่ในนั้นได้นานเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายทำให้รากฐานเกิดการบาดเจ็บ”

“การประลองในวันนี้ของพวกนาย ก็คือลงไปในบ่อน้ำนี้ และดูว่าใครจะอยู่ในนั้นได้นานกว่ากัน”

รพีพงษ์จ้องมองไปที่บ่อน้ำอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง ถึงได้แน่ใจว่าต้นตอของความเย็นที่รู้สึกได้เมื่อตอนที่เข้ามาในสวนลานบ้านนี้แล้ว

คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีบ่อน้ำที่วิเศษหนึ่งบ่ออยู่ด้วย แต่ดูจากประสิทธิภาพแล้ว บ่อน้ำนี้ยังแย่กว่าบ่อน้ำของสำนักเทพยาเซียนมาก

นึกถึงตอนนั้นที่รพีพงษ์อยู่ในบ่อน้ำของสำนักเทพยาเซียนเป็นเวลาครึ่งเดือน แม้ว่าบ่อน้ำนี้ไม่ใช่บ่อยา แต่รพีพงษ์กลับไม่รู้สึกว่าตัวเองจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน

หลังจากที่พรยศได้ยินคำพูดของนิรภัฏ ก็พยักหน้าทันที หลังจากที่หันหน้าไปมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง ก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกมา เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและผิวสีแทน

เมื่อณีรนุชเห็นฉากนี้ ทันใดนั้นก็กรีดร้อง แล้วตะโกนใส่พรยศว่า: “ศิษย์พี่พรยศ ถอดข้างล่างด้วย ไม่อย่างนั้นจะกระทบต่อการแสดงของพี่”

พรยศจ้องมองไปที่ณีรนุชอย่างพูดไม่ออก ไม่ได้สนใจเขา เดินไปที่ขอบบ่อน้ำ และกระโดดตรงเข้าไป

เมื่อรพีพงษ์เห็น ก็ไม่รีรอ หลังจากที่ถอดเสื้อผ้าครึ่งบนออกแล้ว ก็กระโดดตามลงไปในบ่อน้ำ

ความหนาวเย็นที่รุนแรงจู่โจมร่างกายของรพีพงษ์ เจาะเข้าไปในรูขุมขนของเขาในทันที ความหนาวเย็นแบบนี้แตกต่างกับความหนาวเย็นในความหมายของอากาศหนาวทั่วไปเป็นอย่างมาก อาการหนาวสั่นเหล่านี้เหมือนราวกับจะแช่แข็งเซลล์ของมนุษย์ ถ้าหากอยู่เป็นเวลานาน อวัยวะในร่างกายทั้งหมดอาจหยุดทำงาน

รพีพงษ์จำต้องรีบหมุนเวียนพลังวิเศษเสนต้านทานความหนาวเย็น หมุนเวียนพลังวิเศษเสนไปทั่วทั้งร่างกาย และปัดเป่าความหนาวเย็นไปในทันที

เนื่องจากอากาศเย็นในสระนี้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นรพีพงษ์จำเป็นต้องหมุนเวียนพลังวิเศษเสนอยู่เสมอ มาต้านทานอันตรายจากความหนาวเย็นนี้ที่จะส่งผลบาดเจ็บต่อร่างกายของมนุษย์

ดังนั้นการประลองในตอนนี้ ความจริงแล้วประลองกันว่าร่างกายของใครมีพลังมากกว่า และใครมีความอดทนมากกว่ากัน

พลังวิเศษเสนในร่างกายของรพีพงษ์ไม่ต้องพูดถึง แดนที่เขาอยู่นั้นสูงกว่าพรยศไปแดนหนึ่ง การประลองในครั้งนี้ โดยพื้นฐานแล้วผลลัพธ์ได้รับการตัดสินตั้งแต่เริ่ม

นิรภัฏกับธัชธรรมและคนอื่นๆล้อมรอบอยู่ที่ขอบบ่อน้ำมองไปที่ทั้งสองคน นิรภัฏและณีรนุชเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวพรยศ และธัชธรรมไม่ได้กังวลรพีพงษ์ใดๆทั้งสิ้น การประลองง่ายๆเช่นนี้ ถ้าหากรพีพงษ์พ่ายแพ้ ถ้าอย่างนั้นคนที่ตัวเองบอกว่ามีโอกาสบรรลุถึงแดนเทพมากที่สุดก็จะกลายเป็นเรื่องตลก

รพีพงษ์อยู่ในบ่อน้ำอย่างสบายใจ ไม่ได้รู้สึกว่าบ่อน้ำนี้น่ากลัวอย่างที่นิรภัฏบอก ภายใต้ในสถานการณ์แบบนี้ เขาอยู่ด้านในหนึ่งวันก็ไม่มีปัญหาอะไร

พรยศจ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างเย่อหยิ่ง และพึมพำ: “น้องชาย นายควรรีบคิดว่าถ้าพ่ายแพ้แล้วจะรับมือกับยัยเด็กนุชนั้นยังไงดี หัวสมองของยัยเด็กนี่กับหญิงสาวคนอื่นมีความแตกต่างกันอย่างมาก บางที หล่อนอาจจะสามารถทิ้งเงามืดไว้ให้นายได้”

รพีพงษ์ยิ้มให้พรยศเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ขอบคุณที่เตือน เพียงแต่ ฉันไม่มีทางให้โอกาสนี้กับหล่อน”

เมื่อพรยศเห็นว่ารพีพงษ์มีความมั่นใจมาก ในใจก็รู้สึกเหยียดหยาม คิดในใจว่านี่เป็นเพียงความผ่อนคลายที่เพิ่งเข้ามาในบ่อน้ำเท่านั้นเอง รอถึงช่วงหลังๆ รพีพงษ์คงจะไม่มีทางพูดจาแบบนี้ออกมาได้แน่นอน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท