พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่873 ยาจิตแดง

บทที่873 ยาจิตแดง

บทที่873 ยาจิตแดง

เช้าวันรุ่งขึ้น

รพีพงษ์และธัชธรรมทั้งสองเดินลงมาตามทางภูเขา เพราะเมื่อวานตอนขึ้นเขาก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว พอได้ไม้เทพแดงมา ก็เป็นช่วงมืดค่ำ นิรภัฏไม่ได้เป็นคนขี้งก จึงให้ทั้งสองพักอยู่บนเขาหนึ่งคืน

รุ่งเช้า ทั้งสองได้เก็บของและร่ำลานิรภัฏ จากนั้นก็เดินลงจากเขา

เดินพลาง รพีพงษ์ก็จ้องไปที่ธัชธรรม แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ครั้งนี้ที่คุณได้ไม้เทพแดงมา มิทราบว่าถือว่าเป็นผลงานของผมด้วยหรือไม่?”

“งั้นผมก็ควรจะได้รางวัลสักหน่อย?” รพีพงษ์ถามต่อ

ถ้าธัชธรรมตกลงจะให้รางวัลเขา เขาก็สามารถขอหยกโยงจิตจากธัชธรรมได้เลย แบบนี้ก็ไม่ต้องวุ่นวายใดๆแล้ว

“แกยังไม่ไปรายงานตัวที่กลุ่มสิงโตอย่างเป็นทางการเลย จะเอารางวัลเสียแล้ว” ธัชธรรมจ้องรพีพงษ์แล้วกล่าว

“ที่ผมตกลงจะเข้าร่วมกลุ่มสิงโต ไม่ใช่แค่เพราะความรักหรือศีลธรรมอะไร ผมเคยเป็นนักธุรกิจ ไม่ทำการค้าที่ขาดทุน ถ้าไม่มีประโยชน์อะไร แล้วผมจะเข้ากลุ่มสิงโตทำไมกัน สู้ไปอยู่กับผู้อาวุโสนิรภัฏดีกว่า” รพีพงษ์กล่าว

ธัชธรรมยิ้ม แล้วกล่าว “แกพูดมีเหตุผล ฉันก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล รางวัลของแกนะมีแน่ ความจริงครั้งนี้ฉันได้เตรียมของเพื่อที่จะแลกกับนิรภัฏ แต่ในเมื่อเป็นเพราะแก เขาจึงได้ให้ไม้เทพแดงมาฟรีๆ งั้นฉันจะเอาของสิ่งนี้ให้แก”

พูดพลาง ธัชธรรมได้เอาขวดหยกในชุดออกมา แล้วยิ่นให้รพีพงษ์

รพีพงษ์รับขวดหยกนั่นไป เปิดออกแล้วสูดดม มีกลิ่นหอมพิเศษคลุ้งออกมา จากนั้นก็มองเข้าไปด้านในเป็นยาสีแดง ดูเป็นสิ่งลี้ลับ

“นี่คืออะไร?” รพีพงษ์หยิบขวดหยกแล้วถาม

“สิ่งที่อยู่ในขวดหยกนี้ คือยาชั้นเลิศ แม้ยาชั้นเลิศก็เทียบกับไม้เทพแดงไม่ได้ แต่ยาเม็ดประกอบด้วยยาทั้งหมดสิบสามชนิดอายุเป็นร้อยๆปี ชื่อยาจิตแดง”

“ในยามีตัวยาอยู่มหาศาล เป็นของสำคัญ หากคนธรรมดากินเข้าไป จะทำให้ทวารทั้งเจ็ดเลือดไหลจนตาย แม้จะเป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้ง ก็ยากที่จะรับฤทธิ์ยานี้ได้ แดนปรมาจารย์จึงจะสามารถลองได้”

“ถ้าใช้อย่างเหมาะสม ยานี้จะทำให้ปรมาจารย์เป็นแดนดั่งเทพ ดังนั้นสำหรับผู้คนวงการบู๊ ยาตัวนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะไปถึงแดนดั่งเทพ ดังนั้นค่าของมัน จึงไม่น้อยไปกว่าไม้เทพแดงเลย”

ธัชธรรมดูรพีพงษ์แล้วอธิบาย

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังจบ ก็เกิดตะลึงขึ้นมา คิดไม่ถึงว่ายาเล็กๆในขวดหยกนี้ จะทำให้ปรมาจารย์เป็นแดนดั่งเทพได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ยาตัวนี้ก็ยอดเยี่ยมมาก

ตอนแรกรพีพงษ์ได้กินยาของสำนักเทพยาเซียนไปเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพิ่งจะเป็นแดนครึ่งดั่งเทพ นั่นหมายถึงฤทธิ์ของยาตัวนี้ เยี่ยมกว่ายาของเทพยาเซียน?

แน่นอนว่ารพีพงษ์รู้ดีกับความพิเศษของตัวเอง เขาฝึกฝนพลังวิเศษเสน ซึ่งต่างจากเน่ยจิ้งอย่างมาก บอกว่าเป็นแดนดั่งเทพ แต่ความจริงเป็นแดนครึ่งพลังวิเศษเสน นี่เทียบกับแดนปรมาจารย์ไปแดนดั่งเทพไม่ได้

ไม่รู้ว่าถ้ารพีพงษ์กินยานี้เข้าไป จะเป็นพลังวิเศษเสนชั้นยอดได้หรือไม่ เป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพจริงๆ

รพีพงษ์มักจะรู้สึกว่า การที่จะไปถึงพลังวิเศษเสนชั้นยอดได้นั้น อยากกว่าการที่แดนปรมาจารย์ไปแดนดั่งเทพเสียอีก พลังวิเศษเสนยิ่งใหญ่จริงๆ แต่การที่จะเลื่อนขั้นได้ก็ยากเหลือเกิน

ยาจิตแดงนี้ทำให้รพีพงษ์เข้าใจ ว่าแม้จะเป็นยาชั้นเลิศ ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน อย่างน้อยยาชั้นเลิศสองเม็ดที่รพีพงษ์กินเข้าไปก่อนหน้านี้ ก็เทียบกับยาจิตแดงนี้ไม่ได้

“แม้ยาจิตแดงนี้จะสามารถทำให้แดนปรมาจารย์เป็นแดนดั่งเทพได้ แต่ความอันตรายของมันก็ยากจะคาดเดาได้ แม้ยานี้จะเป็นยาชั้นเลิศ แต่สำหรับฤทธิ์ยา และสำหรับร่างกายมนุษย์ ฤทธิ์ยาของยาระดับนี้ ยาที่จะรับได้ แดนปรมาจารย์กินยาเม็ดนี้เข้าไป อยากจะประสบความสำเร็จ ก็ต้องยอมรับกับความอันตรายถึงชีวิตให้ได้”

“แม้จะมีฉันกับนิรภัฏคนแบบนี้กำกับอยู่ข้างๆ เปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จมีห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าการเลื่อนขั้นล้มเหลว เพราะฤทธิ์ยา ผู้ที่กินยาเข้าไปอาจเป็นคนไร้สมรรถภาพไปเลยก็เป็นได้”

ธัชธรรมพูดเสริม

ได้ยินแบบนี้ รพีพงษ์ที่อยากลองกินยานี้ดูก็ถึงกับต้องหยุดชะงักความคิดลงไป

ไม่คาดคิดว่าแม้จะมีธัชธรรมยอดฝีมือระดับนี้อยู่ข้างๆคอยแนะนำ เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ยานี้อันตรายเกินไปแล้ว

รพีพงษ์ที่มั่นใจในพรสวรรค์ของตัวเองยอมที่จะเสียเวลา แต่ไม่เสี่ยงอันตรายแบบนี้

ดูออกถึงความคิดของรพีพงษ์ทั้งหมด ธัชธรรมยิ้ม แล้วกล่าว “เส้นทางวางการบู๊ ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ไม่ว่าจะเจอกับอะไร ล้วนมีอันตรายทั้งนั้น จิตวิญญาณของการบู๊ บางครั้งก็ไม่ใช่การที่กล้าจะเสี่ยงอันตรายแบบนี้

รพีพงษ์พยักหน้า ธัชธรรมพูดไม่ผิด เส้นทางของวงการบู๊ น้อยที่จะราบรื่น อยากพัฒนาฝีมือ ก็ต้องเสี่ยงอันตราย

“อย่าคิดว่าเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ ยานี้ไม่ว่าใครครอบครอง สุดท้ายล้วนอยากลองด้วยกันทั้งหมด ถ้าเอายานี้ให้กับนิรภัฏ เกรงว่าเขาจะให้ศิษย์เขากินยานี้ตั้งแต่ฉันยังไม่ออกมาเสียอีก”

“เสียดายครั้งนี้ไม้เทพแดงแกชนะ ดังนั้นยานี้แกจึงเสียเปรียบ”

ธัชธรรมหัวเราะ

สิ่งที่รพีพงษ์คิดทั้งหมด ไม่ใช่ยาตัวนี้ สำหรับยาที่สามารถทำให้ตัวเองเลื่อนขั้นได้นั้น รพีพงษ์รู้สึกชอบจริงๆ แต่ในร่างกายยังมีพลังวิเศษเสนอยู่นั้น สำหรับยานี้แล้วรพีพงษ์ไม่ได้อยากได้มันมากนัก

แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากได้จริงๆ ก็คือหยกโยงจิตทั้งสามในมือของกลุ่มสิงโต ได้หยกโยงจิตนั้นมา เขาก็ประสบความสำเร็จในภารกิจที่อาจารย์เขามอบหมายมาแล้ว

แม้อาจารย์บอกว่ายังมีเวลาอีกสามปี แต่รพีพงษ์ไม่อยากยื้อเวลาไว้ อยากทำให้เสร็จเร็วๆ

ดังนั้นเขาจึงจ้องไปที่ธัชธรรม แล้วถาม “ความจริงผมไม่ได้อยากได้ยาจิตแดงนี้สักเท่าไหร่ ผมสามารถเอายานี้แลกกับสิ่งอื่นได้มั้ย?”

ธัชธรรมชะงัก แล้วถาม “แกอยากแลกกับอะไร?”

“ผมได้ยินมาว่าในมือของกลุ่มสิงโตมีหยกที่ชื่อว่าหยกโยงจิต ไม่รู้ว่ายาจิตแดงนี้ สามารถแลกกับหยกนั้นได้หรือไม่?” รพีพงษ์กล่าว

ได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ธัชธรรมหลับตาลง มองรพีพงษ์ด้วยความครุ่นคิด แล้วถาม “แกไปได้ยินมาจากไหนว่ากลุ่มสิงโตของเรามีหยกโยงจิตของแบบนี้อยู่? แกจะเอาหยกโยงจิตไปทำอะไร?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท