พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่905 จ้องไป

บทที่905 จ้องไป

บทที่905 จ้องไป

“เป็นไปได้ไง!”

ทัดธนตะลึง แล้วถอยหลังด้วยสัญชาตญาณตัวเอง แต่พลังจิตของรพีพงษ์เร็วมาก เป็นแค่แว็บเดียวเท่านั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังจิตอันนิดเดียวของตัวเองนั้นถูกย้อนกลับมา จากนั้น พลังจิตที่น่าเกรงขามได้เข้ามาในสมองของเขา

ทัดธนรู้สึกเพียงในหัวของเขากำลังจะระเบิดออก แล้วล้มลงกับพื้น กระอักเป็นเลือดออกมา หน้าซีดราวกับคนตาย

เห็นจุดจบของทัดธน รพีพงษ์ก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าพลังจิตของตัวเองจะเก่งกาจได้ขนาดนี้

เขาเก็บพลังจิตของตัวเองกลับมา แม้วิธีนี้จะจู่โจมคู่ต่อสู้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ระวังตัว และผลลัพธ์ก็ค่อนข้างคาดไม่ถึง แต่สำหรับพลังงานที่ใช้ไป ถ้ารักษาระดับแบบนี้ไว้ ใช้ไปสักแป๊ป จิตใจของรพีพงษ์จะห่อเหี่ยวได้

ผู้คนรอบๆมองทัดธนที่ล้มลงกับพื้นอยู่อ้าปากค้าง ในสายตาของพวกเขา รพีพงษ์แค่จ้องไปที่ทัดธนเท่านั้น

ฝีมือแบบนี้ น่ากลัวกว่าวิชาสะกดจิตอะไรนั่นของทัดธนอย่างมาก

“ไม่……ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์โดนวิชาเข้าแล้วหรอ? ทำไมมันแค่มอง ท่านทัดธนก็กลายเป็นแบบนี้แล้วล่ะ?”

“เหมือนว่าพวกเราจะประเมินรพีพงษ์ต่ำไปนะ ฝีมือของทัดธน ทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้เลย และฝีมือของรพีพงษ์ เก่งกว่าท่านทัดธนอย่างมาก”

“แฮ่มแฮ่ม ที่รพีพงษ์ถูกขนาดนามว่าเป็นอันดับหนึ่งของวงการบู๊ประเทศจีน ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แม้แต่ท่านทัดธน ยังทำอะไรมันไม่ได้เลย”

……

หงส์ตอนแรกที่คิดว่ารพีพงษ์โดนวิชาเข้าแล้ว ก็โมโหอยู่พักใหญ่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ตะลึงขึ้นมา เธอต่อสู้มายาวนาน สุดท้ายยังถูกทัดธนแซวอีก คิดไม่ถึงว่าจะโดนสายตาของรพีพงษ์จ้องจนกระอักเลือดออกมา ความสามารถแบบนี้ แม้แต่เจ้าสำนักก็น่าจะทำไม่ได้นะ?

คนนี้มันปกปิดความสามารถของตัวเองไว้หรอ? แต่จากอายุของเขา แม้เขาจะเป็นเทพกลับชาติมาเกิด ก็ไม่มีทางจ้องแล้วทำให้คนกระอักเลือดออกมาระดับนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้นนะ

ดังนั้นหงส์จึงสงสัย เมื่อกี้รพีพงษ์น่าจะใช้วิชาที่คล้ายๆพลังจิตของทัดธน ทำให้ทัดธนเจ็บหนัก มิเช่นนั้นแค่การจ้องคงไม่สามารถทำให้หนักได้ขนาดนี้

สายตาเธอมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยความซับซ้อน แม้ตอนแรกเธอจะรู้สึกแย่ต่อเขา แต่พรสวรรค์และความสามารถของเขาทำให้คนประหลาดใจได้จริงๆ และไม่มีใครรู็ว่ารพีพงษ์มีไม้ตายมากมายขนาดไหน อย่างน้อยข้อมูลที่กลุ่มสิงโตประกาศออกมา ก็ไม่มีพลังจิตวิชานี้รวมอยู่ด้วย

“สายตาของเจ้าสำนักไม่ผิดจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะยกโทษให้กับท่าทีก่อนหน้านี้ของคุณที่ทำต่อฉัน” หงส์พูดกับตัวเอง

ถ้ามังกรสามพี่น้องรู้ว่าหงส์พูดคำนี้ออกมา จะต้องตะลึงจนตาถลุงออกมาแน่นอน พวกเขารู้จักหงส์มานานหลายปี ไม่เคยเห็นหงส์ยกโทษให้ใครมาก่อน แม้ว่าจะทำผิดจริงๆ ด้วยนิสัยของหงส์ ก็ไม่มีทางพูดคำว่าขอโทษสองคำนี้ออกมาแน่นอน

แต่ตอนนี้หงส์ยกโทษให้รพีพงษ์แล้ว ด้วยความคิดของมังกรทั้งสามพี่น้อง ที่หงส์เป็นแบบนี้ จะต้องเป็นเพราะชอบรพีพงษ์

“เอิ่ม ท่านทัดธน ผมนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านมีธุระ ต้องรีบกลับไป ไม่รบกวนแล้ว” อาจารย์ฮวงจุ้ยที่ดูเหตุการ์คนหนึ่งพอจะเดาจุดจบของเหตุการณ์ในวันนี้ออกแล้ว รู้ว่าถ้าอยู่ต่อไปจะเจอกับอะไร ดังนั้นจึงไม่อยู่ต่ออีกแล้ว

เขาไม่สนว่าทัดธนจะตอบหรือไม่ตอบกลับ พูดจบ ก็รีบเดินออกจากคฤหาสน์ไป

อาจารย์ฮวงจุ้ยที่เหลือเห็นเหตุการณ์ ก็รีบพูดเหมือนๆกัน ออกจากคฤหาสน์ตระกูลปิยศักดิ์อย่างรวดเร็ว ถ้าตอนนี้ไม่ไป เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสได้ไปแล้วจริง

รพีพงษ์ไม่สนใจคนเหล่านั้น เขาเข้ามาก็รู้แล้วว่าคนพวกนั้นเป็นเพียงคนธรรมดา และมาพูดประจบประแจงทัดธน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสวนใจคนเหล่านั้น

ทัดธนมองรพีพงษ์อย่างหวาดผวา เหมือนกับกำลังดูปีศาจอย่างไรอย่างนั้น เพราะหลายปีมานี้มีพลังจิต ทัดธนได้ตรวจสอบเรื่องด้านนี้มา แต่ระหว่างที่เขาตรวจสอบ ผู้ที่มีพลังจิต โดยทั่วไปก็ทำได้ประมาณเขา

เพราะการที่สามารถใช้พลังจิตได้ก็น่ากลัวมากพอแล้ว ถ้าสามารถไปถึงระดับเทพเซียนได้ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว มีหลายเหตุผลและหลายปัจจัยทำให้พลังจิตไม่เก่งกาจพอ

แต่วันนี้ทัดธนได้รู้จากรพีพงษ์ว่าอะไรคือพลังจิตที่ร้ายกาจ พลังจิตของรพีพงษ์ที่ไปควบคุมเขาเมื่อกี้ เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาอยู่ในมือของรพีพงษ์แล้ว

และถ้ารพีพงษ์ไม่เบามือล่ะก็ ตอนนี้เขาน่าจะกลายไปคนบ้าไปแล้ว

แม้เป็นแบบนี้ สมองของเขาก็เหมือนกับมีเข็มทิ่มแทงอยู่ตลอด เจ็บปวดเป็นครั้งคราวที่ออกมาจากจิตใจอย่างไม่หยุด ทำให้หัวของเขามีเหงื่อไหลไม่หยุด

รพีพงษ์เดินไปที่ทัดธน ด้วยรอยยิ้มเลศนัย แล้วถาม “ไง ตอนนี้แกยังคิดว่าความสามารถแค่นั้นของแกยังพออีกมั้ย?”

ทัดธนสูดหายใจลึกๆ กัดฟันแล้วถาม “ทำไม? ทำไมมึงต่อต้านสะกดจิตของกูได้? แล้วตอนนี้กูยังรับรู้ได้ถึงพลังของพลังจิตที่แข็งแกร่งอีกด้วย มึงมีพลังจิตด้วยหรือไง?”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “เป็นพลังจิตมั้ยกูไม่รู้ แต่พลังของกูแข็งแกร่งกว่าสะกดจิตที่มึงว่านั่นอีก แล้วมึงก็เป็นแค่แดนปรมาจารย์ ยังกล้าคุยโวต่อหน้ากูอีก กล้านักนะมึง”

พูดจบ ในมือของรพีพงษ์ก็ปรากฏแสงขึ้นมา เขาอยู่ข้างๆรพีพงษ์ มือนั้นตบไปที่ขาของทัดธน จากนั้นทัดธนก็ร้องโอดครวญขึ้นมา

ทำลายขาของทัดธนทั้งสองข้างทิ้ง หลังจากป้องกันเขาหนีไปแล้ว รพีพงษ์หันไปดูหงส์ที่กำลังตะลึงอยู่ แล้วกล่าว “มันเป็นของคุณแล้ว”

หงส์เพิ่งจะรู้สึกตัว เห็นทัดธนที่ไร้ซึ่งความสามารถในการหลบหนี และเจ็บหนัก หงส์นึกย้อนกลับไปตอนที่ตนถูกทัดธนแซว ก็เกิดความอาฆาตเข้ามา

ไม่ว่าจะยังไง หงส์ก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือทั้งสี่ของกลุ่มสิงโต บวกกับตั้งแต่เล็กจนโตถูกแดนดั่งเทพทั้งสามตามใจ เธอจะทนกับการแซวแบบนี้ได้ไงกัน

ทัดธนเห็นสายตาของหงส์ ตัวสั่นทันใด ในเวลานี้ เหมือนเขาจะเห็นด้านหน้าของเขามีเสือสาวปรากฏอยู่ตรงหน้า

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท