พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่933 สิงร่าง

บทที่933 สิงร่าง

บทที่933 สิงร่าง

“เชี้ย!” รพีพงษ์ด่าออกมา ด้วยความรู้สึกถึงภยันตราย

แต่เมื่อกี้ตั้งใจฟังชัยโรจน์มากเกินไป จึงไม่ได้สนใจว่าตัวเองกำลังจุตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเมื่อรู้สึกตัว จิตวิญญาณเทพของเขาก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งควบคุมไว้แล้ว

เขาอยากจะเอาจิตวิญญาณเทพของตัวเองออกจากโลกจิตวิญญาณของนลินี แต่พบว่าตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมจิตวิญญาณเทพของตัวเองได้อีกแล้ว

ชัยโรจน์มองรพีพงษ์อย่างดูแคลน แล้วกล่าว “เด็กน้อย จิตวิญญาณนี้ของแกน่าจะตื่นจากภวังค์เมื่อไม่นานนี้สินะ พลังจิตวิญญาณเทพเล็กขนาดนี้ คิดจะแย่งจากมือฉันไป ไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ”

นลินีที่อยู่ข้างๆเห็นเหตุการณ์ ก็ร้อนรนขึ้นมา แล้วกล่าว “แม้แกจะเป็นบรรพบุรุษของฉัน แต่จิตใจแกมันเลวร้ายเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้ ฉันเป็นคนรุ่นหลังของแกก็นั่นแล้ว แต่นี่มันคนอื่นแกยังทำได้!”

พูดจบ ร่างของนลินีก็ปล่อยพลังจิตออกมา ไปที่รพีพงษ์ จะช่วยให้เขาพ้นจากการครอบงำของชัยโรจน์

ชัยโรจน์โบกมือ พลังจิตนั้นของนลินีก็สลายไป นลินีร้องครวญครางออกมา ร่างกายเริ่มปรุโปร่งมากขึ้น

เธอห่างจากตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพหนึ่งขั้น ตอนนี้สามารถเอาจิตร่างเทพออกมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่แน่นอนว่าไม่ใช่คู่ต่อกรของชัยโรจน์แน่ๆ

ชัยโรจน์หันไปมองนลินี แล้วกล่าว “สาวน้อย ถ้าไม่ตาย แกก็ยังไม่รู้ว่าแกอยากมีชีวิตรอดขนาดไหน แม้แกจะเป็นคนรุ่นหลังของฉัน แต่ผ่านไปห้าร้อยปีแล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้ ก็เป็นแค่ลมเท่านั้นแหละ”

“ชีวิตของมัน เพียงแค่ฉันมีชีวิตต่อไปได้ ฉันจะไปสนใัจทำไม”

นลินีเกรี้ยวกราด แล้วกล่าว “มีบรรพบุรุษแบบแกทำให้ฉันรู้สึกอัปยศเหลือเกิน!”

ชัยโรจน์ไม่สนใจ แล้วกล่าว “ถ้าไม่มีฉัน ตระกูลตรีศาสตร์จะอยู่มาได้ถึงห้าร้อยปีได้ไงกัน แกน่าจะดีใจนะที่เป็นคนรุ่นหลังของฉัน มิเช่นนั้นตอนนี้ฉันฆ่าแกไปนานแล้ว”

“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปในจิตวิญญาณของเด็กนี่ ฆ่าจิตร่างเทพของมันซะ สิงเข้าไปในร่างของมัน รอให้ฉันตื่นขึ้นมาได้ก่อน แล้วโลกนี้ จะปรากฏนักเวทย์ที่มีวิชาสะเทือนน้ำสะเทือนบกอีกครั้ง ถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้โลกทั้งใบอยู่ภายใต้อานัดของฉัน!”

“ดีใจไปเถอะ ถ้าไม่มีคนนี้ คนที่ตายก็คือแกนั่นแหละ!”

พูดจบ ชัยโรจน์ได้แสดงพลังอีกครั้ง ตามพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์เข้าไปในโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์

นลินีเม้มริมฝีปาก อย่างช่วยอะไรไม่ได้ เผชิญหน้ากับผู้เฒ่าที่อยู่บนโลกนี้มาห้าร้อยปี เธอก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ

เธอจ้องรพีพงษ์ แม้เธอจะไม่รู้จักรพีพงษ์ แต่ในเมื่อรพีพงษ์ยินยอมช่วยเธอ แสดงว่าเขาต้องเป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าหยกเลือดแดงนั้นมีจิตวิญญาณเทพของบรรพบุรุษของเธอซ่อนอยู่ เธอไม่มีทางใช้มันอย่างแน่นอน

“ขอโทษนะ” ธีรนุชจ้องรพีพงษ์แล้วกล่าว

ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีอารมณ์ฟังคำขอโทษของนลินี เขาคิดว่าครั้งนี้แค่มาช่วยถอนผิดเท่านั้น แย่สุดก็แค่เขาแก้พิษไม่ได้ แค่เอาพลังจิตวิญญาณเทพกลับไปก็จบแล้ว

แต่ใครจะไปรู้ว่านี่คือแผนร้าย เป็นแผนที่บรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ต้องการสิงร่างเพื่อมีชีวิตต่อ ได้วางแผนร้ายนี้ไว้ตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนหน้านี้แล้ว

ไอ้สัตว์ประหลาดนี่ได้ซ่อนตัวเองไว้ในหยกแดงเลือดมาห้าร้อยปีแล้วแค่คิดก็รู้แล้วว่าฝีมือของเขาก็แข็งแกร่งมากขนาดไหน ถ้าเขาใช้ร่างของรพีพงษ์กลับมามีชีวิตใหม่ โลกในปัจจุบันนี้ ลำพังแค่กลุ่มสิงโต ก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมเขาได้หรือไม่

ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์หลงตัวเอง พรสวรรค์และความสามารถในร่างนี้ของเขา ไม่ใช่คนธรรมดาจะเทียบได้ นักเวทย์คนหนึ่งสิงร่างเขาไป จะมีความสามารถได้ขนาดไหน ก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ

“ไอ้แก่ ถ้าแกกล้าเข้ามาในโลกจิตวิญญาณของฉัน ฉันจะทำให้แกเสียใจ” รพีพงษ์จ้องชัยโรจน์แล้วกล่าว

ชัยโรจน์หัวเราะฮ่าฮ่า แล้วกล่าว “เด็กน้อย อย่าฝันไปหน่อยเลย ด้วยจิตวิญญาณเทพที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ได้ไม่นานอย่างแก แม้ในโลกจิตวิญญาณของแกจะมีพลังอยู่บ้าง แต่ถ้าจะต่อกรกับฉัน ไม่เป็นไม่ได้”

“สบายใจได้ หลังจากที่ฉันแย่งร่างแกแล้ว จะได้ความจับของแกมาบางส่วน ถึงเวลานั้น ฉันจะดูแลครอบครัวของแกเอง!”

พูดจบ ชัยโรจน์ไม่พูดพร่ำทำเพลง พาพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์นี้ เข้าไปยังโลกจิตวิญญาณของรพีพงษ์

แม้เรื่องนี้จะค่อนข้างแปลก แต่การสนทนาและการกระทำของพวกเขาจะอยู่แค่ในโลกจิตวิญญาณ เมธีราที่อยู่ข้างนอกมองไม่เห็น

เขาจะเห็นเพียงนลินีที่นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียง เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่ทำให้เขามีความหวังขึ้นมา

แต่ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ที่นั่งข้างๆเตียง ตาสองข้างปิดอย่างแน่นและขมวดคิ้วขึ้นมา และร่างกายก็เริ่มสั่นขึ้นมา นี่ทำให้เมธีราเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้ว

“มีอะไรมาขวางไว้งั้นหรอ?” เมธีราพึมพำ แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองความเป็นไป

ผ่านไปไม่นาน เขาสังเกตเห็นมือของนลินีเริ่มขยับ จากนั้นตาก็เริ่มขยับ เหมือนว่ากำลังจะตื่น

เมธีราตื่นเต้นขึ้นมา รู้สึกว่าหลานสาวของตัวเองกำลังจะตื่นขึ้นมาเพราะได้รับความช่วยเหลือจากรพีพงษ์

ที่แท้ ผ่านไปไม่กี่นาที นลินีที่สลบไปอย่างยาวนานได้ลืมตาขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากเตียงมานั่งอย่างเร็ว ด้วยความผวา

เมธีราเห็นนลินีตื่นขึ้นมา ก็ตาลุกวาว ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “นลินี แกตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ แสดงว่าที่หนังสือโบราณพูดไว้นั้นไม่มีผิดนะสิ”

นลินีหันไปมอง เธอไม่สนใจเมธีรา แต่มองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆเตียง

“คุณปู่ รีบๆหาวิธีช่วยเขาเร็วๆ เขาอาจจะโดนแย่งร่างอย่างรวดเร็ว” นลินีกล่าว

เมธีราชะงัก แล้วถาม “หมายความว่าไง?”

นลินีร้อนรน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วบอกเมธีราว่าพิษของจิตวิญญาณเทพอะไรนั่นหนะเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น ทั้งหมดนี้แผนชั่วร้ายที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำเพื่อที่จะสิงร่างฟื้นคืนชีพอีกครั้งเท่านั้น

เมธีราฟังจบแล้ว ก็ตะลึงอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในหยกแดงเลือดนั้น จะมีจิตวิญญาณเทพของบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์อยู่จริง

และที่เขาให้ตระกูลตรีศาสตร์ฝึกฝนคนรุ่นหลังในเรื่องตื่นภวังค์จิตวิญญาเณเทพนั้น ก็เพื่อจะสิงร่างฟื้นคืนชีพ

ทั้งหมดนี้เหนือความคาดหมายของเขา

“คุณปู่ ถ้าไม่รีบหาวิธีขัดขวางบรรพบุรุษล่ะก็ เขาต้องแย่แน่ๆ” นลินีกล่าวอย่างร้อนรน

เมธีรานิ่งเงียบ เพราะตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าควรช่วยรพีพงษ์ หรือเลือกให้บรรพบุรุษฟื้นคืนชีพขึ้นมา

เพราะในอนาคต จะมีประโยชน์มากขึ้น สำหรับตระกูลตรีศาสตร์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท