พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน

บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน

บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน

เมื่อทุกคนเห็นกระบี่ยาวสีทองเล่มนั้นปรากฏขึ้น ก็ตกตะลึงจนเบ้าตาเกือบหลุดออกมา เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าบนตัวของรพีพงษ์ยังพกกระบี่แบบนี้ด้วย กระบี่เล่มนี้อยู่ดีๆก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ

“พระเจ้า กระบี่สีทองเล่มนั้นออกมาจากตรงไหน ดูเหมือนว่าจู่ๆก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเด็กคนนั้น กลับยังเปล่งแสงสีทอง หรือว่านี่จะเป็นกระบี่สยบเซียนในตำนานเหรอ?”

“โอ้พระเจ้าช่วย วันนี้ถือได้ว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ ตอนแรกคิดว่ากระบี่บินของผู้นำตระกูลกิติมหาคุณมีพลังมากพออยู่แล้ว คาดไม่ถึงเด็กคนนี้ก็กลับมีกระบี่บิน ที่สำคัญยังส่องแสงด้วย รู้สึกว่ากระบี่สีทองนี้จะทรงพลังกว่ากระบี่บินของผู้นำตระกูลกิติมหาคุณ”

“นี่ถึงจะเป็นวิชาเวทย์ที่แท้จริง พวกเราก็เป็นแค่ฝีมือที่ไม่เอาไหนเท่านั้น กระบี่ฆ่าคน แสงสีทองรุ่งโรจน์ นี่ถึงจะเป็นวิชาเวทย์ที่แท้จริง!”

……

หงส์ก็คาดไม่ถึงรพีพงษ์กลับยังมีกลยุทธ์แบบนี้ นึกถึงเมื่อกี้นี้ตัวเองรีบร้อนหาที่ตายขนาดนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันที

เมธีราและธีรนุชทั้งสองคนที่อยู่ไม่ไกลดวงตาก็เบิกตากว้างมองดูกระบี่ทองยาวที่ปรากฏบนศีรษะของรพีพงษ์ เกือบแทบจะวินาทีที่กระบี่ปรากฏ เมธีราก็เริ่มตะโกนว่า: “จิตวิญญาณเทพคุมกระบี่ คือจิตวิญญาณเทพคุมกระบี่ น้องชายคนนี้มีจิตวิญญาณเทพจริงๆด้วย ดูเหมือนว่าฉันอยู่บนเครื่องบินไม่ใช่ภาพลวงตา!”

เมื่อธีรนุชได้ยินคำพูดของเมธีรา ท่าทางที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

หลังจากที่นิธินาถกระบี่ทองยาว ปรากฏขึ้นก็หรี่ตาลง จากนั้นส่งเสียงเย็นชาว่า: “แค่เสแสร้งทำเป็นเทพเท่านั้นเอง กระบี่บินเล่มนี้และเวทมนตร์ฉันเรียนมายี่สิบกว่าปีถึงได้ฝืนทนควบคุมได้ แกแค่เด็กอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง จะมีปัญญาแบบนี้ได้ยังไง แค่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเท่านั้นเอง”

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนหรือไม่ก็ใช่ว่าเขาพูดก็พอแล้ว เห็นเพียงกระบี่ทองยาวเล่มนั้นปะทะกันกับกระบี่บิน แสงของกระบี่สีทองก็เปล่งประกายออกมา เพียงแค่ฟันกระบี่หนึ่งครั้ง กระบี่บินของนิธินาถก็ตกลงสู่บนพื้น

หลังจากตกลงพื้น ก็แตกออกเป็นสองชิ้นทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง นิธินาถก็นิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม จ้องมองกระบี่บินที่ตกลงบนพื้นด้วยความงุนงง และไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานาน

“ถึง….ถึงกับหักเลยเหรอ?”ผู้คนไม่น้อยอุทานขึ้นมา

นิธินาถรีบวิ่งไปทางกระบี่บินอย่างรวดเร็ว และหยิบกระบี่บินทั้งสองที่ตกลงมาบนพื้น มองดูพวกมันด้วยความเหลือเชื่อ มือทั้งสองก็สั่นเล็กน้อย

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงได้หัก? นี่เป็นอาวุธวิเศษ ตระกูลนิธินาถของฉันสืบทอดมันมาหลายปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาก่อน กระบี่เล่มนี้มีอานุภาพเกรียงไกร ทำไมถึงหักได้?”

นิธินาถเงยหน้าขึ้นมองไปที่กระบี่ทองยาว กลางอากาศ แววตาเผยให้เห็นความหวาดกลัว ถึงได้เข้าใจว่าตัวเองประเมินรพีพงษ์ต่ำไป

รพีพงษ์ไม่ลังเลมากนัก หลังจากฟันกระบี่บินของนิธินาถหัก กระบี่สยบเซียนในอากาศก็บินตรงไปหานิธินาถ

สีหน้านิธินาถถอดสี จีบมือร่ายมนต์ในมือทันที จากนั้นโยนยันต์สีเหลืองใบหนึ่งไปยังกระบี่สยบเซียน ตะโกนเสียงดัง ยันต์สีเหลืองเหล่านั้นก็ระเบิดออก

อย่างไรก็ตามการโจมตีระดับนี้สำหรับกระบี่สยบเซียนแล้ว ไม่มีผลอะไร มันกลายเป็นแสงสีทอง ในพริบตาเดียว ก็มาถึงตรงหน้านิธินาถ

“แกยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือยัง?”รพีพงษ์จ้องมองไปที่นิธินาถแล้วถาม

ดวงตาของนิธินาถเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม จากนั้นยื่นมือออกไปกัดนิ้วมือของตัวเอง และนำเลือดถูกลงบนเสื้อเกราะสะท้านกลับของตัวเอง

“เสื้อเกราะสะท้อนกลับของฉันสามารถใช้ได้สองครั้งในเวลาอันสั้น แม้ว่าจะทำให้อายุการใช้งานของเสื้อเกราะสะท้อนหมดไป แต่ใช้มาจัดการกับแก ก็คุ้มค่าแล้ว แกก็น่าจะได้เห็นพลังของเสื้อเกราะสะท้อนกลับแล้ว ตราบใดที่แกใช้กระบี่นี้โจมตีฉัน การโจมตีทั้งหมดของแกก็จะสะท้อนกลับไป และท้ายที่สุดจะผู้โชคร้ายก็ยังคงเป็นแก”นิธินาถพูดอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดของนิธินาถ รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นพูดว่า: “โง่”

จากนั้นกระบี่สยบเซียนก็เจาะทะลุร่างของนิธินาถไปโดยตรง เสื้อเกราะสะท้อนกลับชุดนี้ของนิธินาถไม่ได้ปลดปล่อยส่องแสงสีทองเหมือนก่อนหน้า เรียกได้ว่าความเร็วของกระบี่สยบเซียนนั้นเร็วเกินไป ดังนั้นเสื้อเกราะสะท้อนกลับของตัวเองยังไม่ได้ทันตอบสนองกลับมา ก็ถูกกระบี่สยบเซียนแทงทะลุผ่านไปแล้ว

หลังจากทำแบบนี้เสร็จ รพีพงษ์รีบเก็บกระบี่สยบเซียนกลับมา ตอนที่กระบี่ทองยาวเล่มนั้นมาถึงตรงหน้ารพีพงษ์ ทันใดนั้นมันก็หายไปอย่างไรร่องรอย กลับสู่ในหัวสมองของรพีพงษ์อีกครั้ง

เมื่อวานนี้ รพีพงษ์พบว่ากระบี่ทองยาวเล่มนี้ปรากฏอยู่ในสมองหัวของตัวเอง รู้สึกถึงระหว่างตัวเองกับมันมีความเชื่อมโยงกัน เขารู้ว่าตัวเองสามารถสั่งกระบี่นี้ได้

แม้ว่าในตอนนี้กระบี่เล็กนี้ยังหักอยู่ แต่พลังของมันก็เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้ รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่ามันจะสามารถฟันกระบี่บินของนิธินาถหักได้

รพีพงษ์รู้สึกได้ว่า พลังที่กระบี่สยบเซียนสามารถปลดปล่อยออกมาได้ อาศัยเพียงดูดซับพลังจิตของเขามาฟื้นฟูพลัง

เพียงแบบนี้ ก็มีพลังที่น่ากลัวอยู่แล้ว ไม่รู้จริงๆว่าระดับชั้นสูงสุดของกระบี่สยบเซียนนี้ สามารถแสดงพลังที่ทรงพลังขนาดไหนออกมา

แม้ว่าจะสั่งกระบี่สยบเซียนนี้ได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นไม่กี่นาที แต่พลังจิตของรพีพงษ์ในตอนนี้ถูกดูดไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เร่งรีบเก็บกระบี่สยบเซียนกลับคืนมา

แม้ว่าของสิ่งนี้จะทรงพลัง แต่ด้วยในระดับตอนนี้ของรพีพงษ์ ใช้ได้ไม่นานมากนัก อย่างมากก็สามารถใช้เป็นไพ่ตาย ใช้จู่โจมอย่างฉับพลันเมื่อฝ่ายตรงข้ามเผลอ

ใบหน้าของนิธินาถเปลี่ยนเป็นซีดเซียวมากขึ้น ดวงตาเบิกกว้างจนกลม เขาก้มหน้ามองลงไปตรงที่นั่นของหน้าอกตัวเอง พบว่าที่ตรงนั้น มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

“ทำ…..ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเสื้อสะท้อนกลับไม่แสดงผลล่ะ?”

“หรือว่ากระบี่บินของเด็กคนนี้ แข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้วเหรอ?”

หลังจากที่พึมพำสองประโยคนี้จบ นิธินาถก็ล้มลงตรงไปด้านหลัง หลังจากล้มลงบนพื้น บิดคอสองครั้ง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นผลเช่นนี้ ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณผู้มีชื่อเสียงมากมาย กลับเสียชีวิตด้วยน้ำมือของรพีพงษ์แบบนี้

“นี่ นี่มันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณกลับเสียชีวิตในเงื้อมมือของเขา พระเจ้า ใครจะคิดว่า ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณ จะเสียชีวิตลงในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ที่ตัวเองจัดขึ้นมา!”ผู้คนไม่น้อยเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

รพีพงษ์เดินไปทางนิธินาถ ถึงตรงหน้าเขา พบว่าเขาดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ไม่มีความสดใสในรูม่านตา จากนั้นเขาก็ก้มตัวลง จับร่างกายของนิธินาถ หาแผนผังค่ายกลวิเศษออกมา ใส่ไว้ในเสื้อผ้าของตัวเอง

“เดิมที่แกมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป แต่แกไม่แยกถูกแยกผิดบุ่มบ่ามวู่วาม ยืนกรานที่จะฆ่าฉัน แบบนี้ก็ทำได้เพียงโทษตัวของแกเอง”

“แผนผังค่ายกลวิเศษนี้ฉันจะรับไว้ ถือว่าเป็นการขอโทษจากตระกูลกิติมหาคุณของแกให้กับฉันแล้วกัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท