พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่938 หนังสือโบราณ

บทที่938 หนังสือโบราณ

บทที่938 หนังสือโบราณ

ในห้องสมุดของตระกูลตรีศาสตร์ รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ บนโต๊ะวางหนังสือที่ค่อนข้างโบราณเอาไว้หลายเล่ม กระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สันปกเป็นม้วน แต่เห็นเนื้อหาด้านในชัดเจนไม่มีปัญหาอะไร

รพีพงษ์นั่งดูหนังสืออยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมง สีบนท้องฟ้าได้มืดมิดลง แสงไฟส่องสว่าง แสดงถึงการมาถึงของค่ำคืน

ขณะนี้ธีรนุชและนลินีสองพี่น้องกำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากห้องสมุด กำลังพูดกันอย่างเบาๆ ไม่กล้าพูดเสียงดังมากนัก กลัวจะกระทบการอ่านหนังสือของรพีพงษ์ แต่ดูออกว่าทั้งสองพี่น้องพูดคุยกันอย่างมีความสุข

แม้ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ใช้พลังจิตวิญญาณเทพทำให้พวกเธอบาดเจ็บ แต่เพื่อสามารถที่จะรับใช้รพีพงษ์ได้ทุกเวลา ทั้งสองคนจึงอดทน ตั้งแต่เล็กพวกเธอทั้งสอนได้ผ่านการฝึกฝนจิตใจ การควบคุมจิตใจจึงดีกว่าคนทั่วไป ยืนหยัดมาสักระยะแล้วก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ

ตอนนี้ธีรนุชกำลัง เล่าเรื่องบางอย่างของรพีพงษ์ให้กับนลินีที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว

นลินีค่อนข้างตั้งใจฟัง ในขณะเดียวกันก็ได้ตะลึงกับสิ่งที่รพีพงษ์ทำมา เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามีคนใช้พลังของตัวเอง ต่อกรกับห้าตระกูลใหญ่วงการบู๊ แม้กระทั่งผู้นำตระกูลกิติมหาคุณที่เป็นระดับน่าเคารพของโลกวิชาเวทย์ก็ฆ่ามาแล้ว

นี่สำหรับวัยรุ่นที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี เป็นเรื่องที่สามารถโอ้อวดได้ตลอดชีวิต

บวกกับวันนี้ที่รพีพงษ์ใช้ความสามารถของตัวเองกำจัดจิตวิญญาณเทพของบรรพบุรุษที่อยู่มาห้าร้อยปีของตระกูลตรีศาสตร์ได้ ชัยโรจน์อยู่ในจิตวิญญาณของนลินีมานานขนาดนี้ ฝีมือของเขาน่ากลัวขนาดไหนนลินีรู้ดี

ดังนั้นตอนนี้นลินีเลื่อมใสในรพีพงษ์อย่างเต็มที่ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่เก่งกาจขนาดนี้มาก่อนเลย

ตอนที่เธอพูดกับรพีพงษ์ว่าจะแต่งงานกับรพีพงษ์ เป็นเพราะรู้สึกซาบซึ้งอย่างสุดซึ้ง แต่ตอนนี้เธอชอบรพีพงษ์เข้าให้แล้วล่ะ

แต่เสียดายที่รพีพงษ์แต่งงานแล้ว ความคิดทั้งหมดของเธอ ก็ทำได้เพียงเก็บมันไว้เท่านั้น

“เฮ้อ คนที่เก่งกาจขนาดนี้ ถ้ายังไม่แต่งงานคงดีนะ ต่อให้มีแฟนก็ยังโอเค ตอนนี้แม้แต่ความหวังเล็กน้อยก็ไม่เหลือ” นลินีอุทานออกมา

ธีรนุชรีบปิดปากหัวเราะ แล้วกล่าว “พี่ เริ่มบ้าผู้ชายอีกแล้วนะ”

“ชิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่นะ ความคิดแกก็น่าจะคล้ายๆของฉันนะ โชคดีที่เขาแต่งงานแล้ว มิเช่นนั้น เราสองพี่น้องก็ต้องเป็นศัตรูกันไปแล้วสิ?” นลินีกล่าว

ธีรนุชที่ถูกพูดโดนใจก็ก้มหน้าเขินอาย ไม่พูดกับพี่สาวอีก

ในห้อง รพีพงษ์เอาหนังสือโบราณเล่มนั้นวางลง แล้วถอนหายใจยาวๆ ใช้เวลามาทั้งบ่าย สุดท้ายเขาก็อ่านหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์จบเสียที

ในนั้นมีการอธิบายจิตวิญญาณเทพอย่างละเอียด หลังจากที่ดูจบแล้ว รพีพงษ์ได้เข้าใจสภาพของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างมาก

ดวงจิตที่อยู่ในหัวของเขา แน่นอนแล้วว่าเป็นจิตวิญญาณเทพ และรพีพงษ์ได้รู้ว่า เรื่องจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิดนี้เป็นเรื่องที่หมื่นปีก็ไม่ค่อยได้เห็น ดังนั้นหลังจากที่สูดไม้เทพแดงเข้าไปแล้วนั้น จึงได้เห็นจิตวิญญาณเทพของตัวเองตื่นภวังค์

ถ้าไม่ใช่จิตวิญญาณเทพโดยกำเนิด ต่อให้รพีพงษ์เกิดมาก็เริ่มฝึกฝนจิตวิญญาณเทพ ก็ไม่มีทางที่จะอายุยี่สิบกว่าปี แล้วจะสำเร็จตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพได้

แม้ธีรนุชจะห่างจากตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพอีกแค่ขั้นเดียว แต่ขั้นนี้ อาจจะต้องใช้ชีวิตเธอทั้งตลอดชีวิตกว่าจะสำเร็จก็เป็นได้

ก็เพราะอ่านหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ รพีพงษ์จึงได้รู้ว่าครั้งนั้นที่สูดไม้เทพแดงไปนั้นมากมายขนาดไหน ครั้งนั้นถ้าไม่ใช่เพราะโชคดี ต่อให้มีร้อยชีวิต ก็ไม่พอให้รพีพงษ์มีชีวิตได้

ถ้าทำใหม่อีกครั้ง รพีพงษ์ไม่มีทางบีบให้จิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์อย่างแน่นอน

ในหนังสือโบราณไม่ค่อยเขียนเกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิดมากนัก เพราะผู้ที่มีจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิดต่อให้อยู่ในยุคของชัยโรจน์ก็ทำได้น้อยมาก เปอร์เซ็นต์ที่จิตวิญญาณโดยกำเนิดจะเกิดขึ้นได้นั้น น้อยยิ่งกว่าการถูกล็อตเตอร์รี่หลายร้อยเท่า ดังนั้นชัยโรจน์ก็ไม่มีทางเสียแรงอธิบายเกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิดมากมายขนาดนั้น

ที่เหลือในหนังสือโบราณเขียนไว้ว่า จะทำอย่างไรให้ฝึกฝนจิตวิญญาณเทพได้ อีกทั้งการเตรียมพร้อมเพื่อตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพ ถึงแม้เรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อรพีพงษ์ แต่จากสิ่งเหล่านี้ รพีพงษ์ก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพขั้นพื้นฐานบางส่วน

ตัวอย่างเช่นความสามารถที่รพีพงษ์ปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพออกมากเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์รอบๆ ชื่อว่าพลังจิต เมื่อปล่อยพลังจิต ไม่ว่าสิ่งไหนก็ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาไปได้

ขอบเขตที่พลังจิตครอบคลุมกับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเทพมีความสัมพันธ์กัน เหมือนกับตอนที่รพีพงษ์เพิ่งตื่นจากภวังค์จิติวญญาณเทพ รับรู้เพียงรัศมีระยะห้าเมตรเท่านั้น แต่เมื่อดูดพลังจิตวิญญาณเทพของชัยโรจน์เข้าไปแล้วนั้น ได้ไปถึงระยะร้อยเมตร

ขณะเดียวกันยอดฝีมือแดนเทพของธัชธรรม ในหนังสือโบราณนี้ ก็มีเขียนไว้ ด้านในเขียนว่าถ้าอยากเป็นแดนเทพ ต้องตื่นภวังค์จิตวิฐฐาณเทพก่อน ตอนนี้รพีพงษ์เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมธัชธรรมถึงได้คิดว่าตนจะเป็นคนที่มีความหวังเป็นแดนเทพมากที่สุด

ในขณะเดียวกันบนหนังสือโบราณนี้ยังมีความรู้ที่มีประโยชน์ต่อรพีพงษ์อีกมากมาย หลังจากที่อ่านหนังสือโบราณเหล่านี้จบแล้ว รพีพงษ์จึงเข้าใจถึงความแปลกประหลาดของจิตวิญญาณของมนุษย์

ก่อนหน้านี้เขาคิดเสมอว่าโลกจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นอ่อนแอมาก ต้องการเนื้อหนังมังสาหุ้มไว้เพื่อความอยู่รอด เพียงแค่ทำให้เนื้อหนังแข็งแรง จิตวิญญาณจึงจะมีสุขภาพดี

แต่หลังจากที่อ่านหนังสือโบราณพวกนี้จบแล้ว รพีพงษ์ได้เข้าใจในจิตวิญญาณของคนๆหนึ่งที่อาจไปถึงระดับที่น่ากลัวได้ แข็งแกร่งอย่างมหาศาล ใช้แค่พลังจิตวิญญาณของตัวเอง ก็สามารถฉีกเนื้อหนังมังสาของคู่ต่อสู้ได้

มียอดฝีมือจิตวิญญาณเทพบางคน สามารถคร่าชีวิตของคนนับแสนในสนามรบได้เพียงชั่วพริบตา โดยการใช้พลังอันน่ากลัวของจิตวิญญาณเทพ

ความสามารถแบบนี้ แม้จะมีเนื้อหนังที่แข็งแรง ก็เทียบไม่ได้

แต่การที่จะเป็นระดับนี้ได้นั้น ยากเอาการอยู่ แล้วต่อให้เป็นยอดฝีมือแดนเทพ ก็ยังคงให้ความสำคัญมากกับพลังของร่างกาย น้อยนักที่จะมีคนเสียเวลาและพลังในการศึกษาค้นคว้าจิตวิญญาณเทพ เพราะนี่ยังไม่มีผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกฝนร่างกายให้เห็น

ตระกูลตรีศาสตร์มอบวิชาฝึกจิตวิญญาณนั้นให้รพีพงษ์ รพีพงษ์ยังไม่ทันได้อ่าน เพราะไม่รีบ ตระกูลตรีศาสตร์ได้นำวิธีการฝึกฝนเล่มนั้นให้รพีพงษ์ รพีพงษ์วางแผนว่ากลับไปแล้ว ค่อยตั้งใจศึกษาค้นคว้า

หลังจากที่วางหนังสือโบราณลงแล้ว รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น บิดขี้เกียจ มองไปที่กำแพง การพูดคุยของนลินีสองพี่น้องที่อยู่ด้านนอก ความจริงแล้วเขาใ้ช้พลังจิตได้ยินหมด

ได้ยินเนื้อหาที่สองพี่น้องพูดกัน รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา

เขาเดินไปที่ประตู ในขณะเดียวกันนี้เอง ในสมองเขาก็เกิดความคิดขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

จากนั้นเขาก็ปล่อยพลังจิตออกมา ทำตามเนื้อหาที่ระบุไว้ในหนังสือโบราณ ใช้วิธีที่พิสดาร ครอบนลินีและธีรนุชสองพี่น้องไว้

จากนั้นเขาผลักประตู เดินไปที่สองพี่น้อง แต่สิ่งที่ประหลาดคือ นลินีสองพี่น้องเหมือนไม่เห็นรพีพงษ์เลย รพีพงษ์เดินผ่านพวกเธอไป พวกเธอทั้งสองก็ยังคงพูดคุยอย่างเขินอายอยู่ เหมือนกับไม่เห็นอะไรผิดแปลกไปอย่างนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท