พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่941 แสดงอำนาจ

บทที่941 แสดงอำนาจ

บทที่941 แสดงอำนาจ

ชนสรณ์ได้ยินคำพูดของทัตดา ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “เดี๋ยวคุณดูนะ ผมจะให้ครูฝึกคนใหม่คนนี้ของเราเข้าใจ ว่าในกองทัพ เทียบไม่ได้กับการเป็นนายใหญ่อยู่ในสังคม”

ไม่นาน รพีพงษ์ก็เดินมาถึงด้านหน้าของรถจิ๊บ เขาไม่ได้เอาของมามาก เอามาแค่กระเป๋าใบเดียว ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าเอาไว้ใส่แล้วซักและยังมีของมีค่าบางอย่าง

แม้จารุวิทย์ไม่ได้บอกเขาว่าการเป็นครูฝึกครั้งนี้ต้องเป็นนานขนาดไหน แต่รพีพงษ์รู้สึกแค่ว่าตัวเองต้องฝึกฝนเหล่าทหารทหารมังกรให้ดีก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น และการที่จะทำได้นั้นก็ไม่ยาก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่น่าจะต้องอยู่ที่เปร์คิงนานมากนัก

ก่อนที่จะเดินทาง รพีพงษ์ได้วางแผนเรื่องทุกอย่างของตระกูลลัดดาวัลย์ไว้เรียบร้อยแล้ว และหลายวันก่อนหน้าที่จะแจ้งกับคนของเปร์คิง ก็ได้เริ่มอยู่เป็นเพื่อนอารียาและขวัญนลินสองแม่ลูกอย่างจริงจัง

การไปเปร์คิงครั้งนี้ แม้อารียาจะไม่อยากให้ไป แต่อารียาก็รู้ดีว่ารพีพงษ์ไปทำธุระ เธอไม่สามารถที่จะให้รพีพงษ์อยู่อย่างใจตัวเองต้องการได้

ดังนั้นทั้งคู่จึงตกลงกัน รพีพงษ์ทำงานข้างนอก อารียาทำงานบ้าน ดูแลเรื่องต่างๆของตระกูลลัดดาวัลย์ บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่สามีภรรยาพึ่งต้องมี

หลังจากที่มาถึงด้านหน้าของรถจิ๊บ รพีพงษ์ก็มองเข้าไปด้านใน มีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เขารู้มานานแล้วว่าคนที่มารับเขาเป็นใคร และรู้ชื่อของสองคนนี้ดี

เขายืนอยู่ข้างๆรถรอให้สองคนลงมา แต่ผ่านไปสักพัก ทั้งคู่ก็เหมือนว่าจะไม่ลงมา

เดินทีทัตดาอยากลงจากรถเพื่อไปทักทายรพีพงษ์ แต่ถูกชนสรณ์ห้ามไว้

ความหมายของเขาคือ อยากจะเห็นว่าถ้ารพีพงษ์ถูกมองข้ามแล้วจะทำอย่างไร แล้วก็ทำลายอำนาจของรพีพงษ์ด้วยเลย ให้เขารู้ว่าคนของกองทัพไม่ใช่จะแตะต้องได้

รพีพงษ์เห็นชนสรณ์และทัตดาทั้งสองไม่ลงมา แล้วเห็นว่าคนบนลงแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา ก็รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร

เขายิ้มมุมปาก จากนั้นก็ตะโกนเข้าไปในรถ “ชนสรณ์ ทัตดา! ลงมาเดี๋ยวนี้!”

ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือแดนเทพ เสียงของรพีพงษ์ดังกังวาน ทะลุปรุโปร่ง ต่อให้มีกระจกกั้น ก็ดังกระแทกไปยังโสตประสาทของคนได้

ชนสรณ์และทัตดาฉลาด จึงรีบลงมาจากรถ

ชนสรณ์จ้องไปที่รพีพงษ์ จากนั้นก็ยิ้ม แล้วกล่าว “คุณคือรพีพงษ์ใช่มั้ย ขอโทษจริงๆนะ เมื่อกี้พวกเรากำลังพูดคุยกัน ไม่ทันได้สนใจคุณ”

ทัตดาก็กล่าวตาม “สวัสดีค่ะหัวหน้าครูฝึก ฉันคือผู้แนะนำของคุณ ทัตดา”

รพีพงษ์ดูแคลน แล้วกล่าว “ภารกิจครั้งนี้ของพวกคุณคืออะไร?”

ทัตดารีบกล่าว “รับหัวหน้าครูฝึกไปเปร์คิงค่ะ”

“ผมเดินผ่านพวกคุณไป พวกคุณไม่เห็น นี่ถือว่าพวกคุณบกพร่องในงานมั้ย?” รพีพงษ์ถาม

ทั้งสองชะงัก คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตัดคะแนนบกพร่องในหน้าที่ของพวกเขา

“ครูฝึกรพี พวกเราก็แค่ไม่มีสมาธิเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องพูดรุนแรงขนาดนั้นก็ได้”ชนสรณ์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ

รพีพงษ์มองชนสรณ์ กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ผมหรือคุณเป็นหัวหน้าครูฝึก? ผมจะทำอะไร ต้องฟังคุณงั้นหรอ?”

ชนสรณ์เห็นรพีพงษ์ใช้ตำแหน่งหัวหน้าครูฝึกบีบตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าจะต่อต้านอย่างไร จึงตอบกลับไปว่า “หัวหน้าครูฝึกพูดถูก ผมพูดมากไป”

แค่เรื่องรับคนยังทำไม่ได้ ก็เห็นถึงความสามารถของพวกคุณแล้ว ไม่แปลกที่ผู้บัญชาการของพวกคุณให้ผมไปเป็นหัวหน้าครูฝึก” รพีพงษ์วิจารณ์ชนสรณ์และทัตดาอย่างไม่ไว้หน้า

ชนสรณ์ก็ไม่คิด เดิมทีเขาคิดจะสั่งสอนรพีพงษ์ แต่กลับถูกรพีพงษ์มองว่าไม่มีความสามารถ นี่จะอธิบายก็ไม่มีโอกาสแล้ว

ทัตดาเกลียดชนสรณ์เข้าไส้ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้แต่แรก เธอไม่ฟังชนสรณ์หรอก

“ตอนนี้พวกคุณทั้งสองวิดพื้นคนล่ะร้อยครั้ง ถือเป็นการลงโทษ ถ้ายังมีครั้งหน้า จะไม่ใช่แค่วิดพื้นแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

ชนสร์และทัตดามองหน้ากัน ตอนนี้อยู่บนถนน รพีพงษ์ให้พวกเขาวิดพื้น จะต้องถูกคนหัวเราะเยาะแน่นอน

“ทำไม คำสั่งของหัวหน้าครูฝึกอย่างผมไม่มีค่างั้นหรอ? ดูๆแล้วผมต้องไปหาผู้บัญชาการของพวกคุณหน่อยแล้วล่ะ” รพีพงษ์กล่าว

จะทำเดี๋ยวนี้!” ชนสรณ์รีบกล่าว ถ้าหากผู้บัญชาการรู้ว่าเขาตั้งใจไม่สนใจหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ ต่อไปตำแหน่งหัวหน้าครูฝึก เขาเลิกคิดไปได้เลย

พูดจบ ชนสรณ์ก็ฟุบกับพื้นเริ่มวิดพื้น

คนจำนวนไม่น้อยเดินผ่าน ล้วนล้อมเข้ามาดู

แม้ชนสรณ์จะไม่พอใจ แต่เจอเข้ากับคำสั่งของผู้ที่ใหญ่กว่าก็ทำได้แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งมั่นใจว่ารพีพงษ์ไร้ความสามารถ ทำได้แค่ใช้หัวหน้าครูฝึกตัวตนนี้มาบังคับเขาเท่านั้น

ทัตดาเห็นชนสรณ์เริ่มวิดพื้น ก็อึดอัด ตอนที่อยู่เปร์คิงเป็นเธอทำงานฝ่ายพลเรือน ปกติน้อยมากที่จะเข้าฝึก วิดพื้นร้อยครั้งสำหรับเธอแล้วมันชั่งเหมือนตกนรก ยิ่งไปกว่านั้นยังทำบนถนนอีก

รพีพงษ์เห็นทัตดาไม่ปฏิบัติ จึงถาม “คุณต่อต้านคำสั่ง?”

ทัตดารีบส่ายหัว แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก ฉันเป็นผู้หญิง…….”

รพีพงษ์ดูแคลน แล้วกล่าว “ขอโทษนะ หญิงชายเท่ากัน ทำผิด ก็ต้องรับโทษ”

ทัตดาเห็นรพีพงษ์ไม่ไว้หน้า ก็ทำได้แค่ฟุบลง แล้ววิดพื้น

ชนสรณ์ยอดฝีมือมวยไทย วิดพื้นสำหรับเขาเป็นเรื่องขี้เล็บ ไม่นานก็ทำเสร็จแล้ว

ทัตดาต่างหากที่ค่อนข้างเจ็บบปวด แม้เธอจะแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงทั่วไปอยู่บ้าง แต่วิดพื้นร้อยครั้งก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี วิดเกือบเสร็จ แขนก็ยกไม่ขึ้นแล้ว

ชนสรณ์มองไปที่ทัตดา ด้วยความรู้สึกผิด คิดในใจว่าเป็นเพราะตนทัตดาจึงต้องถูกลงโทษ ถ้ารู้ว่ารพีพงษ์เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่หาเรื่องตั้งแต่แรกแล้ว

ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีต่อรพีพงษ์มากขึ้น สาบานว่าจะต้องให้รพีพงษ์เห็นความเก่งกาจของเขาให้ได้ เมื่อถึงเปร์คิง เขาจะทำให้รพีพงษ์รู้ ว่านี่เป็นถิ่นของใครกันแน่

รพีพงษ์ไม่กลัวว่าตัวเองจะทำผิดต่อชนสรณ์หรือทัตดา แม้เขาจะไม่เคยเป็นทหารมาก่อน แต่รู้ว่าค่ายทหารเป็นที่ยังไง ถ้าตัวเองแสดงออกว่าง่ายต่อการถูกรังแกตั้งแต่แรก ทหารที่หัวรั้นพวกนี้อยู่ต่อหน้าเขาก็ยังผยองขึ้นมาได้

รพีพงษ์ก็ดูออกว่าชนสรณ์รู้สึกว่าตัวเองไม่พอที่จะให้พวกเขาเชื่อมั่น แต่เขาก็ไม่รีบร้อน รอให้ถึงเปร์คิง รพีพงษ์มีโอกาสให้พวกเขาได้รู้ ว่าหมัดของตัวเอง ไม่ได้ธรรมดา

สุดท้าย ทัตดาก็วิดพื้นที่ยากสำเร็จ ยืนขึ้นมาจากพื้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความแค้น

รพีพงษ์ไม่สนใจ ขึ้นนั่งบนรถโดยตรง

ทัตดาหันไปมองชนสรณ์ ชนสรณ์ฉวยโอกาสตอนที่รพีพงษ์ขึ้นรถ พูดกับทัตดาเบาๆว่า “สบายใจได้ ผมจะสั่งสอนเขาเอง ไม่ใช่ว่าเป็นหัวหน้าครูฝึก แล้วจะยโสโอหังต่อหน้าพวกเราได้”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท