พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่943 เยาะเย้ย

บทที่943 เยาะเย้ย

บทที่943 เยาะเย้ย

ณ ที่โล่งของฐานฝึกทหารมังกร

หลังจากที่ธีรนัยพาคนกลับมาแล้ว ก็ได้เป่านกหวีดเรียกรวมตัว ขณะนี้สมาชิกของทหารมังกรทุกคนได้มารวมตัวกันที่นี่ทุกคนแล้ว รอการมาของหัวหน้าครูฝึกคนใหม่

เฮลิคอปเตอร์หยุดอยู่ไม่ไกล รพีพงษ์และชนสรณ์ทัตดาทั้งสามลงมาจากข้างบน รพีพงษ์มองมาที่ทหารมังกร เห็นเหล่าทหารที่ขมักเขม่น ก็ตกใจ

ชนสรณ์มองไปที่หน้าผาตรงนั้น เห็นธงรบของทหารมังกรได้ปักไว้บนหน้าผาแล้วนั้น ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

เขาหันไปมองรพีพงษ์ จากนั้นก็ยิ้ม “หัวหน้าครูฝึก ตรงนั้นคือสมาชิกทุกคนของทหารมังกร พวกเขาคือผู้นำในผู้นำ เชื่อว่าหลังจากที่คุณเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกรแล้วนั้น จะทำให้พวกเขาก้าวข้ามขึ้นไปอีกระดับ”

รพีพงษ์ไม่สนใจคำชมของชนสรณ์ แล้วเดินไปที่เหล่าทหารมังกร

ธีรนัยเห็นดังนี้ก็รีบตะโกนนำ “ยินดีต้อนรับหัวหน้าครูฝึก!”

ผู้คนที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนตาม “ยินดีต้อนรับหัวหน้าครูฝึก!”

พลังเสียงดังสนั่น ผู้ฟังฟังแล้วดังเข้าไปในโสตประสาท น่คือกองทัพอันดับหนึ่งของเปร์คิงที่มีพลัง

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็มองชนสรณ์ที่อยู่หลังตัวเอง แล้วถาม “มีพิธีรับมอบไม่ใช่หรอ? รีบทำเถอะ”

ชนสร์รีบกล่าว “หัวหน้าครูฝึก ตำแหน่งคุณคือหัวหน้าครูฝึกคนใหม่ของทหารมังกร มีงานรับมอบจริงๆ พิธีนี้คือคุณต้องหยิบธงรบของทหารมังกร แล้วนำพี่น้องชาวทหารมังกรสาบานตน แต่ตอนนี้ธงรบของทหารมังกรปักอยู่ที่หน้าผา ตามกฎของกองทัพ พิธีรับมอบธงรบ มีเพียงหัวหน้าครูฝึกเท่านั้นที่แตะต้องได้ คุณว่า……”

รพีพงษ์หันไปมองหน้าผานั่น เห็นธงรบกำลังพริ้วไปตามลม แล้วเหลือบไปมองชนสรณ์

ชนสรณ์รีบหลบตาทันที ราวกับไม่เห็นสายตาของรพีพงษ์

รพีพงษ์รู้ในทันทีว่านี่เป็นแผนการที่ชนสรณ์จัดเตรียมไว้ ให้ตัวเองอับอาย

ทัตดาก็จ้องไปที่หน้าผา จากนั้นก็กล่าว “สูงจัง จะเอาลงมาได้ไงเนี่ย”

ทุกคนของทหารมังกรล้วนจ้องไปที่รพีพงษ์ อยากดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

ชนสรณ์มองไปรอบๆ จากนั้นก็ยิ้มให้รพีพงษ์แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก นี่เป็นแค่พิธีการนะ แม้ตามกฎจะมีแค่หัวหน้าครูฝึกเท่นั้นที่จับได้ แต่ถ้าหัวหน้าครูฝึกไม่สามารถเอาธงลงมาได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถช่วยได้”

เขาคิดไว้ตั้งนานแล้ว ที่เอาธงรบปักไว้ที่หน้าผา หนึ่งคือให้รพีพงษ์ยอมรับว่าขี้ขลาด เมื่อเขาแสดงท่าทีว่าตัวเองไม่สามารถเอาธงรบลงมาได้ งั้นวันข้างหน้าจะให้เหล่าทัพทหารมังกรเคารพตน ก็ยากมากแล้ว

และเขายังสามารถฉวยโอกาสนี้เอาดีเอาเด่นได้ แม้หน้าผาที่มีความสูงกว่าร้อยเมตรนั้นยากที่จะปีน แต่ถ้าใช้เครื่องมือเข้ามาช่วย จะปีนขึ้นไปก็ไม่ยาก

ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือมวยไทย สำหรับการปีนหน้าผาชนสรณ์ก็มีประสบการณ์อยู่บ้าง เขายังเตรียมอุปกรณ์ในการปีนหน้าผาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ก็เพื่อใช้ในงานวันนี้

เขามั่นใจอย่างมาก ตัวเองใช้เวลาภายในสามสิบนาที ก็สามารถเอาธงรบลงมาได้

เมื่อเหตุการณ์แบบนี้ เชื่อว่าเหล่าทหารมังกรจะต้องเอาตนไปเทียบกับรพีพงษ์ ถึงเวลานั้นทุกคนจะต้องคิดว่าตนต่างหากเหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกในการเป็นหัวหน้าครูฝึก

“ไม่จำเป็น ผมขึ้นไปเอาเองก็ได้” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบต่อชนสรณ์

ชนสรณ์ชะงัก เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะพูดว่าจะขึ้นไปเอาด้วยตัวเอง เพราะหน้าผาความสูงเป็นร้อยเมตร ต่อให้เป็นยอดฝีมือวงการบู๊ ก็ไม่ใช่จะขึ้นไปได้ง่ายๆ

ชนสรณ์ได้ยินมาว่าปรมาจารย์ในวงการบู๊มีวิชาที่ค่อนข้างน่าเกรงขาม บางทีพวกเขาเตรียมตัวนิดหน่อย แล้วปีนขึ้นหน้าผาสูงร้อยเมตร แต่ชนสรณ์ได้ยินมีว่าปรมาจารย์นั้นล้วนเป็นคนที่มีอายุ เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์วัยรุ่นที่อายุยี่สิบกว่าปีจะมีฝีมือแดนปรมาจารย์

“หัวหน้าครูฝึก หน้าผานี้มีความสูงประมาณร้อยเมตร จะขึ้นไปได้นั้นไม่ง่ายเลย และถ้าคุณคิดจะปีนขึ้นไป ทำได้เพียงขึ้นจากทางลาดชันด้านหลัง ตอนนี้ใกล้พลบค่ำแล้ว รอให้คุณปีนขึ้นไป ก็เกรงว่าจะมืดเสียก่อน” ชนสรณ์กล่าว

ทัตดามองรพีพงษ์อย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “หัวหน้าครูฝึก เพื่อความปลอดภัย คุณอย่าฝืนจะดีกว่า ชนสรณ์เป็นยอดฝีมือมวยไทย ให้เขาขึ้นไปเอาจะได้ประหยัดเวลา”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับพวกเขาทั้งสอง แล้วกล่าว “พวกคุณคิดมากไป จะเอาธงรบลงมา ไม่น่าจะถึงหนึ่งนาที”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปที่หน้าผา มาถึงข้างๆหน้าผา ก็วางกระเป๋าของตัวเองลง

มุรามาสะยังคงอยู่ในมือของเขา เดี๋ยวตอนปีนขึ้นไปเอาธงรบ เขาจะต้องใช้มีดเล่มนี้

ทุกคนล้วนหันไปมองที่หน้าผานั้น ดวงตาของชนสรณ์ก็ปิดตา เขาก็อยากรู้ว่ารพีพงษ์จะเอาธงรบลงมาโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ยังไงกัน

เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ชนสรณ์ คุณไปบอกไอ้โง่นั่นเถอะ ถึงเวลานั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุขั้นมา จะแย่นะ” ขณะนี้รพีพงษ์เดินไปไกลแล้ว ทัตดาไม่กลัวรพีพงษ์ได้ยิน ดังนั้นจึงเรียกรพีพงษ์ว่าไอ้โง่

ชนสรณ์ส่ายหน้า แล้วกล่าว “ไม่จำเป็น ในเมื่อมันพูดแล้วว่าจะเอาลงมาเอง งั้นก็ดูว่ามันจะเอาลงมายังไง ถ้าเอาลงมาไม่ได้ ถึงตอนนั้นคนที่ขายหน้าก็เป็นมันเองนั่นแหละ”

เห็นชนสรณ์พูดแบบนี้ ทัตดาก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วหันไปมองที่รพีพงษ์

“ชิ ไอ้คนน่าขยะแขยง ลงโทษฉันวิดพื้น เดี๋ยวขายหน้าก็สมควรแล้ว” ทัตดาบ่นในใจ

เหล่าทหารมังกรที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา

“คิดไม่ถึงว่าครูฝึกคนใหม่นี้ของเราก็ขี้โม้เหมือนกันนะ พูดว่าตัวเองสามารถเอาธงรบลงมาได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ต่อให้เป็นชนสรณ์ก็ไม่กล้าคุยโวขนาดนี้” เฮียเบิดพึมพำ

“ใครว่า หน้าผาสูงขนาดนี้ ต่อให้ปีนจากทางลาดชันนั้นขึ้นไป ก็เกรงว่าต้องใช้เวลาสามสิบนาทีกว่าๆ เขาคิดจะใช้ไม่ถึงหนึ่งนาทีแล้วเอาลงมา ฝันบ้าๆ” เฮียดำพูดตาม

“บางทีเขาก็แค่อยากโม้ต่อหน้าพวกเราล่ะมั้ง เสียดายที่ฝีมือในการโอ้อวดยังไม่พอ หาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ”

“รอดูเรื่องตลกได้เลย ถ้าเขาไม่สามารถเอาธงรบลงมาได้ภายในหนึ่งนาที อนาคตเขาในสายตาของพวกเราเหล่าทหารมังกร จะต้องไร้ซึ่งศักดิ์ศรีแน่นอน”

……

แม้จะเดินไปไกลแล้ว แต่ขณะนี้พลังจิตของรพีพงษ์กำลังปล่อยออกมาอยู่ เขากำลังสังเกตพฤติกรรมของทุกคนอยู่ ได้ยินทุกคนเหยียดหยามตัวเอง เขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา

“อยากเยาะเย้ยฉันงั้นหรือ? วันนี้เกรงว่าพวกคุณจะไม่สมหวังแล้วล่ะ”

พึมพำกับตัวเอง รพีพงษ์ได้ถอดมุรามาสะออกมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท