พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่942 มาถึงเปร์คิง

บทที่942 มาถึงเปร์คิง

สนามบินทหารเกียวโต

ชนสรณ์และทัตดาทั้งสองกำลังขับรถจิ๊บพารพีพงษ์มาที่นี่ ทั้งสามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปเปร์คิง

เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหา ทัตดาและชนสรณ์ทั้งคู่ไม่ค่อยอยากสนรพีพงษ์มากนัก ดังนั้นบนเฮลิคอปเตอร์จึงเงียบสงัด ทัตดาแว็บๆก็มองรพีพงษ์ด้วยความแค้น และกำลังโทษรพีพงษ์ที่ไม่รักหยกถนอมบุปผา

เพราะในกองทัพทุกคนทำกับทัตดาเหมือนเป็นดอกไม้ ในกองทัพเดิมทีก็ผู้หญิงน้อย ความสวยของทัตดาก็โดดเด่น แทบจะทุกคนที่มองว่าเธอเป็นดอกไม้ จะมีคนทำโทษเธอให้เธอวิดพื้นได้ไงกัน

ตอนนี้ครูฝึกคนใหม่มาถึงก็ทำโทษเธอ ราวกับไม่ได้มองว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

รพีพงษ์ดูออกว่าถึงความโกรธของทัตดา เห็นเธอนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จึงได้ตั้งใจถามเธอ

แม้ในใจทัตดาก็โมโหหนักมาก แต่เธอก็เป็นผู้แนะนำของรพีพงษ์ ดังนั้นเธอไม่ตอบคำถามของรพีพงษ์ไม่ได้ ทำได้เพียงอดกลั้นแล้วตอบคำถามรพีพงษ์อย่างสงบ

รพีพงษ์ไม่ถือสาท่าทีของทัตดาที่มีต่อตัวเอง ท่าทีของพวกผู้หญิงที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้ รพีพงษ์กลับชอบใจที่จะให้ทัตดามีท่าทีรังเกียจต่อเขาหนักกว่านี้อีก

ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์หลงตัวเอง แต่ด้วยความสำเร็จในวัยนี้ของเขา จะดึงดูดความสนใจผู้หญิงได้ง่ายกว่าจริง สำหรับผู้ที่ความสามารถโดดเด่นในกลุ่มมนุษย์เราจะให้การนับถือด้วยปกติอยู่แล้ว รพีพงษ์ก็เข้าใจในจุดนี้

จากการถามคำถามบางคำถาม รพีพงษ์ก็ได้เข้าใจสถานการณ์บางส่วนของเปร์คิง เข้าใจในสถานที่ที่ตัวเองจะไปพอคร่าวๆแล้ว

เปร์คิงประเทศจีนที่ติดกับชายแดนประเทศรัสเซีย อากาศเลวร้าย ภูมิประเทศอันตราย แม้คนน้อย แต่เรื่องการทหารของประเทศจีนนั้นสำคัญ เพียงแค่ป้องกันพรมแดนที่นี่ไว้ ประชากรในประเทศจีนก็จะมีชีวิตที่สงบสุข

แม้ช่วงหลายปีมานี้ในประเทศจีนจะสงบ ประชากรเจริญรุ่งเรือง แต่ตามตะเข็บชายแดนกลับไม่ได้สงบสุขอย่างที่ผู้คนคิดไว้

ช่วงหลายปีมานี้ระหว่างประเทศจีนและรัสเซียมีการกระทบกระทั่งกันไม่หยุด แม้จะไม่มีความขัดแย้งมากนัก แต่ก็มีการตบตีว่ากล่าวกันบ่อยครั้ง ดีที่ความสามารถของประเทศจีนเก่งขึ้นทุกวัน ประเทศรัสเซียไม่ได้เป็นคู่ต่อกรมานานแล้ว และที่เปร์คิงก็ยังมีทหารที่เก่งกาจอย่างทหารมังกร ประเทศรัสเซียทำได้เพียงระวังเนื้อระวังตัวเท่านั้น ไม่กล้าทำอะไรประเทศจีน

เพราะมีเสียสละของเหล่าทหารเปร์คิงเหล่านี้ ผู้คนในประเทศจีนจึงมีชีวิตอย่างมั่นคงและมีความสุข

แต่ต่อให้ประเทศอื่นไม่มารังแก ประเทศจีนก็จะอ่อนข้อลงไม่ได้ เพราะสถานการณ์ของโลกนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยจนคาดเดาไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

จารุวิทย์ให้รพีพงษ์มาเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้

เนื้อที่เปร์คิงกว้างใหญ่ จำนวนทหารเปร์คิงนับไม่ถ้วน ทหารมังกรเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่เก่งกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น นอกจากทหารมังกร เปร์คิงยังมีกองทัพอีกมากมาย ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน จะเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดให้กับประเทศจีน

……

เปร์คิง ฐานทัพที่ทหารมังกรอยู่

ผู้คนที่สวมชุดลายพรางหลายคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าผา ด้านล่างหน้าผา เป็นฐานทัพของทหารมังกร มองจากตรงนี้ไป จะมองเห็นฐานทัพทหารมังกรได้อย่างชัดเจน

ผู้คนเหล่านั้นที่สวมชุดลายพรางกำลังลากเชือกเส้นหนึ่งอยู่ เชือกนั้นมัดคนๆหนึ่งไว้ พวกเขาปล่อยคนนั้นลงไปในหน้าผา หลังจากที่ลงไปแล้วประมาณสิบเมตร คนนั้นเอาธงรบที่อยู่ในมือ ปักไว้ที่หน้าผา

“ธีรนัย เสร็จหรือยัง?” ผู้ที่ลากเชือกคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงแข็ง

“ลากฉันขึ้นไป” เสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คนเหล่านั้นก็รีบลากเชือกขึ้นทันใด

คนที่ลงไปปักธงรบคือธีรนัยแห่งทหารมังกร คนนี้มีชื่อว่าธีรนัย หน้าเหลี่ยม หุ่นบึกบึน ตาลึก เมื่อมองแล้วจะให้ความรู้สึกสงบ

และผู้คนที่มาปักธงรบพร้อมกับธีรนัยนั้น เป็นหัวหน้าของแต่ล่ะกองของทหารมังกร พวกเขาเป็นผู้นำในทหารมังกร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เป็นราชาทหาร

“ธีรนัย เดี๋ยวหัวหน้าครูฝึกคนใหม่จะมารับตำแหน่ง ต้องส่งมอบธงรบ แกว่าชนสรณ์ให้พวกเราเอาธงรบปักไว้ที่นี่ นี่มันไม่ใช่ว่าหาเรื่องหัวหน้าครูฝึกคนใหม่หรอกหรอ ถ้าเขาโมโหขึ้นมาล่ะจะทำไง?” ชายผิวดำกล่าว ชายผู้นี้มีฉายาว่าเฮียดำ เป็นหัวหน้าของกลุ่มที่หนึ่งของทหารมังกร

“แกไม่เข้าใจหรอ ชนสรณ์มันทำเพื่อจะหาเรื่องหัวหน้าครูฝึกคนนี้ ฉันได้ยินมาว่าครูฝึกใหม่คนนี้เป็นนายใหญ่ของตระกูลใหญ่ที่เกียวโต คนแบบนี้ใช้ชีวิตที่มั่งคั่งและร่ำรวย ไม่เคยลำบากแน่นอน ที่ระดับสูงให้เขามาเป็นหัวหน้าครูฝึกด้วยเหตุอันใดนั้นพวกเราไม่รู้ แต่ถ้าคนที่มาเป็นพวกอ่อนแอ จะต้องไม่มีคนเชื่อฟังเขาอย่างแน่นอน ที่ชนสรณ์ให้พวกเราเอาธงรบปักไว้ที่นี่ ก็เพื่อทดสอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่” หัวหน้ากลุ่มที่สองเฮียเบิดกล่าวอย่างมีเหตุมีผล

“ใช่ ไม่เข้าใจจริงๆว่าเบื้องบนคิดอะไรอยู่ ให้คนของตระกูลใหญ่เกียวโตมาเป็นหัวหน้าครูฝึกของพวกเรา ถ้าหัวหน้าครูฝึกไร้น้ำยา ก็มีแต่จะถูกพวกเรารังแกแล้วล่ะ”

“ฮ่าฮ่า พูดถูก ให้หัวหน้าครูฝึกคนใหม่รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้าย ทุกวันพวกเราฝึกฝนอย่างน่าเบื่อแบบนี้ ไม่แน่ครูฝึกใหม่คนนี้อาจจะเป็นเบื้องบนส่งมาให้สร้างความสนุกให้เราก็ได้นะ”

……

คนที่เหลือก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา

ธีรนัยจ้องไปที่ผู้คน แล้วกล่าว “พอล่ะ ครูฝึกคนใหม่ยังไม่มา พวกแกก็คิดที่จะหาเรื่องเขาแล้ว ถ้าเขาเป็นคนที่มีฝีมือล่ะ ถึงเวลานั้นคนที่โชคร้ายจะเป็นพวกแกนะ”

“ไอ้หยา ธีรนัย แกคิดมากไป แกคิดดูนะคนที่ร่ำรวยอยู่ในกองเงินกองทอง แม้จะมีฝีมือ ก็น่าจะเป็นฝีมือในการหาเงิน และจีบสาวเก่ง แต่ในที่นี้พวกเราให้ความสำคัญกับพลัง ต่อสู้แพ้ ทุกอย่างก็จบ โชคร้ายก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่โชคร้าย” ดูออกชัดเจนว่าเฮียเบิดไม่ค่อยชอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่

“ไม่แน่ครูฝึกใหม่คนนี้แม้แต่ฉันก็อาจจะแพ้นะ ถึงเวลานั้นถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องท้าทายเขาสักหน่อย ถ้าชนะเขา งั้นฉันก็มีชื่อเสียงแล้วล่ะ” เฮียดำพูดอย่างมีความหวัง

ธีรนัยไม่ต่อต้านคำพูดของพวกเขา ดูออกชัดเจนว่าไม่ชอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่นี้เช่นกัน แต่ว่าเขาเป็นคนที่อดกลั้น จะไม่พูดความรู้สึกในใจของตัวเองออกมา

ในขณะที่ผู้คนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น มีคนหนึ่งชี้ไปที่ไกลๆ แล้วกล่าว “รีบดูนั่น เฮลิคอปเตอร์ น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของหัวหน้าครูฝึกคนใหม่”

ทุกคนล้วนมองไปทางนั้น จากนั้นธีรนัยรีบกล่าว “รีบไป จากที่นี่ลงไปต้องใช้เวลา ต้องรีบกลับไปให้ถึงก่อนพวกเขาแลนด์ดิ้ง”

ทุกคนพยักหน้า จากนั้นก็รีบลงตามทางลาดชันนั้นไป

ตอนนี้ธงรบได้ถูกปักไว้ที่หน้าผา ถ้ารพีพงษ์ต้องการเอาธงรบให้ได้นั้น มีสองทางให้เลือก หนึ่งอ้อมมา ขึ้นทางลาดชันนี้ไป แล้วค่อยให้คนเอาธงลงมา

อีกทางคือปีนขึ้นไปบนหน้าผา แต่หน้าผานี้มีความสูงเป็นร้อยเมตร ต่อให้เป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมา ก็ล้วนไม่คิดว่าหัวหน้าครูฝึกคนใหม่จะปีนหน้าผาสูงขนาดนี้ได้

ดังนั้นการส่งมอบของรพีพงษ์ จะต้องหน้าแตกอย่างแน่นอน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท