พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่954 ยอมแพ้เถอะ

บทที่954 ยอมแพ้เถอะ

บทที่954 ยอมแพ้เถอะ

ปรวีร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็ยืนขึ้นจากด้านหลังของพรภวิษย์ ด้วยความอยากต่อสู้แล้ว

“คุยโวโอ้อวดไม่ละอายแก่ใจ ไม่เห็นความสามารถอื่นของแก นอกจากคุยโวโอ้อวด ไม่มีใครสู้ได้จริงๆ”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หัวเราะขึ้นมา ล้วนมองรพีพงษ์ด้วยความเหยียดหยาม ดูออกชัดเจนว่ารพีพงษ์ไม่ได้มีความร้ายกาจขนาดนั้น

“เป็นเด็กที่หลงระเริงจริงๆ แม้ปรวีร์จะเป็นแค่แดนครึ่งปรมาจารย์ แต่สามารถเป็นแดนปรมาจารย์ได้ นั่นหมายถึงฝีมือที่ยอดเยี่ยม แม้ทหารมังกรจะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาเก่งในการทำสงคราม ที่เคยกำรงดำแหน่งหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร น้อยนักที่จะเป็นเน่ยจิ้ง ไอ้เด็กนี้กล้าบ้าระห่ำต่อยกับปรวีร์สิบคน ตลกจริงๆ” เมธชนันดูแคลน

พรภวิษย์มองรพีพงษ์อย่างเหยียมหยาม เห็นอายุของรพีพงษ์ แก่กว่าปรวีร์ไม่กี่ปี แม้รพีพงษ์จะเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน มากสุดก็ฝีมือเท่าๆกับปรวีร์ เขายังไม่เคยเห็นใครมีพรสวรรค์ที่มากกว่าปรวีร์มาก่อน ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าในการพูดแบบนี้มาจากไหน

หน้างานที่เชื่อว่ารพีพงษ์จะชนะปรวีร์ได้ก็คงมีเพียงทัตดา แต่เธอก็คิดว่ารพีพงษ์พูดเว่อร์ไป เพราะการที่เมธชนันจะชอบคนสักคนนั้น ความสามารถของคนนั้นจะไม่ธรรมดา

“ที่นี่พื้นที่เล็ก พวกเราไปต่อสู้กันด้านนอกดีกว่ามั้ย?” ปรวีร์มองรพีพงษ์แล้วถาม

“ได้หมด” รพีพงษ์กล่าว

จากนั้นทุกคนก็เดินออกจากคฤหาสน์ ในสนามหญ้าด้านหน้าของคฤหาสน์ เนื้อที่ของสนามหญ้านี้ไม่เล็ก ตอนกลางมีพื้นที่โล่งที่สะอาดอยู่ สามารถทำเป็นสนามประลองได้

ทุกคนล้วนยืนอยู่รอบๆพื้นที่โล่ง รพีพงษ์และปรวีร์สองคนมาถึงตรงกลางของพื้นที่โล่ง ประจันหน้ากัน

“วันนี้ถ้าฉันชนะแก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกห้ามปรากฏตัวต่อหน้าทัตดาอีก ตกลงมั้ย?” ปรวีร์ถามอย่างเป็นทางการ

รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “เพียงแค่แกสามารถชนะฉันได้ แกว่ายังไงฉันก็ว่างั้น”

ปรวีร์เห็นท่าทีของรพีพงษ์เหยียดหยามเขา เหมือนกับว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีทางชนะเขาได้ ก็โมโหขึ้นมา

แต่รพีพงษ์ก็พูดถูก เพียงแค่ตัวเองชนะเขาได้ เขาจะโอ้อวดยังไง ก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น

“เริ่ม!”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปรวีร์พุ่งไปด้านหน้าทันใด ในร่างกายไหลเวียนเน่ยจิ้ง พลังในร่างกายถึงขีดสุด

นานแล้วที่รพีพงษ์ไม่ได้ประลองกับคนที่ระดับต่ำกว่าแดนปรมาจารย์ ตอนนี้เห็นปรวีร์ ก็หมดอาลัยตายอยากออกมา แล้วยังรู้สึกเหมือนกำลังรังแกคนอยู่อีกด้วย

เพราะนานมาแล้วก่อนหน้านี้ เขาคนเดียวสู้กับแดนปรมาจารย์สิบคนมาแล้ว ตอนนี้แดนครึ่งปรมาจารย์อยู่ต่อหน้าเขา ฝีมืออ่อนไปจริงๆ

เขาก็ไม่อยากเสียเวลา ตัดสินใจจบให้เร็วที่สุด ให้ปรวีร์รู้ถึงฝีมือของตัวเอง แบบนี้ทุกคนก็จะได้ไม่ต้องมาพัวพันกันอยู่อีก

ปรวีร์ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ ในหัวของเขาปรากฏท่าต่างๆเชื่อมกันไว้มากมาย ราวกับได้เห็นฉากที่รพีพงษ์ถูกตัวเองต่อยอยู่ในอากาศ โต้ตอบอะไรไม่ได้

เขาพุ่งไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ใช้ท่าที่ตัวเองได้คิดไว้ปล่อยไปที่รพีพงษ์

เพียงแค่รพีพงษ์รับหมัด เขาก็มีตัวเลือกอีกเป็นสิบท่า จนรพีพงษ์ไม่สามารถโต้ตอบได้

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ รพีพงษ์ไม่สนการจู่โจมของเขา ก่อนหน้าที่หมัดของเขาจะไปหารพีพงษ์ รพีพงษ์ได้ยกเท้าขึ้นมา แล้วถีบไปที่ท้องของปรวีร์

ด้วยความเร็ว มีเพียงพรภวิษย์ที่รับรู้ทัน

ร่างของปรวีร์ถอยหลังไปทันที ล้มลงกับพื้นอย่างแรง

เมื่อนึกถึงว่านี่คือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่ได้ใช้แรงมาก

ทั้งสนามเกิดความเงียบขึ้นมาทันใด

คนพวกนั้นที่เดิมทีเยาะเย้ยรพีพงษ์ก็นิ่งสงบลง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตาโตขึ้นมา

เมธชนันก็ยากที่จะเชื่อได้ ไม่คิดว่าท่าเดียวปรวีร์จะถูกรพีพงษ์ถีบลอยไปไกลขนาดนั้น

นี่ดูออกได้ว่า ความแตกต่างของฝีมือของทั้งสองคน แตกต่างกันมากเหลือเกิน

ใบหน้าเหยียดหยามของพรภวิษย์หายไปอย่างรวดเร็ว มองไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งขรึม

การถีบเมื่อกี้ของรพีพงษ์เหมือนจะดูง่าย และไม่มีพลังใดๆมากนัก

แต่นี่หมายถึงพลังของรพีพงษ์แข็งแกร่ง

แม้แต่พรภวิษย์เอง หลังจากที่เป็นแดนดั่งเทพแล้ว จึงจะมีฝีมือระดับนี้

นี่หมายถึง ความสามารถของรพีพงษ์ อาจจะเป็นไปได้ ว่าได้เป็นระดับแดนดั่งเทพแล้ว

แดนดั่งเทพยี่สิบกว่าปี!

นี่ถ้าข่าวนี้ลือออกไป จะต้องเป็นเรื่องที่ช็อกคนทั้งโลกอย่างแน่นอน

พรภวิษย์ไม่รู้ ว่าตำนานของรพีพงษ์ได้โด่งดังไปทั่วแล้ว

เพียงแค่ปกติพวกเขาอาศัยอยู่ในเขา ไม่ข้องเกี่ยวทางโลก ดังนั้นจึงไม่รู้

“เป็นไปได้ไง แดนดั่งเทพยี่สิบกว่าปี พรสวรรค์ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ ไม่สามารถใช้คำว่าอัจฉริยะมาอธิบายได้แล้ว”

“ไม่แปลกที่ทัตดาชอบเขา ครั้งนี้ฉันหน้ามืดตามัว เป็นถึงแดนดั่งเทพ แต่ฉันกลับดูไม่ออก”

ปรวีร์ที่ล้มลองกับพื้นไม่เชื่อ เขาได้ลุกขึ้นมาจากพื้นโดยเร็ว

เข้าไปก็โดนเค้าถีบแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ

“เมื่อกี้ผิดพลาดก็เท่านั้น มาใหม่!”

ปรวีร์พุ่งไปหารพีพงษ์อีกครั้ง

แม้จะตกใจกับความสามารถของรพีพงษ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองแค่เกิดข้อผิดพลาดเท่านั้น

ถ้าใช้พลังทั้งหมดที่มี เขาก็ยังคงมีโอกาสชนะได้

แต่แล้ว รพีพงษ์ก็ถีบเข้าไปอีกครั้ง

ปรวีร์ลอยไปอีกครั้ง ล้มไปที่เดิมที่ล้มเมื่อกี้

ทุกคนส่งเสียงตะลึง

ครั้งนี้ปรวีร์หน้าแดง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกท่าเดิมของรพีพงษ์ถีบลอยเป็นครั้งที่สอง

และเขาก็ไม่รู้เลยว่ารพีพงษ์ปล่อยท่าอะไรออกมา

ตอนนี้ผู้ที่อยู่รอบๆน่าจะมองเขาเป็นตัวตลกไปแล้ว

เขาโกรธเหลือเกิน กัดฟัน แล้วยืนขึ้นมาอีกครั้ง

เดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์ด้วยความเร็วอีกครั้ง ปรวีร์เปลี่ยนการโจมตีของตัวเอง เขาไม่ใช่หมัดอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นใช้เท้า

เสียดายที่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม เขาก็ยังคงล้มกลับไปที่เดิม

สามารถทำให้คนๆหนึ่งล้มที่เดิมได้ถึงสามครั้ง

รับรู้ได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า พลังของรพีพงษ์ ได้ถึงขั้นที่น่าหวาดกลัวแล้ว

“แกไม่ชนะฉันหรอก ถ้ายังขืนทำต่อไป แกก็เสียพลังเปล่าๆ”

รพีพงษ์จ้องปรวีร์แล้วกล่าว

ขณะนี้ปรวีร์ก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวในพลังของรพีพงษ์

สามครั้งที่ทำให้เขาลอยไปอย่างไม่สามารถที่จะโต้ตอบ นี่ไม่ใช่โชคหรืออะไรแล้ว

แต่คนดูมากขนาดนี้ โดยเฉพาะทัตดาที่อยู่ข้างๆ ถ้าเขายอมแพ้แบบนี้ ก็กลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน

“อย่ามั่นใจไป ฉันไม่เชื่อว่าท่าของฉันจะไม่โดนตัวแกเลย!”

ปรวีร์ต้องการจะพุ่งไปหารพีพงษ์

ในขณะเดียวกันนี้เอง มีร่างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าปรวีร์ แล้วขวางเขาเอาไว้

ปรวีร์มอง เป็นคุณปู่ของตัวเอง

“คุณปู่ ปล่อยผมนะ ผมจะพีคกับมัน!”

พรภวิษย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “ยอมแพ้เถอะ แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท