พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่959 ตราคุมจิต

บทที่959 ตราคุมจิต

บทที่959 ตราคุมจิต

ฐานยินมองรพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความโกรธ หน้าอกเริ่มมีอาการพองขึ้นและลง ต่อสู้กับคนที่ฝีมือเหมือนกัน เขาไม่สบายที่จะสงบเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว

“เชี้ยเอ้ย มึงเก่งกว่าที่กูคิดไว้อีก คิดว่ามึงแค่ไอ้โง่ที่รนหาที่ตาย ไม่คิดว่ามึงจะมีความสามารถขนาดนี้” ฐานยินกล่าว

“ในเมื่อมึงรู้แล้ว ก็ยอมแพ้แต่โดยดี ยืดคอมาซะ อย่าเสียเวลาอยู่” รพีพงษ์กล่าว

ฐานยินดูแคลน แล้วกล่าว “มึงคิดว่าฝีมือแค่นี้ของมึง จะมีสิทธิ์พูดแบบนี้กับกูได้งั้นหรอ?”

“เด็กน้อย การเพิ่มพลัง ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวที่ทำได้!”

พูดจบ ฐานยินเอาขวดหยกที่อยู่ในชุดตัวเองออกมา แล้วหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด

“เดิมทียาตัวนี้เอาไว้ใช้ปกป้องชีวิตในยามจำเป็น แต่ไม่คิดว่ามึงจะจัดการยากขนาดนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นกูก็ทำได้เพียงกินมันเข้าไป”

ฐานยินโชว์ยาเม็ดนั้นให้รพีพงษ์ดู จากนั้นก็ใส่เข้าไปในปาก

รพีพงษ์หลับตา หลังจากที่รู้ว่าฐานยินได้ยินยาเข้าไปแล้ว เขาจะไม่ได้เปรียบอีกต่อไป

ดวงจิตที่อยู่ในสมองเขาตอนนี้กำลังเสร็จพิธีพอดี บนร่างของดวงจิตปรากฏแสงออร่าขึ้นมา จากนั้นข้างๆร่างกายของตนได้ปรากฏตราที่ประหลาดออกมา

รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็รีบพุ่งไปที่ฐานยิน

“เกรงว่ามึงกินยาตอนนี้ ก็ช้าไปแล้ว!”

ฐานยินดูแคลน ไม่กังวลว่ารพีพงษ์จะลงมือกับเขาในตอนนี้

แม้การที่ยาจะออกฤทธิ์ได้นั้นต้องใช้เวลา แต่ฐานยินในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นไม่มีแรงที่จะแลกหมัดได้ ดังนั้นจึงไม่กังวลว่ารพีพงษ์จะปล่อยท่าอะไรในตอนนี้

เห็นรพีพงษ์จะพุ่งมาด้านหน้าของตัวเอง ฐานยินก็บึนปาก จากนั้นก็โบกมือทำดาบในมือของตัวเอง เตรียมพร้อมรับการต่อสู้ของรพีพงษ์

ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ได้ใช้ท่าที่แปลกประหลาด จากนั้นก็ตะโกน “ตราคุมจิต!”

จากนั้น ตราสีทองที่แอบอยู่ในสมองของเขาได้ลอยขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกลลวงตาตราที่ใหญ่มาก จากนั้นร่างกายของฐานยินก็ตกลงไป

ฐานยินกำลังรอรพีพงษ์ปล่อยพลัง ไม่คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมา รู้สึกตั้งตัวไม่ทัน

เขาไม่เคยเห็นการโจมตีแบบนี้มาก่อน จึงเต็มไปด้วยความสงสัย

แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นแดนดั่งเทพขั้นกลาง หลังจากที่สงสัยแล้ว ดาบที่อยู่ในมือ ได้ฟันไปที่ตรากลลวงตาอันใหญ่โตนั่น

ลำแสงดาบฟันไปที่ตรา เดิมทีฐานยินคิดว่าแบบนี้จะสามารถโต้ตอบการจู๋โจมของรพีพงษ์ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คิดก็คือดาบนั้นได้ฟันผ่านตราไป เหมือนกับฟันไม่โดนอย่างไรอย่างนั้น จึงได้พลาดไป

ฐานยินประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่รู้ว่าควรจะต่อกรอย่างไรขึ้นมากะทันหัน

เขาจะจู่โจมต่อไป เพื่อต้านทานตราที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา แต่เขายังไม่ทันได้ลงมือ ตรานั้นได้ชนเข้าไปที่ร่างของเขา

ร่างกายของฐานยินไม่มีการบาดเจ็บใดๆเกิดขึ้น แต่ตอนที่ตราโดนเข้ากับฐานยิน ฐานยินรู้สึกเหมือนตัวเองจะถูกควบคุมอย่างไรอย่างนั้น การรู้สึกตัวของตัวเอง ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ด้วยตัวเองอีกต่อไปได้อีกแล้ว

เขาจับไปที่ดาบ เหมือนคนที่ไม่บ้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ตาสองข้างที่ว่างเปล่ามองไปยังรพีพงษ์ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

หลังจากที่รพีพงษ์มาถึงด้านหน้าของฐานยินแล้วนั้น ก็ฟันลงไป ที่คอของฐานยิน

ด้วยความคมของมุรามาสะ บนคอของฐานยินปรากฏรอยเลือดไหลออกมา จากนั้นก็แยกออกจากร่าง ล้มลงไปกับพื้น

เห็นฐานยินถูกตัวเองจัดการแล้ว รพีพงษ์ก็โล่งอก

ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้จักกับ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเทพในอีกรูปแบบ

ตราคุมจิตเมื่อกี้ที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา เป็นวิธีการโจมตีชนิดหนึ่งที่บันทึกอยู่ในวิชาฝึกจิตวิญญาณที่ได้มาจากตระกูลตรีศาสตร์

หลังจากที่เริ่มฝึกจิตวิญญาณเทพแล้วนั้น รพีพงษ์ก็พยายามศึกษาเกี่ยวกับตราคุมจิต แม้การควบคุมนั้นจะยาก แต่ดูจากผลลัพธ์เมื่อกี้ รพีพงษ์ควบคุมได้ไม่เลว

ที่ดาบของฐานยินไม่มีผลอะไรกับตราคุมจิตนั้น ก็เป็นเพราะว่าตราคุมจิตคือวิธีการโจมตีของจิตวิญญาณ พลังระหว่างสองสิ่งนี้ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าไม่มีทางทำอะไรได้

บวกกับเมื่อก่อนฐานยินไม่เคยรู้เกี่ยวกับวิธีจู่โจมของจิตวิญญาณ จึงพูดได้ว่าไม่มีการป้องกันมาแต่อย่างใด ดังนั้นรพีพงษ์จึงได้จัดการฐานยินอย่างง่ายดาย

แม้ฐานยินจะกินยาเพิ่มพลังเข้าไป เพื่อเพิ่มพลังให้ร่างกาย แต่ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับจิตวิญญาณเทพ ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่สนใจใดๆ

แต่เสียดายตอนที่ฐานยินเข้าใจในสิ่งนี้ หัวก็ได้ถูกตัดออกไปแล้ว

ต่อให้เขาเสียใจ แต่ก็ทำได้เพียงไปเสียใจกับพยายมที่นู่นแล้ว

รพีพงษ์รับรู้ได้ว่าตราคุมจิตนี้ของตนยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน ไม่ได้ปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมา

ครั้งนี้ที่ได้ผลลัพธ์ออกมาดีขนาดนี้ ก็เป็นเพราะฐานยินไม่ได้เตรียมการว่ารพีพงษ์จะใช้วิธีจู่โจมจิตวิญญาณเทพกับเขา

ถ้าฐานยินได้เตรียมการไว้ก่อนล่ะก็ แม้เขาไม่มีจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ แต่ด้วยความสามารถของแดนดั่งเทพขั้นกลาง จะตั้งรับการจู่โจมจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แน่นอน ตอนที่รพีพงษ์ต่อสู้อยู่นั้น ไม่มีทางบอกคู่ต่อสู้แน่นอน ว่าตัวเองใช้วิธีโจมตีของจิตวิญญาณเทพ

วิธีโจมตีจิตวิญญาณเทพในตอนนี้มีประโยชน์อย่างมาก เป็นการโจมตีแบบไม่ทันได้ระวังตัว

นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของท่าไม้ตายของรพีพงษ์ ที่จะไม่บอกใคร

จ้องไปที่หัวของฐานยินที่ตัวเองฟันขาด รพีพงษ์หยิบมือถือขึ้นมาเป็นอันดับแรก เก็บหลักฐานที่ตัวเองได้ฆ่าฐานยินตายเอาไว้ เพื่อเอาไว้แสดงกับกลุ่มสิงโตเพื่อรับผลงาน จากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์

ขณะนี้คนในคฤหาสน์กำลังวิตกกังวล การเคลื่อนไหวของการประลองในป่าละเมาะเมื่อกี้มันสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แค่เสียง ก็ทำให้พวกเขาสั่นสะเทือนไปทั้งร่างกายได้แล้ว

ในขณะเดียวกันนี้ มีคนยื่นมือไป แล้วตะโกน “รีบดู รพีพงษ์กลับมาแล้ว!”

ทุกคนมองไป หลังจากที่เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ก็ตื่นเต้น

ไม่นาน รพีพงษ์เดินไปอยู่ต่อหน้าผู้คน จากนั้นก็กล่าว “ไอ้แก่นั่นถูกผมฆ่าแล้ว รบกวนพวกคุณช่วยเก็บกวาดสถานที่ต่อสู้ตรงนั้นด้วยนะ”

ทุกคนล้วนตกใจ

คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ได้ฆ่าฐานยินแล้ว!

มีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเยอะขนาดนี้!

แต่ขณะนี้ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของรพีพงษ์แต่อย่างไร เพราะถ้าไม่ใช่ตอนจบแบบนี้ รพีพงษ์ก็ไม่มีทางเดินมาอยู่หน้าทุกคนได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท