พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป

บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป

บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป

หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปที่คฤหาสน์แล้ว ก็ไปอาบน้ำ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ส่ายหัวยิ้มแหยๆ

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงหน้าสวยงามที่ขาวบริสุทธิ์ของฟีน่า ก็เซ็งขึ้นมาทันที

ผู้หญิงคนนี้รูปแบบเดียวกับจารุณี ไม่รู้ว่าถ้าทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จะเป็นยังไงนะ

อย่างอื่นรพีพงษ์ไม่รู้ แต่ถ้าผู้หญิงสองคนนี้ปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน รพีพงษ์รู้ว่าตัวเองจะต้องหัวระเบิดอย่างแน่นอน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว รพีพงษ์ฝึกฝนพลังวิเศษเสนในห้องรับแขก ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็ได้พยายามฝึกฝนมากขึ้นไปอีก

ตอนนี้เขากำลังคิดว่าวิธีที่จะผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดไปให้ได้ จากคนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ มีเพียงผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดไปได้ เขาจึงจะสามารถรักษาชีวิตในสถานการณ์คับบขันได้

เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้าของประเทศรัสเซียมาลอบสังหาร ถ้าไม่ใช่เพราะมีแผนผังค่ายกลวิเศษอาวุธสังหารขนาดนี้ จุดจบในวันนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

ถ้าครั้งที่แล้วรพีพงษ์ผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดได้แล้ว รพีพงษ์เชื่อว่าแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน

ในขณะที่เขากำลังมีสามธิกับการฝึกพลังวิเศษเสนอยู่นั้น เสียงกริ่งดังขึ้นมาจากข้างนอก

รพีพงษ์เปิดตา แล้วสงสัย ไม่รู้ว่าใครมาหาเขาในเวลานี้

เขาเดินไปที่ประตู หลังจากที่เปิดประตูออกแล้ว พบว่าเป็นฟีน่าที่สวมใส่ชุดนอนใหญ่กว่าตัวยืนอยู่ที่ประตู หลังจากที่เห็นรพีพงษ์เปิดประตูออกแล้ว ก็ทักทายรพีพงษ์อย่างมีมารยาท

“สวัสดียามค่ำคืน รพีพงษ์”

รพีพงษ์มองฟีน่าอย่างประหลาดใจ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูที่ที่เขาพักอยู่

หรือเธอแอบตามตนมา?

“คุณมาที่นี่ได้ไง?” รพีพงษ์ถาม

“บ้านของฉันอยู่ติดกับคฤหาสน์นี้ที่คุณอยู่ ฉันว่าต้องเป็นความตั้งใจของพระเจ้า ให้เรามีพรหมลิขิตต่อกัน จนมาเจอกันที่นี่”

รพีพงษ์หมดคำพูด ไม่คิดว่าปิยวัฒน์จะจัดให้เขาอยู่ข้างๆกับฟีน่า

ขณะนี้เขารู้สึกว่ารอบๆมีบรรยากาศลึกลับอยู่ จึงได้ปล่อยพลังจิตออกมา สังเกตการณ์

รอบๆคฤหาสน์มีคนที่สวมชุดดำสิบกว่าคนแอบอยู่รอบๆ เต็มไปด้วยอาวุธ เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว คนพวกนี้กำลังสังเกตการณ์สถานการณ์ในคฤหาสน์อยู่ เหมือนกับว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบพุ่งเข้ามา ล้อมรพีพงษ์ไว้

รพีพงษ์ยิ้ม คิดว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นคนที่ตระกูลอังเดรจัดมาให้ปกป้องฟีน่า เพราะคนของตระกูลอังเดรต้องไม่สบายใจที่จะให้ฟีน่ามาพูดคุยกับรพีพงษ์ตามลำพัง

“คุณหนู ดึกขนาดนี้แล้ว ผมว่าคุณรีบกลับไปนอนเถอะนะ เดิมที่คุณก็อ่อนแออยู่แล้ว เดี๋ยวจะเป็นหวัดได้นะ” รพีพงษ์กล่าว

“ฉันอยู่กับคุณได้มั้ย?” ฟีน่าพูดตรงๆ

“ไม่ได้” รพีพงษ์ตอบกลับอย่างเด็ดขาด

“ฉันก็แค่อยากคุยกับคุณเรื่องวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยก็เท่านั้น ไม่มีทางคิดอะไรกับคุณอย่างแน่นอน” ฟีน่ารีบพูด

รพีพงษ์เงียบไปกี่วินาที มองไปที่ร่างอันบอบบางของฟีน่า ต่อให้จะคิดเลยเถิดไป ก็ต้องเป็นรพีพงษ์ที่คิดกับเธอ หญิงสาวคนนี้ ถูกตระกูลอังเดรปกป้องมาอย่างดี ไม่รู้ว่าความคิดของคนมันน่ากลัวขนาดไหน

“ไม่ได้ ผมจะพักผ่อน”

รพีพงษ์พูดกับฟีน่าอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ปิดประตู

เขาไม่ให้โอกาสฟีน่าใดๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตัดความสัมพันธ์เท่านั้น

ฟีน่ากำลังมองไปประตูที่ปิดลงอย่างเหม่อลอย สักพัก พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่เหมือนใคร ฉันชอบคนแบบนี้”

จากนั้นเธอก็ได้ยืนอยู่ที่ประตูอีกสักพัก จึงจะหันหลังกลับไปยังคฤหาสน์ข้างๆ

รพีพงษ์กำลังใช้พลังจิตสังเกตฟีน่า แล้วขมวดคิ้ว

ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เขาก็จะไม่ตอบรับธัชธรรมมาประเทศรัสเซียตรวจสอบคนลึกลับหรืองานเลี้ยงใดๆ

ไม่คิดอะไรต่อ รพีพงษ์ก็ขัดสมาธิบนโซฟา ฝึกฝนต่อไป

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากที่รพีพงษ์ตื่นแล้ว หยิบมุรามาสะมาในสวน เริ่มฝึกฝนวิชาดาบลึกลับ

ขณะนี้นอกรั้วต้นไม้ได้มีคน กำลังจ้องรพีพงษ์อย่างขะมักเขม้นอยู่

รพีพงษ์ไม่ใส่ใจ เริ่มรำดาบที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง อากาศรอบๆสนาม เต็มไปด้วยเสียงสั่นสะเทือนเบาๆจากวิชาดาบของรพีพงษ์

ฟีน่ากำลังยืนอยู่นอกสวนเฝ้ามองรพีพงษ์แสดงวิชาดาบอย่างเหม่อลอย ถูกร่างของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าให้แล้ว

ฝุ่นละอองบนพื้นปลิวไปตามท่าทางของรพีพงษ์และได้กลายเป็นกระแสลมที่มองเห็นได้ชัดเจน ถ้ามองอย่างละเอียดล่ะก็ จะพบว่า ฝุ่นละอองกระแสลมนี้เป็นรูปร่างของมังกร

วิชาดาบนี้ รพีพงษ์ได้มาจากค่ายเก้ามังกรสังหาร

แม้พลังจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าค่ายเก้ามังกรสังหาร แต่หนึ่งในนั้น วิชาดาบธรรมดาไม่สามารถเทียบได้

ปล่อยวิชาดาบออกมาทั้งหมด บนหน้าผากของรพีพงษ์ เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมา

ฟีน่าที่จ้องรพีพงษ์อยู่ตลอดเวลารู้สึกตัวขึ้นมา ก็รีบพูดว่า “สุดยอดมากเลย!”

“รพีพงษ์ คุณสอนวิชาดาบเมื่อกี้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”

รพีพงษ์หันไปมองเธอ แล้วกล่าว “ร่างกายคุณอ่อนแอ แค่ถือกระบี่ก็แย่แล้ว ต่อให้ผมสอนคุณ คุณก็เรียนไม่สำเร็จ”

ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ฟีน่าก็สิ้นหวัง

“แต่ผมสามารถสอนวิชาที่จะเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายตัวเองให้คุณได้ ถ้าคุณสามารถยืนหยัดฝึกฝนจนสำเร็จล่ะก็ แม้จะไม่สามารถทำให้คุณเป็นผู้แข็งแกร่งได้ แต่ทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงเหมือนคนทั่วไปได้ มันง่ายมาก” รพีพงษ์พูดต่อ

สายตาของฟีน่าลุกวาวเป็นประกายขึ้นมา แล้วถาม “จริงหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า

วิชาที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้น ก็คือวิชาหายใจออก

ที่เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อฟีน่ากะทันหัน ไม่ใช่เพราะเขาจิตใจดีงาม แต่ตื่นขึ้นมาเช้านี้ เขาได้รับข้อความจากปิยวัฒน์

เรื่องงานเลี้ยงหมื่นคน หาเบาะแสบางอย่างเจอแล้ว ช่วงนี้มอสโก กำลังเตรียมตัว จัดงานใหญ่อลังการที่central square

ถึงเวลานั้นจะมีคนเกือบหมื่นคนมาเข้าร่วมงานนี้ และผู้ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้ มีเพียงผู้คนชั้นนำของประเทศรัสเซีย คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม

และผู้ที่รับผิดชอบในการจัดงานครั้งนี้ คือตระกูลอังเดร

แม้ที่มอสโกปิยวัฒน์จะมีอำนาจ แต่ก็ยังไม่มีวิธีได้บัตรเข้างานในครั้งนี้

ดังนั้นการที่รพีพงษ์จะเข้าร่วมงานนี้ได้ ก็มีเพียงเข้าหาคนของตระกูลอังเดรเท่านั้น

บังเอิญไม่บังเอิญ ที่ฟีน่าคือคุณหนูของตระกูลอังเดร

ดังนั้นเพื่อที่จะเข้างานได้อย่างราบรื่นได้นั้น รพีพงษ์ทำได้เพียงสร้างความสัมพันธ์กับฟีน่าเท่านั้น

แน่นอน เขาไม่ได้หลอกใช้ฟีน่าอย่างเดียว เพราะเขาก็คิดที่จะถ่ายทอดวิธีการหายใจออกให้ฟีน่าด้วย รพีพงษ์เห็นว่า ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่มูลค่าเท่ากัน

ฟีน่าที่ไร้เดียงสาไม่รู้ความคิดของรพีพงษ์ ได้ยินรพีพงษ์พูดว่าจะสอนวิธีให้ร่างกายเธอแข็งแรงขึ้น ก็รีบวิ่งเข้าไปในสวนของรพีพงษ์อย่างเร็ว

เพราะวิ่งเร็วเกินไป ฟีน่าไม่ได้ควบคุมร่างกายให้ดี พุ่งพรวดล้มไปข้างหน้า เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรพีพงษ์พอดี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน