พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่989 เชือกหลุดแล้ว

บทที่989 เชือกหลุดแล้ว

บทที่989 เชือกหลุดแล้ว

ถึงแม้คนที่ลองบังจี้จั๊มพ์ไม่มาก แต่ก็ยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยรอคิว

รพีพงษ์และฟีน่าทั้งสองกำลังยืนต่อถอยอยู่ด้านหลัง รอคนข้างหน้าขึ้นไป

ยาคอฟจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง ยิ้มพลางกล่าว “พวกคุณรอที่นี่กันก่อนนะ ผมขึ้นไปจัดการให้พวกคุณก่อน”

พูดจบ เขาก็เดินขึ้นไปที่แท่นบังจี้จั๊มพ์

ผ่านไปไม่นาน ยาคอฟได้เดินลงมาจากข้างบนอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มแห่งการรอคอย

“ด้านบนผมได้จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว เดี๋ยวพวกคุณขึ้นไปเล่นเลยก็โอเคแล้ว ผมให้พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ที่ปลอดภัยที่สุดให้กับพวกคุณ เพราะเครื่องเล่นแบบนี้ ไม่แน่ถ้าเกิดอุบัติเหตุ นั่นหมายถึงชีวิตเลยนะ” ยาคอฟยิ้มพลางกล่าว แล้วเหลือบไปมองรพีพงษ์

“เอิ่ม เตรียมแค่ของฟีน่าคนเดียวก็พอแล้ว ผมไม่เล่น” รพีพงษ์กล่าว

ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ยาคอฟก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา แล้วรีบกล่าว “เล่นสิ ผมบอกกับเค้าไว้แล้ว ไหนๆก็มาแล้ว ไม่เล่นเสียดายแย่”

“ใช่รพีพงษ์ ความจริงฉันก็กลัวๆนะ คุณเล่นกับฉันเถอะนะ คุณกระโดดก่อน เป็นผู้นำให้ฉัน” ฟีน่ากล่าวพลางตาโต

เห็นทั้งสองพูดแบบนี้ รพีพงษ์ทำได้เพียงพยักหน้า กล่าว “‘งั้นก็ได้”

แม้ความระทึกของบังจี้จั๊มพ์ ไม่เท่ากับการที่เขากระโดดลงมาจากหน้าผาสูงร้อยเมตร แต่บังจี้จั๊มพ์มีความปลอดภัย รพีพงษ์ก็ยังไม่เคยลองความรู้สึกแบบนี้ ลองสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร

ผ่านไปไม่นาน คนที่เข้าแถวอยู่ด้านหน้ารพีพงษ์เหล่านั้นได้เล่นบังจี้จั๊มพ์เสร็จแล้ว ถึงคิวของรพีพงษ์พวกเขาแล้ว

รพีพงษ์สามคนยืนอยู่ที่จุดเตรียมตัว ฟีน่ามองไปด้านล่างจากรั้วเหล็ก กล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “ว้าว สูงจัง ถ้ากระโดดจากที่สูงขนาดนี้ นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆ”

ยาคอฟยิ้ม กล่าว “ฟีน่า คุณกล้ามากจริงๆ ผมยังไม่กล้ากระโดดเลย”

พูดจบ เขาเหลือบมองพนักงาน แล้วส่งสายตาให้เขา

พนักงานคนนั้นรับคำสั่ง พยักหน้าให้ยาคอฟ กล่าว “พวกคุณทั้งสามใครจะมาก่อน?”

ยาคอฟรีบมองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “ตอนนั้นฟีน่าบอกว่าให้คุณมาก่อน เป็นผู้นำเธอหน่อย งั้นแกมาก่อนมั้ย?”

รพีพงษ์ไม่สนใจ แล้วพยักหน้า กล่าว “งั้นผมก่อนแล้วกัน”

พนักงานหยิบเชือกมา เริ่มคล้องไว้กับขาของรพีพงษ์

ตอนนั้นยาคอฟมาบอกพนักงานไว้แล้ว ตอนที่ผู้เชือกให้เขาลงมือ

พนักงานคนนี้พยายามมัดเชือก แสร้งให้ดูเหมือนเชือกมีปัญหา จะได้ง่ายไม่เสียเวลา

ไม่นาน พนักงานก็มัดเชือกให้รพีพงษ์เสร็จ ให้เขายืนอยู่ที่จุดรอ

รพีพงษ์เดินมาข้างๆ ดูลงไปด้านล่าง ด้านล่างเป็นแม่น้ำ บนแม่น้ำมีเรืออยู่หลายลำ ดูจากตรงนี้ เรือพวกนั้นเหมือนมดก็มิปราณ

“รพีพงษ์ ให้ฉันพูดใ้ห้กำลังใจคุณมั้ย ตอนนี้คุณตื่นเต้นมากใช่มั้ย?” ฟีน่าจ้องรพีพงษ์แล้วกล่าว

เห็นท่าทีของเธอ เหมือนจะตื่นเต้นมากกว่ารพีพงษ์อีก

รพีพงษ์หันไปมองรพีพงษ์แล้วยิ้ม กล่าว “ไม่ต้อง ก็แค่บังจี้จั๊มพ์ ไม่มีอะไรต้องซีเรียส”

พูดจบ เขาก็กระโดด ลงไปจากตรงนั้น

ฟีน่าเห็นเขากระโดดลงไปอย่างไม่คิดอะไร ก็เลื่อมใสขึ้นมา

ยาคอฟก็ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะกล้ากระโดดลงไปง่ายขนาดนี้ รีบเดินไปที่รั้ว แล้วมองลงไป

ร่างกายของรพีพงษ์ร่วงลงไปอย่างเร็ว หลังจากที่เชือกเหยียดตรงแล้ว เดิมทีต้องเป็นเพราะน้ำหนักตัวของคนทำให้เชือกเหยียดตรง แต่ตอนนี้มันกลับหลุดออกจากขาของรพีพงษ์

รพีพงษ์แว็บแรกก็สังเกตเห็นปัญหานี้ แล้วเหลือบไปมองขาของตัวเอง พบว่าเชือดได้หลุดออกแล้วจริงๆ

เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่พลังวิเศษเสนที่มีในร่างกายไหลเวียนในทันที รอบๆกายมีพลังห้อมล้อมไว้

แม้ด้านล่างจะเป็นแม่น้ำ แต่เพราะผิวน้ำ กระโดดลงมาจากที่สูงอย่างนั้น แรงกระแทกที่ชนเข้ากับผิวน้ำ ไม่ต่างจากแรงกระแทกที่ชนเข้ากับซีเมนต์แต่อย่างใด

แต่รพีพงษ์ที่มีประสบการณ์มาก่อนไม่ผวาใดๆ เพราะสำหรับเขา มาสุดก็แค่เสื้อผ้าเปียก

ยาคอฟที่อยู่บนจุดรอกระโดดเห็นเชือกหลุดออกจากขาของรพีพงษ์แล้ว ก็ส่งเสียงตกใจทันใด “เชือกหลุด!”

ฟีน่าที่เดิมทีที่เลื่อมใสกับความเด็ดเดี่ยวของรพีพงษ์ได้ฟังคำพูดของยาคอฟแล้วนั้น ก็หน้าถอดสี จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่รั้ว มองลงไปข้างล่าง พบว่าร่างกายของรพีพงษ์ได้หลุดออกจากเชือกแล้วจริงๆ

เธอหันไปมอง พนักงานคนนั้น แล้วถาม “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!”

พนักงานคนนั้นแสร้งทำเป็นผวา แล้วกล่าว “ผม……ผมไม่รู้ ผมมัดเชือกไว้ดีแล้ว”

ฟีน่าไม่มีกะจิตกะใจถามพนักงานคนนั้น รีบวิ่งไปข้างล่างของบังจี้จั๊มพ์

ยาคอฟเห็นดังนี้ ก็รีบตามไป แล้วตะโกน “ฟีน่า ช้าหน่อย ต่อให้คุณจะลงไป ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เดี๋ยวลื่นนะ”

ฟีน่าไม่สนใจเขา รีบใช้ความเร็วทั้งหมดที่ตัวเองมีวิ่งลงไปอย่างเร็ว

ไม่นาน ฟีน่าก็ไปถึงพื้น รีบวิ่งไปที่ข้างๆแม่น้ำ เห็นในแม่น้ำเกิดเป็นระลอกคลื่น

และขณะนี้คนจำนวนไม่น้อยก็มารวมตัวกันที่นี่ จ้องไปที่ตรงกลางของแม่น้ำ

“เมื่อกี้พวกคุณเห็นมั้ย เชือกของบังจี้จั๊มพ์หลุดออก!”

“พระเจ้า เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นแบบนี้น้อยกว่าถูกล็อตเตอร์รี่อีกไม่ใช่หรอ สหายคนนั้นโชคร้ายขนาดไหนเนี่ย ที่เจอกับเรื่องแบบนี้”

“ความสูงขนาดนี้ ผิวน้ำกับซีเมนต์ก็ไม่ต่างกันมาก ฟังเสียงที่เขาหล่นลงน้ำเมื่อกี้ก็รู้แล้ว ว่าสหายคนนี้รอดกลับมาได้ยากแน่นอน”

……

ฟีน่าได้ยินคำพูดของผู้คนรอบๆ ก็ร้อนรนขึ้นมา ตะคอกไปที่ยาคอฟ “สวนสนุกนี้เป็นของครอบครัวคุณไม่ใช่หรอ คุณรีบไปช่วยรพีพงษ์สิ!”

ยาคอฟมองเธอ แล้วกล่าวอย่างเสแสร้งว่า “ฟีน่า หล่นลงมาจากความสูงระดับนั้น จะมีชีวิต ก็เทียบจะไม่มีแล้ว ใครก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ คุณไม่ต้องกังวล คนตายไม่สามารถ……”

เขายังพูดไม่ทันจบ ทุกคนก็เห็นคนหนึ่งปีนขึ้นมา ยืนอยู่ตรงหน้าของทุกคน นั่นก็คือรพีพงษ์

ทุกคนเห็นดังนี้ ก็ตกใจจนพูดไม่ออก

ยาคอฟก็มองรพีพงษ์อย่างตะลึง อารมณ์นั้น เหมือนกับเห็นผี พูดไม่รู้เรื่อง

“แก……แกขึ้นมาได้ไง?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท