พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1017 คิดดูให้ดีๆว่าตัวเองควรพูดอะไร

บทที่1017 คิดดูให้ดีๆว่าตัวเองควรพูดอะไร

บทที่1017 คิดดูให้ดีๆว่าตัวเองควรพูดอะไร

ทันทีที่น้ำเสียงลดลง รพีพงษ์กดชัยพัทธ์ลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นตบไปที่ใบหน้าของเขาหลายครั้ง

ชัยพัทธ์ยังต้องการที่จะขัดขืน รพีพงษ์จ้วงแทงไปจุดฝังเข็มหลายครั้ง เขาก็ไม่สามารถใช้พละกำลังได้ในทันที

“แกแม่งปล่อยให้ฉันลุกขึ้นมา แกกล้าตบฉัน ฉันรับประกันว่าไม่ปล่อยแกไปแน่!”ชัยพัทธ์ตะโกนใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ต้องจ้องมองเขา พูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ยังปากแข็ง? ดูเหมือนว่ายังตบตีไม่พอ”

หลังจากพูดจบ เขายกมือขึ้น ตบต่อเนื่องด้วยไปด้วยฝ่ามือหน้าและสะบัดตบกลับด้วยหลังมือลงบนใบหน้าของชัยพัทธ์

ทุกคนต่างมองดูฉากนี้ด้วยความตกตะลึง กล้าที่จะตบคุณชายพัทธ์แบบนี้ในเมืองเมฆา รพีพงษ์ถือได้ว่าเป็นคนแรก

ที่สำคัญในสายตาของพวกเขา รพีพงษ์ทำแบบนี้ เทียบเท่ากับว่าไม่อยากมีชีวิตแล้ว ต่อให้ตอนนี้รพีพงษ์จะเป็นฝ่ายเหนือกว่า หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ไฟลกรุ๊ปคงจะไม่มีทางปล่อยรพีพงษ์ไปอย่างแน่นอน

และคนที่ถูกตกเป็นเป้าเพ่งเล็งของไฟลกรุ๊ป โดยพื้นฐานแล้วสุดท้ายก็หายไปอย่างเงียบๆ

“คนคนนี้ใจร้อนมากเกินไปแล้ว แม้ว่าชัยพัทธ์จะสู้เขาไม่ได้ แต่จากเบื้องหลังของคนอื่นเขาแล้ว ใช้เงินเพียงเล็กน้อยหาบอดี้การ์ดไม่กี่คนได้ตามใจชอบ ก็สามารถจัดการกับผู้ชายคนนี้ได้ ทำไม่อะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามจริงๆ”

“แม้ว่าจะรู้ว่าจุดจบหลังจากนี้ของเพื่อนคนนี้คงจะเลวร้ายแน่นอน แต่มองดูคุณชายพัทธ์ถูกตบ ก็น่าตื่นเต้นมากเช่นกัน ฉันฝันก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะสามารถได้เจอกับคุณชายพัทธ์ที่ถูกตบตีรุนแรงแบบนี้”

“เฮ้อ ต่อให้ผู้ชายคนนี้เพื่อความสุขเพียงชั่วคราว ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เพื่อภรรยากับลูกของตัวเอง เขาตบคนอื่นแล้วก็ได้ระบายความโกรธแล้ว แต่หลังจากนั้นภรรยากับลูกของเขายังจะต้องมาโชคร้ายไปพร้อมกับเขาด้วย สำหรับฉันแล้ว เขาไม่มีสมองเลย”

……

ไพทยามองดูชัยพัทธ์ที่ถูกตบตี ก็วิตกกังวลและทำอะไรไม่ถูก รพีพงษ์ยกชัยพัทธ์ขึ้นมาจากบนพื้นทันที ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างหล่อนคงจะรับมือไม่ไหว ดังนั้นทำได้เพียงอยู่ด้านข้างมองดูชัยพัทธ์ถูกตบตี

“นายรีบปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้ หรือว่านายไม่กลัวตายจริงๆเหรอ? เขาคุณชายของไฟลกรุ๊ป!”

รพีพงษ์ไม่สนใจไพทยา ยังคงตบชัยพัทธ์ไปอีกสองครั้ง

“ฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง คิดดูให้ดีๆว่าตัวเองควรพูดอะไร ถ้าหากพูดผิด ก็คงจะไม่ใช่ง่ายดายแค่การตบไม่กี่ครั้ง”รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

ในเวลานี้ชัยพัทธ์ถูกตบตีจนหวาดกลัว เขาไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของรพีพงษ์ ดังนั้นทำได้เพียงยอมรับความขี้ขลาดตาขาว

“ผม…..ผมผิดไปแล้ว ลูกพี่ พี่ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ จากนี้ไปผมไม่กล้าแย่งที่นั่งของพี่อีกแล้ว ตัวของผมมีตาหามีแววไม่ ยึดที่นั่งของลูกพี่ พี่ได้โปรดออมมือ ปล่อยผมไปเถอะ”

เมื่อรพีพงษ์เห็นชัยพัทธ์เกรงกลัว ถึงได้หยุดมือ ลุกขึ้นยืนจากด้านข้างของเขา

“จำคำพูดของตัวแกไว้ ฉันรู้ว่าในใจของแกคงจะคิดอยากที่จะแก้แค้น แต่ตราบใดที่แกกล้าแก้แค้น ฉันจะทำให้แกเข้าใจว่าความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างไร”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

“ครับๆ ผมรู้แล้ว ลูกพี่ ปล่อยผมไปเถอะ”ชัยพัทธ์ไม่กล้าตอบโต้ รีบรับปากทันที

“ไสหัวไปซะ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

ชัยพัทธ์กัดฟันยืนขึ้นจากพื้นทันที หันหลังวิ่งไปที่ด้านนอกของร้านอาหาร

เมื่อมาถึงข้างนอกของร้านอาหาร เขาเหลือบมองเข้าไปข้างในอย่างโหดเหี้ยม ด่าว่า: “แม่ง รอเดี๋ยวเถอะ ความแค้นนี้ไม่ชำระ กูก็ไม่ใช่คุณชายของไฟลกรุ๊ปแล้ว!”

ไพทยาเห็นว่าชัยพัทธ์วิ่งหนี ตัวเองก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ที่สำคัญเกิดถูกผู้คนจำได้ว่าหล่อนเป็นใคร ถึงเวลาคงจะเป็นปัญหาที่ลำบากอีกหนึ่งเรื่องแน่

หล่อนมองไปที่รพีพงษ์อย่างหมดคำพูด จากนั้นก็รีบเดินออกจากร้านอาหาร

ทุกคนรอบข้างทอดถอนหายใจอย่างฉับพลัน คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตบตีชัยพัทธ์จนวิ่งหนี

เจ้าของร้านอาหารเดินมาหารพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยปากพูดว่า: “ชายหนุ่ม คุณรีบกลับไปเถอะ คุณชายพัทธ์คงจะไม่มีทางยอมวางมือยุติเรื่องราวอย่างแน่นอน ไม่แน่เดี๋ยวเขาอาจจะพาคนมาหาเรื่องคุณ คุณอยู่ที่นี่ต่อไป คงจะมีปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “คุณสบายใจได้ ถ้าหากเดี๋ยวเขามาหาเรื่องจริงๆ ความเสียหายทั้งหมดในร้านอาหารของพวกคุณ ถือเป็นความรับผิดชอบของฉันทั้งหมด ฉันมาที่นี่เพื่อทานอาหาร ยังไม่ได้ทานอาหารก็กลับแล้วก็อธิบายไม่ได้แล้ว”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็ออกไปข้างนอกและเรียกอารียาเข้ามา

เมื่อเจ้านายเห็นว่ารพีพงษ์ดื้อรั้นมาก ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจกับความโชคร้ายของตัวเอง

ทุกคนรอบข้างต่างแสดงความนับถือชื่นชมต่อรพีพงษ์ ประสบปัญหาเช่นนี้แล้วก็ยังสามารถนั่งลงและรับประทานอาหารอย่างสงบ ความกล้าหาญแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้ ดังนั้นมีคนเริ่มสงสัยว่ารพีพงษ์มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อะไรหรือเปล่า ดังนั้นจึงไม่กลัวชัยพัทธ์

เจ้าของร้านอาหารก็คิดถึงความเป็นไปได้นี้เช่นกัน ในเมื่อรพีพงษ์ไม่กลัวสิ่งต่างๆ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถขับไล่รพีพงษ์ออกไปเป็นธรรมดา เกิดรพีพงษ์ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ถึงเวลาทำให้คนอื่นเขาขุ่นเคือง ยิ่งไม่อธิบายได้

รพีพงษ์ให้อารียาดูเมนู ให้หล่อนสั่งอาหารไม่กี่อย่างที่อยากทานมา

หลังจากสั่งเสร็จ อารียามองไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “เมื่อกี้นี้ฉันอยู่ที่ด้านนอกได้ยินพวกเขาบอกว่าชัยพัทธ์เป็นคุณชายของไฟลกรุ๊ปในเมืองเมฆา ไฟลกรุ๊ปอยู่ในเมืองเมฆามีอิทธิพลอย่างมาก คนคนนั้นเสียเปรียบ คงจะกลับมาหาเรื่องอย่างแน่นอนใช่มั้ย?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราเจอเรื่องแบบนี้ เธอสนใจแค่ทานอาหารอย่างสบายใจก็พอแล้ว ที่เหลือฉันมาจัดการเอง”

หลังจากฟังจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรออกหมายเลขหนึ่ง

“ช่วยฉันตรวจสอบไฟลกรุ๊ปในเมืองเมฆาด้วย ระหว่างพวกเรากับพวกเขามีความสัมพันธ์หรือความร่วมมือหรือเปล่า?”

“นายใหญ่ ไฟลกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียน ขนาดไม่ใหญ่มาก คุณภาพยังไม่เพียงพอที่จะร่วมมือกับพวกเรา”เสียงมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ นั่นคือพนักงานของเทือกเขากิสนา

“เพิ่งจดทะเบียนเหรอ?”รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นซื้อฉันหุ้นของไฟลกรุ๊ปจำนวนมาก และควบคุมราคาหุ้นของบริษัทของพวกเขา รอตอนที่ฉันต้องการ ช่วยฉันขายชอร์ตไฟลกรุ๊ป”

“รับทราบ!”

หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ก็ทานอาหารกับอารียาอย่างสบายใจ หนูลินเพิ่งหนึ่งปี อาหารที่สามารถรับประทานได้ยังไม่มาก ส่วนใหญ่เพียงแค่ชินรสชาติ

รพีพงษ์ก็ไม่กังวลว่าชัยพัทธ์จะมาหาเรื่อง ความแข็งแกร่งของเขาบรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด เพียงแค่ขยับนิ้วมือ ก็สามารถทำให้คนธรรมดาจำนวนมากล้มลง ปกป้องให้อารียาและหนูลินไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเรื่องง่ายดายธรรมดา

แต่หลังจากที่รพีพงษ์พวกเขาทานอาหารเสร็จ ชัยพัทธ์ก็ไม่มาหาเรื่อง รพีพงษ์ก็ไม่รอเขาเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงพาอารียาและหนูลินกลับไปที่โรงแรม

หลังจากที่พวกเขาออกไปประมาณห้านาที ชัยพัทธ์ก็พาผู้คนจำนวนมากพุ่งเข้าไปในร้านอาหารลมเย็น ท่าทางดุดันดุร้าย ราวกับว่ากำลังจะฟาดฟันผู้คน

“ไอ้โง่คนนั้นอยู่ที่ไหน รีบให้เขาออกมาเดี๋ยวนี้!”ชัยพัทธ์กัดฟันแล้วตะโกน

เจ้านายรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว และเอ่ยปากพูดว่า: “คุณชายพัทธ์ คนคนนั้นกลับไปแล้ว เขาไม่ได้อยู่ที่พวกเราแล้ว”

ชัยพัทธ์ด่าอย่างลับๆในใจ เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาเรียกคนมา พบว่าตัวเองโทรศัพท์ของตัวเองถูกรพีพงษ์ทำเสีย ไปซื้อที่ร้านมาใหม่ ถึงได้โทรติดเรียกคนมา ดังนั้นเสียเวลาไปพอสมควร

ในเวลานี้เขากลอกตาไปมา นึกถึงไพทยาบอกว่ารพีพงษ์เป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หรี่ตาลง พึมพำว่า: “หึ หนียังไงก็หนีไม่พ้น กูไม่เชื่อว่าจะหาตัวแกไม่เจอ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท