พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ

บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ

บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ

รับรู้ได้ถึงพลังยิ่งใหญ่ในตัวของรพีพงษ์ จารุเดชหลับตาลง ท่าทางเปลี่ยนไปทันที แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “แดนดั่งเทพชั้นยอด! เป็นไปได้ไงกัน”

นิรภัฏที่ล้มอยู่กับพื้นก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมีพลังแบบนี้ ก่อนหน้านี้ เขานึกว่ารพีพงษ์ยังหยุดอยู่ที่แดนครึ่งดั่งเทพ ดังนั้นจึงเครียดมาก

แต่ตอนนี้ดูๆแล้ว ฝีมือของเด็กนี่ไม่ได้แย่ไปกว่าเขาเลย

“เด็กนี่มันทำได้ไงกัน? ก่อนหน้านี้ยังเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอยู่เลยไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว? ธัชธรรมหาของแปลกแบบนี้มาจากไหนเนี่ย? เด็กนี่มันคงไม่ได้กระโดดออกมาจากก้อนหินหรอกนะ?”

นิรภัฏตะลึง ช็อกกับฝีมือที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา

เขากัดฟันยืนขึ้นจากพื้น แล้วรีบไปอยู่ข้างๆณีรนุช

ในเมื่อฝีมือของรพีพงษ์ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิดไว้ งั้นเขาก็ไม่ต้องร้อนใจอีกแล้ว

ณีรนุชไม่เข้าใจ เธอไม่สามารถที่จะแยกออกได้เลยว่าพลังที่รพีพงษ์ปล่อยออกมานั้นเป็นระดับไหนกันแน่ ทำได้เพียงเดาว่าฝีมือของเขาไม่ธรรมดาอย่างที่ตัวเองคิดอย่างแน่นอน

“ท่านปู่ทวด ทำไมท่านถึงไม่เรียกรพีพงษ์กลับมา เขาคนเดียวจะต่อสู้กับไอ้นั่นได้ไงกัน เขาไปรอหาที่ตายแท้ๆ” ณีรนุชยังคงร้อนรนอย่างมากเช่นเคย

นิรภัฏสงบนิ่ง แล้วกล่าว “ไม่ถึงกับรนหาที่ตายหรอก เด็กนี่มันชอบเซอร์ไพรส์คนอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ฝีมือของเขา ไม่ได้แย่ไปกว่าฉันเลย ถ้าจารุเดชจะฆ่าเขา ก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น”

ผู้ที่เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดได้ แน่กันทุกคน ต่อให้จารุเดชใช้วิชาอายุวัฒนะ มากสุดก็แค่กดดันรพีพงษ์ แต่ไม่สามารถทำให้รพีพงษ์แพ้ได้

เมื่อกี้ที่เขาบาดเจ็บ เหตุผลหลักๆเลยก็คือเกิดขึ้นกะทันหัน เขาไม่คิดว่าจารุเดชฝีกวิชาอายุวัฒนะสำเร็จแล้ว จึงได้พลาดพลั้ง

หลังจากที่ณีรนุชได้ยินคำพูดของนิรภัฏแล้วก็ตะลึง ไม่ได้สงสัยว่าตัวเองพูดผิดแต่อย่างใด

“ท่านปู่ทวด เมื่อกี้ที่ท่านพูด ว่าฝีมือของรพีพงษ์ ไม่ด้อยไปกว่าท่าน?” เธอรีบถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

นิรภัฏพยักหน้า แล้วกล่าว “เด็กคนนี้ เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมามีในประวัติศาสตร์ วงการบู๊ในปัจจุบัน ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขาได้แน่นอน”

ณีรนุชรู้สึกเพียงแค่ร่างกายของตัวเองแข็งทื่อไปหมด มองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างคิดไม่ถึง เหม่อลอยอยู่นานแสนนาน

ฝีมือไม่ด้อยไปกว่านิรภัฏ นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ฝีมือรพีพงษ์คือแดนดั่งเทพชั้นยอด!

แต่รพีพงษ์อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น นี่มันคิดไม่ถึงจริงๆนะเนี่ย

ก่อนหน้านี้ ณีรนุชคิดมาตลอดว่าตัวเองอายุยี่สิบกว่าปีก็เป็นเน่ยจิ้ง ถือว่าเป็นคนเก่งที่ยอดเยี่ยมมากๆแล้ว

บวกกับเธอเป็นผู้หญิงด้วย ดังนั้นยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่

แต่ตอนนี้ความมั่นใจเหล่านั้นของเธอ ได้ถูกปีศาจอย่างรพีพงษ์ทำลายหมดแล้ว

รพีพงษ์ทำให้เธอรู้ว่าอะไรคืออัจฉริยะตัวจริง เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว เธอไม่ได้เสี้ยวอะไรเลย

นิรภัฏเห็นปฏิกิริยาของณีรนุช ก็ปลอบประโลมว่า “แกก็อย่าใส่ใจอะไรมาก คนแบบเขา พันปีน่าจะมีสักคน เทียบกับคนแบบนี้ ก็มีแต่ทำให้ตัวเองหงอยเหงาลง”

ณีรนุชพยักหน้า แม้นิรภัฏจะปลอบเธอ แต่เมื่อฟังคำพูดนี้แล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีหนักเข้าไปอีก

รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าของจารุเดช ในมือปรากฏดาบยาวที่ประกายออกมา ด้วยพลังมหาศาล ทำให้รอบๆตัวเขาเกิดลมกรรโชกขึ้นมา

จารุเดชกลับมามีสติหลังจากที่ช็อกกับฝีมือของรพีพงษ์ไป จากนั้นก็ดูแคลน แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่ากลุ่มสิงโตจะมีอัจฉริยะอย่างแกอยู่ด้วย คิดไม่ถึงว่าอายุขนาดนี้ ก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว!”

“ฉันใช้เวลาเป็นร้อยปีเพิ่งได้แดนนี้มา น่าอิจฉาชะมัด!”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “อิจฉาก็ไร้ประโยชน์ นี่เป็นพรสวรรค์ ช่วยไม่ได้นะ”

จารุเดชได้ยินคำพูดกระแทกแดกดันของรพีพงษ์ ก็ดูแคลน กล่าว “โม้ให้มันน้อยๆหน่อย นิรภัฏมันก็แดนดั่งเทพชั้นยอด แต่ก็ยังบาดเจ็บด้วยน้ำมือของฉันอยู่ดี”

“พรสวรรค์ของแกมันล้ำ ถ้าเอามาใช้กับวิชาอายุวัฒนะของฉัน ต้องทำให้พลังของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ต้องขอบคุณแกมากจริงๆที่เซอร์ไพรส์ฉันแบบนี้”

รพีพงษ์บึนปาก ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มไหลเวียนพลังวิเศษเสน พุ่งไปที่จารุเดช

“กลัวว่าแกจะรับไม่ได้นะสิ!”

พูดเพิ่งจบ รพีพงษ์ได้ฟันไปที่จารุเดช ภาพดาบอันใหญ่โตปรากฏขึ้น ฟันไปที่จารุเดช

จารุเดชก็ไม่เชื่องช้า รีบใช้ลำแสงสีม่วง ไปจับดาบนั่นไว้

แน่นอน เขาไม่ได้ใช้มือจริงๆไปรับไว้ ตอนที่เขายื่นมือไปนั้น มือที่ใหญ่มากปรากฏอยู่บนอากาศ แวบเดียวก็จับดาบนั้นไว้ จากนั้นก็ใช้แรง สลายหายไป

รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังของจารุเดช คิดในใจว่าวิชาอายุวัฒนะของไอ้แก่นี่ก็ใช้ได้อยู่นะ ความสามารถของแดนดั่งเทพชั้นยอด บอกว่าวิชาอายุวัฒนะยี่สิบปี รู้สึกเหมือนแดนเทพ

แน่นอน ตอนนั้นรพีพงษ์ได้แค่ต่อสู้กับแดนเทพจริงๆแล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวจารุเดช แล้วใช้ดาบฟันไปอีกครั้ง

“ท่าดาวฟ้า!”

จารุเดชเห็นพลังท่านี้ของรพีพงษ์ไม่ธรรมดา จึงได้ใช้ท่า มาต้านการโจมตีของรพีพงษ์ไว้

ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นาน ต้นไม้ที่อยู่รอบๆก็โดนโค่นลง แต่ไม่กี่นาที ในรัศมีรอบๆร้อยกว่าเมตร ได้มีพลังทำลายล้างเกิดขึ้น ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้มาก่อนเห็นเข้า จะต้องคิดว่าที่นี่เกิดภัยพิบัติน่ากลัวอะไรขึ้นแน่นอน

“ท่าเชิญพระจันทร์!”

“ท่าธันเดอร์”

……

รพีพงษ์ได้ใช้ท่าที่เก่งกาจโจมตีไปที่จารุเดช

แต่เพราะวิชาอายุวัฒนะของจารุเดช ทำลายท่าของรพีพงษ์ได้อย่างง่ายดาย

แม้จะเป็นแบบนี้ จารุเดชก็ยังคงสงสัย โดยหลักแล้วเขาปล่อยวิชายี่สิบปี เผชิญหน้ากับแดนดั่งเทพชั้นยอด แม้ว่าจะไม่ได้เปรียบทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องได้เปรียบบ้าง

แต่ต่อสู้กับรพีพงษ์ เขาไม่รู้สึกว่าได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองกับเขาฝีมือไล่เลี่ยกัน

เขาถึงขั้นสงสัยว่าฝีมือของรพีพงษ์อยู่เหนือกว่าแดนดั่งเทพชั้นยอดอยู่มาก

ที่จารุเดชมีความรู้สึกนี้ ก็เพราะพลังวิเศษเสนที่รพีพงษ์ได้ฝึกฝนนั้น ทำให้การโจมตีของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงฝีมือพอๆกับจารุเดช

เห็นตัวเองทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้ จารุเดชก็เริ่มร้อนรน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ถึงตอนนั้นใครแพ้ใครชนะ บอกไม่ได้เลย

กัดฟันสู้ จารุเดชเริ่มหวาดหวั่น หลังจากที่จ้องไปยังรพีพงษ์อย่างไม่ละสายตาแล้ว กล่าว “เด็กน้อย บีบฉันได้ขนาดนี้ คนแรกเลยนะ แต่นี่เป็นแค่วิชาอายุวัฒนะยี่สิบปีของฉันเท่านั้น ”

“ตอนนี้ฉันจะปล่อยพลังเป็นสี่สิบปี ดูว่าแกจะต่อกรยังไง!”

เมื่อพูดจบ พลังของจารุเดชก็ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตบไปหนึ่งฉาด ทำเอารพีพงษ์กระเด็นออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท