พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย

บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย

บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย

ณีรนุชมายังทางเดินด้านในของผับพร้อมกับรพีพงษ์ ไม่ไกลจากพวกเขาคือห้องน้ำ

ณีรนุชมองรพีพงษ์อย่างแปลกใจ แล้วถาม “มาที่นี่ทำไม? ที่นี่มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรอ?”

สายตาของรพีพงษ์มองไปที่ห้องน้ำ แล้วกล่าว “สิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในห้องน้ำ”

ณีรนุชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ คิดว่ารพีพงษ์ตั้งใจหยอกล้อเธอ ล้อเล่นกับเธอ จึงได้กล่าวอย่างโมโหว่า “นี่ ทำไมคุณน่ารังเกียจขนาดนี้ เรื่องนี้มันผ่านไปไม่ได้ใช่มั้ย? หรือคุณอยากจะพาฉันเข้าไปในห้องน้ำ?”

รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของณีรนุช ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วอธิบายว่า “ผมไม่ได้ล้อเล่น ในห้องน้ำมีเรื่องไม่ชอบมาพากลจริงๆ”

“งั้นคุณพูดมา ด้านในมีอะไร?” ณีรนุชยังคงไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์อยู่ดี

“เมื่อกี้มีคนพาผู้หญิงคนหนุ่งเข้าไป” รพีพงษ์ตอบกลับ

หลังจากที่ณีรนุชได้ยินแล้วนั้น ก็หน้าแดงสักแป๊ป ถ้าเขาพูดแบบนี้ กำลังส่งสัญญาณอะไรให้เธออยู่หรือเปล่า?

ทุเรศจริงๆ ตอนนั้นที่ฉันจะเข้าห้องน้ำกับคุณ ให้ตายยังไงคุณก็ไม่ยอม ตอนนี้ส่งสัญญาณให้ฉัน ทุเรศจริง

“คุณพูดเรื่องนี้กับฉันทำไม คุณจะพาฉันเข้าไปหรือไง?” ณีรนุชกล่าว

สีหน้าตอนนี้ของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วกล่าว “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง คุณรอผมที่นี่ ผมเข้าไปเอง”

พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

ณีรนุชมึนงง คิดในใจว่าเขาเข้าไปก่อนแล้วไง เค้าหญิงชายเข้าพร้อมกัน จะทำอะไรก็รู้ๆอยู่ เขาเข้าไปก่อน เพื่อดูอะไรมากกว่าเธองั้นหรือ?

ในห้องน้ำขณะนี้ ในห้องห้องหนึ่ง

ชายคนหนึ่งที่หล่อเหลา คิ้วเข้มกำลังกดสาวสวย ไว้ข้างๆกำแพง เหมือนกำลังจะทำอะไร

สาวคนนั้นเขินอาย แต่ไม่ต่อต้านใดๆ ราวกับรอคอยให้ชายคนนั้นทำอะไรกับเธออย่างไรอย่างนั้น

ผู้ชายไซร้เข้าไปที่คอของผู้หญิง ผู้หญิงหลับตาลง เธอไม่ทันได้สังเกต ว่าในมือของชายคนนั้น มีแสงสีม่วงประกายอยู่

เขาเอามือที่มีประกายแสงไปแตะที่หน้าผากของผู้หญิง ในขณะที่มือใกล้จะแตะที่หน้าผากของสาวคนนั้น ประตูของห้องก็ถูกเตะออก

หญิงสาวตกใจจนรีบลืมตาขึ้นมา

ฝ่ายชายก็ขมวดคิ้ว มองไปที่ห้านหลังของตน

รพีพงษ์ยืนอยู่ที่ประตูห้อง กำลังมองไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างนิ่งสงบ

เมื่อกี้พลังจิตของเขารับรู้ได้ถึงพลังของชายคนนี้ มั่นใจ ว่าคนนี้น่าจะเป็นจารุเดช!

“บ้าหรือไง! แกไม่เห็นหรอว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่?” หญิงคนนั้นตะคอกรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่สนใจหญิงคนนั้น แต่ถามไปที่ฝ่ายชายว่า “แกคือจารุเดชใช่มั้ย?”

จารุเดชหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเรียกชื่อเขาออกมาโดยตรงที่นี่ แว็บเดียว เขาก็รับรู้ได้ว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา

“แกเป็นใคร?” จารุเดชจ้องรพีพงษ์แล้วถาม

“กลุ่มสิงโต” รพีพงษ์ตอบกลับอย่างสงบ

สายตาของจารุเดชโหดเหี้ยมขึ้น ไม่คิดว่าวัยรุ่นคิดนี้ จะเป็นคนของกลุ่มสิงโต

“ไม่คิดว่าพวกแกจะหาฉันเจอเร็วขนาดนี้ แต่แกคนเดียว จะมาต่อสู้กับฉัน ยาก!”

จารุเดชตะคอกใส่รพีพงษ์ แล้วตบไปที่ตัวของรพีพงษ์ กลลวงตาฝ่ามือสีม่วงปรากฏขึ้น ใหญ่กว่ารพีพงษ์เสียอีก

หลังจากที่เขาปล่อยพลังนี้ออกมา ก็ไม่ลังเลใดๆ ขยับตัว แล้วหายไปจากห้องน้ำทันใด

แม้เขาจะมั่นใจมากว่าฉาดเดียวก็ตบรพีพงษ์ให้ตายได้แล้ว แต่คนของกลุ่มสิงโตได้มาหาถึงที่แล้ว แสดงว่าบริเวณนี้จะต้องมียอดฝีมือที่ฝีมือใกล้เคียงกับเขาอยู่เป็นแน่ ไม่มีทางมีแค่รพีพงษ์เพียงคนเดียว

ดังนั้นเขาต้องรีบออกจากที่นี่ มิเช่นนั้นถ้ายอดฝีมือของกลุ่มสิงโตปิดล้อมไว้ เขาจะยุ่งยากเอา

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่กลลวงตาในมือเขาปรากฏต่อหน้ารพีพงษ์แล้ว รพีพงษ์แค่ปัดมือ กลลวงตาก็หายไปได้

จากนั้นเขาก็ลอยออกจากห้องน้ำตามไปอย่างเร็วเช่นกัน

จากการจู่โจมเมื่อกี้ รพีพงษ์มั่นใจแล้ว ว่าฝีมือของจารุเดช น่าจะเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด

สามารถเป็นรางวัลนำจับอันดับสองได้นั้น ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

หญิงคนนั้นที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่ในห้องน้ำยังคงมึนงง ยังไม่รู้สึกตัวอยู่นานแสนนาน

หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากห้องน้ำไปแล้ว มาอยู่ด้านหน้าของณีรนุช ขณะนี้ณีรนุชยังคงลังเลว่าจะเข้าห้องน้ำไปกับรพีพงษ์แล้วทำเรื่องอย่างนั้นดีมั้ย

จากนั้นรู้สึกว่ามีลมพัดไป ร่างหนึ่งผ่านหน้าเธอไป จากนั้นรพีพงษ์ก็ปรากฏต่อหน้าของเธอ

“เมื่อกี้คือจารุเดช ตอนนี้ผมจะตามมันไป คุณรีบไปบอกท่านปู่ทวดของคุณนะ!”

รพีพงษ์บอกไป จากนั้นก็ไล่ตามจารุเดชต่อไป

ณีรนุชประหลาดใจ ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ารพีพงษ์ไม่ได้ล้อเล่นกับเธอ ที่แท้คนในห้องน้ำ คือจารุเดช!

หลังจากที่รู้สึกตัวแล้ว ณีรนุชไม่สงสัยใดๆ รีบวิ่งออกไปนอกผับ บอกกับนิรภัฏ

จารุเดชออกจากผับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หนีไปที่ถนนอย่างบ้าคลั่ง ด้วยฝีมือของแดนดั่งเทพชั้นยอด ความเร็วในการหนีแม้แต่รถยังตามไม่ทัน

รพีพงษ์ตามหลังเขาไป ตามอย่างไม่หยุด ไม่ผ่อนความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย

จารุเดชรู้สึกว่ามีคนกำลังตามหลังเขาอยู่ ก็รู้สึกประหลาดใจ

เขาไม่คิดว่าการโจมตีของเขาเมื่อกี้ไม่สามารถฆ่าคนนั้นได้ แล้วความเร็วของคนนี้ก็ไม่แพ้เขาเลย เขาอยู่มานานขนาดนี้ เพิ่งเคยเจอกับเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก

ผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ไปถึงชานเมืองของเมืองเมฆา ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน จารุเดชเห็นรพีพงษ์ไล่ตามไม่หยุด ก็ได้หยุดลง

เขาหันไป ดูรพีพงษ์ที่หยุดอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงแกเด็กน้อย จะมีความเร็วขนาดนี้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ แกน่าจะเป็นอัจฉริยะขั้นสูงสุดที่กลุ่มสิงโตฝึกฝนไว้สินะ?”

“พวกมันให้แกมาไล่ฉัน ไม่กลัวว่าแกจะตายด้วยน้ำมือของฉันหรือไง?” จารุเดชพูดพลาง เก๊กท่าพลาง

รพีพงษ์นึกถึงคนที่อยู่ด้านหน้าตัวเองดูเหมือนอายุจะไม่ต่างจากตัวเองมากแท้ที่จริงแล้วอายุปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว และคนที่มีอายุมากขนาดนี้ ยังเก๊กท่าทางอีก ก็รู้สึกขยะแขยงออกมา

“ความจริงฉันคือเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต แกเชื่อมั้ย?”

รพีพงษ์พูดกับจารุเดช ใช้พลังจิตสังเกตการณ์เขา

เขาพบว่าจารุเดชไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับการที่ตนใช้พลังจิตกับเขา เลยเดาว่าจารุเดชน่าจะไม่มีจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ และไม่มีแม้กระทั่งพลังจิต

แต่คิดๆก็ถูก บนโลกนี้ จะผู้ที่มีจิตวิญญาณเทพถึงน้อยมาก แม้จะเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ในด้านจิตวิญญาณเทพไม่มีใครทำได้ก้ถือว่าปกติ

ไม่ใช่ใครจะโชคดีเหมือนรพีพงษ์

หลังจากที่จารุเดชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วตะคอก “ไอ้เด็กผี ฉันดูโง่มากเลยหรือไง?”

รพีพงษ์ยักไหล่อย่างเซ็ง แล้วกล่าว “ถ้าแกไม่เชื่อ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท