พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1029 ลองเดาดูว่ากูมาที่นี่ทำไม

บทที่1029 ลองเดาดูว่ากูมาที่นี่ทำไม

บทที่1029 ลองเดาดูว่ากูมาที่นี่ทำไม

ชัยพัทธ์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ คิดถึงตอนนั้นที่ตัวเองถูกรพีพงษ์ตบต่อหน้าประชาชน ความโกรธแค้นในใจก็ลุกเป็นไฟขึ้นมา

“แม่งมึง มึงกล้าพูดเรื่องวันนั้นกับกูอีกหรอวะ กูว่ามึงรนหาที่ตายแล้วล่ะ!” ชัยพัทธ์ตะคอกด่าใส่รพีพงษ์

“เหอะเหอะ ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ กูจะไม่เกรงใจที่จะสั่งสอนมึง” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “และมึงน่าจะยังจำคำพูดในวันนั้นที่กูพูดกับมึงได้นะ? ถ้ามึงยังสร้างปัญหาให้กูอีก ไม่ใช่ว่าตบแล้วจะจบง่ายๆ!”

ชัยพัทธ์ดูแคลน แล้วกล่าว “มึงขี้โม้ให้น้อยๆหน่อย กูจะบอกให้นะ ไฟลกรุ๊ปของกูเพิ่งจะได้บุคคลสำคัญมาลงทุน ไม่นาน ไฟลกรุ๊ปของพวกกูจะเป็นกิจการระดับโลก มึงคิดว่าคนทำความสะอาดอย่างมึง คิดจะไฝว้กับกู?”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “มึงเดาดูว่าวันนี้กูมาที่นี่ทำไม?”

“กูไม่สนว่ามึงจะมาที่นี่ทำไม” ชัยพัทธ์ด่า เหมือนเขาจะนึกอะไรออกบางอย่าง แล้วถามอย่างตกใจว่า “มึงคงไม่ใช่ได้ข่าวมาจากไหนสักที่ แล้วจะมาวุ่นวายพวกกูหรอนะ?”

รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “มึงนี่จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ”

สายตาที่ชัยพัทธ์มองรพีพงษ์เหมือนกับว่ามองสิ่งอันตรายที่ต้องกำจัดอย่างไรอย่างนั้น มื้ออาหารในวันนี้สำคัญสำหรับไฟลกรุ๊ปเป็นอย่างมาก ถ้าถูกรพีพงษ์ทำพัง ก็จบเห่ทั้งหมด

เขามองรพีพงษ์อย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “เพื่อกำจัดตัวอันตรายอย่างมึง ดูๆแล้ววันนี้กูต้องจัดการกับมึงหน่อยแล้วล่ะ!”

รพีพงษ์จ้องไปยังการ์ดที่รูปร่างกำยำ แล้วกล่าว “แค่พวกมึงไม่กี่คนเนี่ยนะ?”

ชัยพัทธ์ดูแคลน แล้วกล่าว “กูว่ามึงอย่ามั่นใจให้มากนัก พวกมัน กูหามาจากสนามมวยใต้ดิน พวกมันผ่านการต่อสู้มาแล้วเป็นร้อยๆนัด เป็นระดับราชามวยใต้ดินทั้งนั้น กูจ่ายเงินมหาศาลเชิญพวกมันมา มึงคิดว่าขยะที่พลังมากนิดหน่อยอย่างมึง จะสู้กับพวกมันที่รุมมึงได้งั้นหรอ?”

พูดจบ เขาหันไปมองข้างหลัง แล้วถาม “ทุกคน พวกแกใครจะจัดการกับมัน?”

การ์ดพวกนั้นยิ้มอย่างไม่พอใจ ผู้ชายหนึ่งในนั้นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกล่าว “ผมเอง ขยะแบบนี้ ไม่กี่ท่าก็น่าจะเอาอยู่ล่ะ”

จากนั้นคนนั้นก็เดินมา อยู่ด้านหน้ารพีพงษ์

รพีพงษ์จ้องไปที่คนนั้น แล้วกล่าว “พวกมึงเข้ามาพร้อมๆกันนี่แหละ ประหยัดเวลาดี”

คนนั้นได้ยินรพีพงษ์พูด ก็ไม่พอใจ แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่คิดว่ามึงก็กล้าเหมือนกันนะ คุยโวโอ้อวด กูว่าอย่างมึง แม้แต่หมัดเดียวของกูก็ไม่น่าจะต้านทานได้ มึงคิดดีกว่าว่าเดี๋ยวจะร้องขอชีวิตกับกูยังไง!”

พูดจบ คนนั้นก็ตั้งหมัด ต่อยไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์ส่ายหัวตอนที่หมัดของคนนั้นจะต่อยมาที่ตัวเอง ก็ได้ถีบเข้าไป

“เสียงดังปัง!”

หมัดของคนนั้นไม่โดนตัวรพีพงษ์ จากนั้นก็ลอยออกไป ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง

เขายังคิดว่าจะยืนขึ้นจากพื้น แต่หลังจากที่ลองยืนดูสองครั้ง พบว่าตัวเองไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

ชัยพัทธ์และพวกการ์ดที่เหลือก็อ้าปากค้างมองเหตุการณ์นี้ ไม่คิดว่ารพีพงษ์แค่ท่าเดียวก็จะทำให้คนที่มีฉายาสยบโลกถูกถีบจนลอยไป

“เป็น……เป็นไปได้ไง มันแค่ถีบก็ทำให้การ์ดที่กูซื้อตัวมาลอยไปได้ ไอ้นี่มันเก่งขนาดไหนกันนะ?” ชัยพัทธ์พึมพำกับตัวเอง

หลังจากที่รู้สึกตัว เขาก็รีบถอยไปหลายก้าว จากนั้นก็ตะโกนใส่การ์ดพวกนั้นว่า “พวกมึงรุม! เอามันให้อยู่ กูไม่เชื่อว่าถ้าพวกมึงรุมแล้วมันยังจะยโสโอหังได้อีก!”

หลังจากที่การ์ดพวกนั้นได้รับคำสั่งแล้ว ก็ล้อมรพีพงษ์ไว้ จากนั้นก็ใช้ท่าที่ตัวเองถนัด ต่อยไปที่รพีพงษ์

เสียดายที่รพีพงษ์เป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอดที่ฝึกฝนวิชาอายุวัฒนะมาจึงไม่กลัวใคร ก็แค่คนที่ออกมาจากค่ายมวย ในสายตาของรพีพงษ์ ก็เป็นแค่เด็กที่ชกต่อยเป็นก็เท่านั้น

หลังจากที่เขาลงมือ ผ่านไปหลายท่า จะทำเอาเหล่าการ์ดพวกนั้นล้มลงกับพื้นโดยตรง โดยไม่อืดอาดใดๆ

ชัยพัทธ์มองเหตุการณ์นี้อย่างไม่เชื่อ ยังไงก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาดนี้ เขาใช้เงินมหาศาลซื้อตัวการ์ดมา คิดไม่ถึงว่าไม่กี่อึดใจก็ถูกรพีพงษ์จัดการแล้ว

ไม่แปลกที่คนนี้กล้าปรากฏตัวตามลำพังต่อหน้าเขา ที่แท้เขาก็ไม่ได้มองตัวเองอยู่ในสายตาเลย!

เขาถอยหลังไป มองรพีพงษ์ด้วยสายตาหวาดผวา

ขณะนี้รพีพงษ์มองไปที่ชัยพัทธ์ ด้วยรอยยิ้มที่กวนตีน

ชัยพัทธ์เห็นท่าไม่ดี ก็รีบหันหลังหนี

แต่เขายังไม่ทันวิ่งไปกี่ก้าว ก็รู้สึกว่ามีมือกำลังจับชุดของตนอยู่ ลากเข้ากลับไป

“ลูก……ลูกพี่ ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว!” ชัยพัทธ์กุมขมับตัวเองไว้ ร้องขอรพีพงษ์

รพีพงษ์ดูแคลน แล้วกล่าว “มึงคิดว่ากูจะเชื่อคำพูดมึงมั้ย?”

พูดจบ เขาก็เอามือของชัยพัทธ์ออก จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเขาหนึ่งฉาดแรงๆ

ชัยพัทธ์ร้องโอดครวญ ด้วยความเสียใจอย่างสุดๆ

พนักงานของโรงแรมโอเรนจีเห็นเหตุการณ์ ก็ไม่กล้าเข้าไป เมื่อกี้ฝีมือที่รพีพงษ์ปล่อยออกมามันชั่งน่ากลัวเสียเหลือเกิน ต่อให้พวกเขาเข้าไป ก็ขวางรพีพงษ์ไม่อยู่

รพีพงษ์ต่อยชัยพัทธ์อย่างไม่เกรงใจ สักพัก เขาก็หน้าบวมเป่ง เหมือนหัวหมูอย่างไรอย่างนั้น

“กูจะบอกให้นะ ไฟลกรุ๊ปของกูยิ่งอยู่ยิ่งยิ่งใหญ่ ต่อให้กูไม่ชนะมึง แต่ยังไงกูก็มีวิธีกำจัดมึงอย่างนับไม่ถ้วนอยู่ดี ฝากไว้ก่อน กูจะล้างบางตระกูลมึง!” ชัยพัทธ์คิดในใจว่าในเมื่อเรื่องราวเป็นแบบนี้แล้ว อ้อนวอนรพีพงษ์ก็ไม่มีประโยชน์ สู้พูดให้มันเจ็บๆไปเลยดีกว่า

รพีพงษ์หัวเราะขึ้นมา แล้วปล่อยเขา

ชัยพัทธ์เห็นรพีพงษ์ปล่อยมือ ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบหนีไป ขึ้นข้างบน

ตอนนี้มื้ออาหารของพ่อและบุคคลสำคัญท่านนั้นสำคัญกว่า รอให้เสร็จจากทานข้าวก่อน เขาค่อยคิดว่าจะต่อกรกับรพีพงษ์อย่างไร

ที่รพีพงษ์ไม่ได้รั้งชัยพัทธ์ไว้ เพราะอยากรู้ว่าเดี๋ยวตอนทานข้าว เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

ถ้าชัยพัทธ์รู้ว่าคนที่ซื้อหุ้นของไฟลกรุ๊ปคือรพีพงษ์ล่ะก็ จะต้องวิเศษอย่างมากๆแน่เลย!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท