พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง

บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง

บทที่1039 แค่ขยะอย่างมึง

ที่อยู่ของโศภิตาอยู่ใจเคหะเมืองของเมืองเมฆา อยู่ไกลจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รพีพงษ์นั่งรถเกือบหนึ่งชั่วโมงจึงจะถึง

เทียบกับความครึกครื้นแถวโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เคหะในเมืองนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ที่นี่ไม่มีตึกสูงใหญ่ จะมีก็แต่บ้านที่ตัวเองสร้างหรือทาวน์เฮ้าส์หมู่บ้านที่กำลังจะถูกรื้อถอนเท่านั้น

ผู้คนที่อยู่ที่นี่ ปกติจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในเมือง เพราะพวกเขารับค่าเช่าบ้านในเมืองไม่ไหว ดังนั้นจึงทำได้เพียงหาบ้านที่ถูกๆที่นี่ บางครั้งถึงขั้นต้องเช่าร่วมกับผู้อื่น

รพีพงษ์ดูตามที่อยู่ที่โศภิตาให้ หาอยู่นาน จึงจะหาบ้านที่ร้ายๆเจอหลังหนึ่ง ที่นี่คือที่อยู่ของโศภิตา

ตามที่โศภิตาพูด บ้านหลังนี้เธอได้เช่าร่วมกับคนอื่น เดือนล่ะห้าร้อยหยวนเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ สำหรับโศภิตาที่เงินเดือนสองสามพัน ก็ยังเป็นรายจ่ายจำนวนไม่น้อยอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังแบกหนี้สินจำนวนแปดแสนกว่าไว้อีกด้วย

แต่วันนี้ที่รพีพงษ์มานั้น หลักๆเลยก็มาเพื่อช่วยจัดการเรื่องหนี้สินของโศภิตา

แปดแสนกว่า สำหรับรพีงษ์แล้ว แม้แต่ค่าขนมก็ไม่ใช่ แต่กลับทำให้ชีวิตของโศภิตามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ตอนที่รพีพงษ์มาถึงข้างหน้าของบ้านหลังนี้ โศภิตาก็ออกมาจากบ้านพอดี เธอกลัวว่ารพีพงษ์จะหาไม่เจอ ดังนั้นจึงออกมารับ ไม่คิดว่าเมื่อออกมาก็เห็นรพีพงษ์มาถึงแล้ว

“ฉันคิดว่าอีกสักพักคุณจึงจะถึง กำลังจะไปรับคุณพอดี” โศภิตากล่าวต่อรพีพงษ์อย่างเขินอาย

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ผมยังไม่โง่ถึงขั้นหาไม่เจอ”

“คุณเเข้ามานั่งก่อน ฉันยังต้องไปรวบรวมเอกสารกู้ยืมนั่นอีกหน่อย ต้องใช้เวลาอีกสักพัก” โศภิตากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเข้าไปในบ้านพร้อมกับโศภิตา

บ้านนี้เป็นบ้านที่เนื้อที่ไม่มาก เข้าไปก็เป็นสวนเล็กๆ ด้านในมีสองประตู โศภิตาเช่าห้องหนึ่งในนั้น

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องของโศภิตา รพีพงษ์เห็นด้านในวางไว้แค่เตียงหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว และหม้อไฟฟ้าถูกๆอีกหนึ่ง

โศภิตารู้สึกว่าที่อยู่ของตัวเองแย่มาก จนค่อนข้างอึดอัด แล้วกล่าวต่อรพีพงษ์ว่า “พื้นที่ที่นี่ค่อนข้างเล็ก ถ้าคุณไม่รังเกียจไปนั่งบนเก้าอี้ตรงนั้นก็ได้นะ”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้

เห็นที่ๆโศภิตาอาศัยอยู่ รพีพงษ์อุทาน หญิงสาวคนนี้เรียนจบมหาลัยมา มีหน้าที่การงานที่ไม่เลว อนาคตที่สดใสรออยู่ แต่เพราะความร้ายกาจของดิษยา เธอถึงได้ตกต่ำถึงขั้นนี้

นี่ทำให้รพีพงษ์เห็นใจโศภิตา แล้วเกิดความเกลียดแค้นดิษยาขึ้นมา คนแบบนี้ ต่อให้สวยงาม ก็ไม่เหมาะที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก

รพีพงษ์ตัดสินใจแล้ว ไม่เพียงจะช่วยโศภิตาจัดการภาระหนี้สิน แล้วยังจะให้ดิษยาและจุฑาธชได้ชดใช้กรรมที่ก่อไว้

ในขณะที่โศภิตากำลังจัดเตรียมเอกสารกู้ยืมอยู่นั้น เสียงอันน่ารำคาญจากด้านนอกดังขึ้น “โศภิตา แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ กูไม่มีเงินแล้ว เอาเงินมาให้กูหน่อย!”

เมื่อโศภิตาได้ยินเสียงนี้ก็หน้าถอดสี จากนั้นก็รีบเดินไปที่ประตู แล้วปิดลงอย่างเร็ว

แต่เธอยังไม่ทันได้ปิด ประตูก็ถูกถีบออก โศภิตาเกือบล้มละกับพื้น

รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันใด จากนั้นก็เห็นผู้ชายที่มอมแมม กลิ่นตามตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ไม่โกนหนวดมาครึ่งเดือนเดินเข้ามาในห้อง

“แม่ง กล้าปิดประตูหรอวะ? กูว่ามึงอยากลองดีใช่มั้ย?” ผู้ชายตะคอกใส่โศภิตา

“ตปิยะ! ฉันไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับแกแล้ว แกจะมาหาฉันอีกทำไม? ฉันไม่มีเงิน เพราะแก ฉันต้องแบกรับหนี้สินแปดแสนกว่า แกจะให้ฉันตายเลยหรือไง!”

โศภิตาสิ้นหว้ง ผู้ชายที่ชื่อตปิยะนี้ ก็คือคนที่หลอกเธอแล้วยังให้เธอกู้หนี้นอกระบบอีก เป็นฝันร้ายที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต

ตปิยะจ้องโศภิตาแล้วเหยียดหยาม กล่าว “หยุดเสแสร้งแม่งได้แล้ว มึงล้างจานเดือนหนึ่งก็สามพันกว่าไม่ใช่หรอ? เอาเงินมาให้กู วันนี้กูดวงดี ต้องรีบชนะ อย่าทำให้กูเสียเวลาในการชนะ ไม่งั้นกูตบมึงตาย!”

โศภิตากัดริมฝีปากมองไปที่ตปิยะ แม้ก่อนหน้านี้เธอได้แจ้งความไว้แล้ว ตปิยะก็ถูกควบคุมตัวไปหลายครั้ง แต่ตปิยะมันหน้าด้าน รู้ว่าแค่ทำไม่เกินไป ต่อให้เป็นตำรวจก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงมักจะมาหาโศภิตาเพื่อเอาเงิน

ในตอนที่โศภิตากำลังสิ้นหวังอยู่นั้น รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น เดินไปตรงหน้าของตปิยะ กล่าว “แกคือคนที่เอาบัตรประชาชนของเธอไปกู้หนี้นอกระบบ?”

ตอนนี้ตปิยะเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เขามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ดูแคลน “ไง แกคือแฟนคนใหม่ที่อีกระหรี่โศภิตาหามาหรือไง?”

โศภิตารีบกล่าว “”ตปิยะ แกอย่าพูดมั่วๆนะ ไสหัวไปซะ รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่แกจะหาเรื่องได้”

ตปิยะไม่สนใจ ยิ้มพลางกล่าว “ก็แค่เล่นของเก่า ทำไมจะหาเรื่องไม่ได้ โศภิตา จะบอกให้นะ ต่อให้มึงจะมีแฟนใหม่ ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาเงินให้กู ไม่งั้นกูจะต่อยไอผัวใหม่ของมึงถึงขั้นที่ต่อไปมันไม่กล้ามาหามึงอีกเลยล่ะ!”

เขาเพิ่งพูดจบ รพีพงษ์ก็ถีบไปที่ร่างของเขา

เสียงดังปัง ร่างของตปิยะลอยไป ชนเข้ากับขอบประตู

เพียงแค่ไม่กี่คำ รพีพงษ์ก็รู้แล้วว่าตปิยะเป็นคนอย่างไร สำหรับสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ เขาไม่เกรงใจอยู่แล้ว

ตปิยะไม่คิดว่ารพีพงษ์จะลงไม้ลงมือกะทันหัน เขากัดฟันยืนขึ้น แล้วกล่าวอย่างรุนแรงว่า “แม่งมึง มึงกล้าถีบกู วันนี้กูไม่ต่อยมึงตาย อย่าเรียกกูตปิยะ”

จากนั้นเขาก็พุ่งไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “แค่ขยะอย่างมึง จะฆ่ากู?”

พูดจบ เขาก็ตบไปหนึ่งฉาด ตปิยะไม่ทันได้ระวังตัว ก็ลืมลงกับพื้นทันใด

ฟันครึ่งปากของเขาได้ถูกรพีพงษ์ตบจนร่วงออกมาแล้ว ขณะนี้ปากเต็มไปด้วยเลือด พูดออกมามีแต่ลม

เดิมทีโศภิตายังเป็นห่วงรพีพงษ์ที่สูงศักดิ์ ว่าจะไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ตบตปิยะฉาดเดียวแล้วกลายเป็นแบบนี้ ก็ตกใจ

ขณะนี้ตปิยะเพิ่งจะรู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ไม่ควรแตะต้อง เขายืนขึ้นจากพื้น แล้วหนีไป

รพีพงษ์จับเสื้อเขาเอาไว้ จากนั้นก็ดูแคลน “เรากำลังจะไปเคลียร์หนี้นอกระบบอยู่พอดี หนี้นอกระบบพวกนั้นมึงปลอมตัวตนไปกู้มา มึงไปด้วยกันนี่แหละ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท