พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1027 ผลลัพธ์

บทที่1027 ผลลัพธ์

บทที่1027 ผลลัพธ์

ตราคุมจิตพุ่งไปที่จารุเดช ด้วยความเร็วสูง

จารุเดชดูแคลน ไม่รู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์ใช้คือวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพ คิดว่าเป็นพลังการโจมตีอย่างอื่น จึงได้ใช้กำลังภายในของตัวเองต่อต้าน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ ตราคุมจิตนั้นผ่านการโจมตีของเขาไป ชนที่หน้าผากของเขา

การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทำให้จารุเดชไม่ทันได้ระวังตัว ในขณะที่เขากำลังจะป้องกันอยู่นั้น กลับรู้สึกในหัวตัวเองว่างเปล่า หยุดชะงักอยู่กับที่ อย่างไม่ขยับ

ลำแสงที่เขาปล่อยไปหารพีพงษ์นั้นด้วยเหตุนี้จึงได้หยุดลง

รพีพงษ์ฉวยโอกาสนี้ พุ่งไปอยู่ตรงหน้าของจารุเดช ฟันเข้าไปที่จารุเดชโดยตรง

“ท่าธันเดอร์!”

ลำแสงดาบที่ใหญ่มโหฬารปรากฏขึ้น ห้อมล้อมจารุเดชไว้ทั้งตัว พลังมหาศาล สะเทือนฟ้าสะเทือนบก!

ตอนที่ท่าธันเดอร์ผ่าเข้าไปที่ตัวเขานั้น ก็ได้รู้สึกตัวขึ้น หลังจากที่ปล่อยวิชาอายุวัฒนะร้อยปีแล้วนั้น ฝีมือของเขาเทียบเคียงกับแดนเทพ ต่อให้เขาจิตวิญญาณเทพไม่ตื่นภวังค์ แต่ผลลัพธ์จากการปล่อยวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพก็ทำให้เขายืนหยัดได้ไม่นาน

เห็นท่าที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา จารุเดชก็สีหน้าเปลี่ยนทันที จากนั้นรีบไปหลบอยู่ข้างๆ

แต่เพราะระยะห่างเมื่อกี้มันใกล้เกินไป ต่อให้มีสติโต้ตอบทันควัน แต่พลังส่วนใหญ่ของท่าธันเดอร์ได้ฟันเข้าไปที่จารุเดชแล้ว

ร่างของเขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หยุดแล้ว ก็กระอักเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าเจ็บหนักแล้ว

รพีพงษ์เห็นจารุเดชไม่ตายเพราะการโจมตีครั้งนี้ ก็เกิดตกใจขึ้นมา แล้วส่ายหัว กล่าว “เสียดายจัง”

จารุเดชเลือดกบปาก ดวงตาทั้งคู่จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา แล้วถาม “ท่าเมื่อกี้ที่แกปล่อยมา คือวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพ?”

แม้จิตวิญญาณเทพยังไม่ตื่นภวังค์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้วิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพ

รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “ใช่”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด จิตวิญญาณเทพของแกยังไม่ตื่นภวังค์ แม้แต่พลังจิตก็ยังไม่มี ในลักษณะแบบนี้ ถ้าแกอยากชนะฉัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉันว่าแกยอมแพ้เถอะนะ”

จารุเดชดูแคลน กล่าว “ใช่ จิตวิญญาณเทพของฉันยังไม่ตื่นภวังค์ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีวิธีต่อกรกับวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพ จะให้ฉันยอมแพ้ แกยังอ่อนไป!”

พูดจบ จารุเดชก็เริ่มปล่อยตราที่ซับซ้อนออกมา

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจารุเดชยังมีวิธีต่อกรกับวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพด้วย

แต่เขาไม่ได้กังวลอะไรมากนัก การโจมตีเมื่อกี้ จารุเดชได้เจ็บหนัก รพีพงษ์ที่ใช้วิชาลับจะกำจัดเขา เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก

จารุเดชทำท่าอยู่ที่เดิมสักพัก จากนั้นก็มองไปรอบๆ ตะคอกใส่รพีพงษ์ว่า “ไอ้เด็กน้อย ลองท่านี้ของฉันหน่อยเป็นไง!”

รพีพงษ์ระวังตัวขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าจารุเดชจะปล่อยท่าอะไรออกมา

แต่การจู่โจมที่คิดไว้ไม่ได้ปรากฏออกมา หลังจากที่จารุเดชตะคอกใส่รพีพงษ์แล้วนั้น ก็รีบหันหลังหนี ร่างกลายเป็นแสง หนีไปโดยตรง

ผู้เฒ่าคนนี้ เมื่อกี้ก็เพียงแค่หลอกรพีพงษ์เท่านั้น

รพีพงษ์ได้แต่บึนปากอย่างหมดคำพูด ด้วยเหตุนี้เองจึงได้รู้ว่าจารุเดชไม่ได้มีวิชาอะไรที่จะต่อกรกับวิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพเลย หลังจากที่เขารู้แล้วว่ารพีพงษ์จะต้องใช้วิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพอีกครั้ง จึงได้ยอมทิ้งการต่อต้าน และในสมองเหลือเพียงการหนีความคิดเดียวเท่านั้น

รพีพงษ์ไม่ลังเลใดๆ รีบตามไปทันที ร่างกายเปลี่ยนเป็นลำแสงด้วยเช่นกัน แว็บเดียว ก็หายไปจากสายตาของนิรภัฏและณีรนุช

ณีรนุชมองไปที่นิรภัฏอย่างไม่เข้าใจ แล้วถาม “ท่านปู่ทวด วิชาโจมตีของจิตวิญญาณเทพคืออะไรหรอคะ? ”

นิรภัฏอุทาน “เป็นการจู่โจมจิตวิญญาณของคนโดยตรง คิดไม่ถึงจริงๆว่าเด็กคนนี้ไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ล้ำลึก แล้วยังจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์แล้วด้วย การที่เขาจะเป็นแดนเทพได้นั้น จะเป็นจริงในไม่ช้า!”

ณีรนุชเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่ไม่ได้ถามอะไรมากมาย

ผ่านไปประมาณห้านาที ลำแสงได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง แว็บเดียว รพีพงษ์ก็ปรากฏกายต่อหน้านิรภัฏและณีรนุชทั้งสอง

ในมือของเขายังถือขาแขนที่ถูกตัด เหลือเพียงจารุเดชที่ใกล้ตาย

“ผู้อาวุโส ทำได้ตัดแขนกับขามันแล้ว ตอนนี้มันได้กลายเป็นไอ้สวะ ไม่มีพลังใดๆ ชีวิตของมันให้ผู้อาวุโสจัดการก็แล้วกัน ความแค้นของพวกคุณ ได้ล้างแค้นแล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งสงบ

นิรภัฏมองรพีพงษ์ด้วยความชอบใจ พยักหน้าให้เขา แล้วกล่าว “ดี ดีจริงๆ ฉันไม่คิด ว่าการพัฒนาของแกจะเร็วขนาดนี้ เจอกันครั้งที่แล้ว แกยังเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอยู่เลย เจอกันครั้งนี้ ฝีมือแกไปไกลกว่าฉันมากแล้ว”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ผู้อาวุโสถ่อมตนเกินไป ผู้น้อยก็แค่โชคดี ที่ฝีมือพัฒนาเร็วหน่อยเท่านั้น”

นิรภัฏขยับปาก ถ้ารพีพงษ์ใช้คำว่าเร็วหน่อยก็เท่านั้นมาบรรยาย งั้นเขาที่ร้อยกว่าปี ยังคงอยู่ที่แดนครึ่งไม่ไปไหนล่ะ

ณีรนุชจ้องรพีพงษ์อยู่นาน จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “รพีพงษ์ ขอบคุณนะ”

รพีพงษ์มองเธอ ยิ้ม แล้วกล่าว “นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ เดิมทีจารุเดชเป็นรางวัลนำจับของที่กลุ่มสิงโต ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต ผมมีหน้าที่ที่จะต้องกำจัดมันอยู่แล้ว”

“อะไรนะ! แกเป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโตแล้ว?!” นิรภัฏกล่าวอย่างตกใจ ด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง

ณีรนุชก็ช็อก คิดในใจคนนี้ทำไมคำพูดของเขามักจะทำให้คนเซอร์ไพรส์ได้ตลอดไม่เว้น เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้นนี้ ได้ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงอย่างมากมายแล้ว

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเขินอาย กล่าว “ธัชธรรมชื่นชอบในตัวผม จึงได้มอบตำแหน่งนี้ให้”

นิรภัฏสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะใช้คำพูดอะไรมาอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของเขาแล้ว

ณีรนุชที่อยู่ข้างๆก็อยากพูดอะไรเช่นกัน แต่ลังเลอยู่นานไม่รู้จะพูดอะไรดี

รพีพงษ์คนนี้ ไม่สามารถใช้คำว่าตำนานมาอธิบายได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตนรู้จักเขา ให้ตายยังไงณีรนุชก็ไม่เชื่อว่าในโลกนี้ยังมีคนอย่างรพีพงษ์อยู่ด้วย

นิรภัฏจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างถี่ถ้วน แล้วพยักหน้า

รพีพงษ์ถูกนริภัฏมองจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงได้ถามว่า “ผู้อาวุโส คุณมองผมทำไมกัน?”

นิรภัฏหัวเราะ จากนั้นก็ถาม “ฉันได้ยินมาว่าแกแต่งงานแล้ว?”

“ใช่ครับ” รพีพงษ์ตอบ

“สามีไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แกให้นุชเป็นเมียน้อยได้มั้ย? นุชของเราเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและเชื่อฟังมาก ถ้าเธอแต่งงานกับแก จะต้องอยู่กับแกตลอดไปแน่นอน” นิรภัฏกล่าว

รพีพงษ์อะแฮ่มออกมา แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ผมใช้เทคนิคบางอย่าง มีผลข้างเคียงไม่น้อย ตอนนี้ผลข้างเคียงใกล้จะเกิดขึ้น ผมอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ!”

พูดจบ รพีพงษ์หันไปอย่างเร็ว ไม่หันหลังกลับมาแต่อย่างใดแล้วจากไปทันที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท