พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1032 คอนเสิร์ตรวมทัพดารา

บทที่1032 คอนเสิร์ตรวมทัพดารา

บทที่1032 คอนเสิร์ตรวมทัพดารา

วันต่อมา รพีพงษ์ให้ธนพฤทธ์เทขายหุ้นของไฟลกรุ๊ปทั้งหมด ผ่านช่องทางธุรกิจของเทือกเขากิสนา ยกเลิกการร่วมมือทางการค้าทั้งหมดกับไฟลกรุ๊ป

ในช่วงระยะเวลาอันสั้นสองวันนี้ เพราะไฟลกรุ๊ปต้านทานแรงกดดันด้านเศรษฐกิจที่มหาศาลไว้ไม่ไหว จึงได้ประกาศล้มละลายต่อสาธารณชน หลายๆหน่อยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการทุกอย่าง

เรื่องนี้เพียงค่ำคืนเดียว ก็กลายเป็นข่าวดังที่สุดของเมืองเมฆา หัวข้อสนทนาของทุกคนหลังจากกินข้าวดื่มชาเสร็จ กลายเป็นเรื่องที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายในช่วงคืนเดียว

ไฟลกรุ๊ปของเมืองเมฆาเป็นธุรกิจแนวหน้ามาโดยตลอด ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ จะประกาศล้มละลายเพียงชั่วข้ามคืน

เคำพูดมากมายเกี่ยวกับไฟลกรุ๊ปเริ่มโด่งดังไปทั่ว มีคนจำนวนไม่น้อยคาดเดาเกี่ยวกับเหตุผลการล้มละลายที่แท้จริงของไฟลกรุ๊ป

มีคนสังเกตเห็นก่อนที่ไฟลกรุ๊ปจะประกาศล้มละลาย มีคนเข้าไปซื้อหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ป จากนั้นก็ครอบครองไว้ไม่กี่วัน แล้วก็เทขาย นี่ทำให้เงินหมุนเวียนของไฟลกรุ๊ปเกิดปัญหาใหญ่ เกิดเป็นวิกฤตที่ยากจะหยุดยั้งได้

และเหตุนี้คนจำนวนมากเริ่มตรวจสอบตัวตนของคนที่เข้าไปซื้อหุ้นไฟลกรุ๊ปแล้วเทขายนั้นว่าเป็นใครกันแน่ แต่ด้วยฝีมือของพวกเขาถึงแม้จะเก่งกาจขนาดไหน ก็ตรวจสอบไม่เจอว่าเป็นใครหรือกองทุนใด มาจากไหนกันแน่

มนุษย์เราจะฉงนใจอย่างมากกับสิ่งที่ไม่รู้อยู่ตลอด เมื่อตรวจสิบไม่เจอความจริง ก็จะเกิดจินตนาการเรื่องราวขึ้นมา ทำให้เรื่องเหล่านี้ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก

มีเรื่องมากมายที่ออกมาเกี่ยวกับประธานบริษัทชนวิทไฟลกรุ๊ป อีกทั้งลูกชายของเขาชัยพัทธ์ หลากหลายเวอร์ชัน บ้างก็บอกว่าพ่อลูกทั้งสองมีปัญหากับคณะกรรมการผู้บริหาร บ้างก็บอกว่าสองพ่อลูกมีปัญหากับข้าราชการระดับสูง

หนึ่งในนั้นที่ทุกคนยอมรับ คือที่ไฟลกรุ๊ปเป็นแบบนี้ ก็เพราะผู้หญิง

บางคนพูดว่าคนที่ทำให้ไฟลกรุ๊ปล้มไม่เป็นท่าความจริงแล้วก็คือภรรยาของชนวิท เพราะชนวิทมีบ้านเล็ก ดังนั้นภรรยาของชนวิทก็เกรี้ยวกราด เลยเลือกที่จะทำให้ไฟลกรุ๊ปพัง

บ้างก็บอกว่าภรรยาของชนวิทแอบคบชู้ ถูกชนวิทจับได้ คิดจะล้างแค้นชายคนนี้ สุดท้ายชายคนนั้นเป็นคณะผู้บริหาร จึงพังไฟลกรุ๊ปเสีย

ที่ผู้คนคาดเดาวว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผู้หญิง ก็เป็นเพราะว่ามีคนเห็นชนวิทพาชัยพัทธ์ไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล

แน่นอน ว่าเรื่องนี้มีเพียงไม่กี่เวอร์ชันที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เกี่ยวกับการคาดเดาในเรื่องนี้ เหตุผลที่คนเล่ากันเป็นเรื่องพิลึกพิลั่น ร้อยแปดพันเก้า และยังมีมูลและหลักฐาน แม้แต่รพีพงษ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินแล้วนั้น ก็นับถือในจินตนาการของมนุษย์จริงๆ

แต่รพีพงษ์ก็ไม่ใส่ใจการคาดเดาใดๆของพวกเขา เพราะไม่มีใครรู้ ว่าเขาคือผู้บริหารเบื้องหลังคนนั้นที่ทำให้ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย

ช่วงบ่ายของวันนี้ รพีพงษ์และอารียาทั้งสองกำลังดูทีวีอยู่ที่โรงแรม ในทีวีกำลังรายงานการล้มละลายของไฟลกรุ๊ป พิธีกรข่าวยังได้วิเคราะห์เหตุผลที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายไปต่างๆนานา แต่ไม่ได้พูดออกอากาศ

อารียาเห็นเนื้อหาในทีวี ก็อุทานออกมา ว่า “เจ้าของของไฟลกรุ๊ปยังไงก็คิดไม่ถึง ว่ากิจการที่เขาดำเนินการมาอย่างยากลำบาก จะเป็นเพราะความยโสโอหังของลูกชายแล้วล้มละลาย”

รพีพงษ์หัวเราะกล่าว “แม้เรื่องนี้เราเพิ่งจะเจอกับตัวไป แต่คนแบบนี้ ก่อนที่จะลำบาก จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน ต่อให้ผมไม่จัดการ อนาคตก็ต้องมีคนอื่นสั่งสอนเขา เป็นเพียงเรื่องของเวลาช้าเร็วแค่เท่านั้น”

อารียาพยักหน้า อย่างน้อยเธอก็เคยอยู่ในตระกูลฉัตรมงคลตระกูลชั้นนำของโลกมาก่อน ความคิดและทัศนคติไม่เหมือนกันอยู่แล้ว สำหรับเรื่องแบบนี้ จะไม่ค่อยมีอารมณ์กับมันสักเท่าไหร่

“รีบเปลี่ยนชุดให้หนูลินเถอะ คอนเสิร์ตใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเรารีบไปเถอะนะ” รพีพงษ์พูดกับอารียา

อารียาพยักหน้า ไม่คิดเรื่องไฟล์กรุ๊ปอีกต่อไป แล้วเริ่มเปลี่ยนชุดที่วันนี้พวกเขาเพิ่งจะซื้อมาใหม่ใส่ให้หนูลิน

คืนนี้ เป็นเวลาของคอนเสิร์ตรวมดารา หลายวันก่อนหน้านี้ รพีพงษ์ให้ธนพฤทธ์จัดการเรื่องตั๋วระดับซูเปอร์วีไอพีให้พวกเขา

ตั๋วแบบนี้ทั้งคอนเสิร์ตมีเพียงสิบใบเท่านั้น นอกจากเป็นคนที่มีเบื้องหลังใหญ่โตจึงจะทำได้ มิเช่นนั้นมีเงินมากเท่าไหร่ ก็ยากที่จะได้ตั๋วระดับซูเปอร์วีไอพีนี้มา

ได้ตั๋วระดับนี้มา รพีพงษ์ทั้งครอบครัวสามารถไปนั่งที่ที่ใกล้กับเวทีที่สุดได้ แล้วจุดนั้นก็แยกจากส่วนของคนดูทั่วไปโดยสิ้นเชิง อย่างนี้รพีพงษ์พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่หนูลินไปด้วยแล้วจะเกิดปัญหาอะไรแล้ว

หลังจากที่เปลี่ยนชุดให้หนูลินเสร็จ อารียาก้แต่งหน้าบางๆ เปลี่ยนเป็นใส่กระโปรงที่ตนไม่ได้ใส่มานานแล้ว เธอแต่งตัวได้ค่อนข้างสวยเลยทีเดียว

ตั้งแต่มีหนูลิน เธอก็แต่งหน้าน้อยลง บวกกับปกติรพีพงษ์ไม่อยู่ นอกจากไปงานที่สำคัญๆ นอกนั้นเธอก็ไม่แต่งหน้าสักเท่าไหร่

ครั้งนี้กว่าจะได้ไปคอนเสิร์ตกับรพีพงษ์ก็ยาก ดังนั้นเธอต้องแต่งตัวทางการสักหน่อย

รพีพงษ์เห็นลักษณะที่แต่งหน้าแล้วของอารียาแล้วนั้น ก็ชมเธอว่าเป็นนางฟ้ามาจุติ สิ่งเดียวที่ต่างจากนางฟ้าก็คือยังพานางฟ้าตัวน้อยที่ยังไม่ลืมตามาด้วย

อารียามองบน แล้วกล่าว “แต่งงานกันนานแล้ว ยังจะพูดให้ขนลุกแบบนี้อีก”

รพีพงษ์หัวเราะเบาๆ กล่าว “แต่งงานกันมานานแล้วยังไง เมียผมสวยดุจนางฟ้า ต่อให้แต่งงานเป็นร้อยๆปี ในสายตาของผมเธอก็คือนางฟ้าเสมอไป”

อารียามองเขาอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็อุ้มหนูลิน เดินออกไปนอกโรงแรม

ทั้งสองนั่งรถที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลจัดไว้ไปสถานที่จัดคอนเสิร์ต

คอนเสิร์ตรวมดาราในครั้งนี้ยิ่งใหญ่อลังการ ได้เชิญดาราดังมากว่าสิบชีวิต คนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนอยากมาดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ วันที่ขายบัตรคอนเสิร์ต แย่งกันจนบัตรหมดเกลี้ยง

สถานที่จัดคอนเสิร์ตจัดที่ยิมเนเซี่ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเมฆา จุได้ห้าหมื่นคน ดังนั้นประตูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เต็มไปด้วยผู้คน คนจำนวนไม่น้อยกำลังต่อคิวตรวจบัตร

ตอนที่รพีพงษ์พาอารียาและหนูลินมาถึงหน้าประตู เห็นบรรยากาศครึกครื้น ก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“นานแล้วที่ฉันไม่เห็นบรรยากาศที่ครึกครื้นแบบนี้” อารียายิ้มพลางพูดกับรพีพงษ์ “คนต่อคิวยาวขนาดนี้ พวกเราต้องรออีกนานกว่าจะได้เข้าไปแน่เลย?”

รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ไม่ ตั๋วของเราเป็นซูเปอร์วีไอพี มีช่องทางด่วนโดยเฉพาะ ไม่ต้องเข้าคิว”

อารียาดีใจขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาทันใด เธอไม่อยากอุ้มหนูลินเข้าคิวตลอดหรอกนะ

รพีพงษ์มองไปรอบๆ อยากดูว่าช่องวีไอพีนั้นอยู่ที่ไหน

ในขณะเดียวกันนี้ เสียงตกใจได้ดังขึ้นในหูของทั้งสอง “อารียา! ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ จะได้เจอแกที่นี่”

อารียาหันไปดู เห็นผู้หญิงสวมชุดธรรมดาปรากฏอยู่ต่อหน้าตัวเอง เป็นเพื่อนสนิทของเธอสมัยเรียนมัธยมปลาย โศภิตา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท