พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก

บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก

บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก

“ภิตา? แกก็มาดูคอนเสิร์ตที่นี่หรอ? บังเอิญจริงๆนะเนี่ย” อารียาประหลาดใจ ยิ้มให้กับโศภิตาที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง

ตอนเรียนมัธยมปลาย อารียาและโศภิตามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมาก ทั้งสองนั่งโต๊ะข้างกันตลอดสามปี แทบจะทำทุกอย่างร่วมกันทั้งหมด

แต่หลังจากที่เรียนมหาลัยแล้ว ต่างคนก็ต่างไปแต่ล่ะเมือง ความสัมพันธ์เลยเฉยชาลง หลังจากที่โศภิตาเรียนมหาลัยแล้ว ก็ไม่กลับไปที่เมืองริเวอร์อีกเลย ดังนั้นเพราะอารียาได้แต่งงานกับรพีพงษ์ ในช่วงหลายปีมานี้ ล้วนไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนของตัวเองสักเท่าไหร่

ดังนั้นเมื่อคิดๆดูแล้ว พวกเธอทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว

อารียาอุทาน ได้เจอเพื่อนในที่แบบนี้ ถือว่าเป็นพรหมลิขิตมาก

โภิตาก็อุทานเช่นกัน แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอับอาย แล้วกล่าว “ฉันไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต ฉันแค่มาเดินดู เพราะไม่มีตั๋ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงดูบรรยากาศรอบๆ”

อารียาได้ยินคำพูดของโศภิตา ก็กล่าวทันใดว่า “งั้นแกไปกับพวกเราเถอะ พวกเราไม่เจอกันตั้งหลายปี เจอกันครั้งนี้ ต้องรำลึกความหลังกันสักหน่อยแล้ว”

โศภิตาส่ายหน้า กล่าว “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร กว่าพวกแกจะแย่งตั๋วมาได้ก็ไม่น่าจะง่ายเหมือนกันนะ ถ้าฉันตามไปด้วย พวกแกก็เข้าไปไม่ได้แล้วสิ”

อารียาหัวเราะ กล่าว “ไม่เป็นไร”

จากนั้นเธอก็หันไปหารพีพงษ์ ถาม “พาคนเพิ่มหนึ่งคน ไม่น่าจะเป็นไรหรอกนะ?”

รพีพงษ์ยิ้มพลางตอบ “น่าจะไม่เป็นไร วันนี้ตอนมาผู้จัดการโรงแรมได้ให้ฝ่ายผู้จัดงานโทรหาผมแล้ว ถ้าผมมีอะไรให้โทรหาเขา เดี๋ยวผมจะโทรไป ก็น่าจะเข้าได้แล้ว”

อารียาดีใจ รีบเอาหนูลินให้รพีพงษ์ จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าแขนของโศภิตาไว้

โสภิตามึนงงกับคำพูดของเขาทั้งคู่ คิดในใจคอนเสิร์ตอลังการขนาดนี้ จะต้องคุมเข้มอย่างแน่นอน ต่อให้รู้จักคนใน ก็ไม่มีทางแค่โทรศัพท์แล้วจะพาคนเข้าไปได้

ในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ชายหญิงวัยรุ่นแต่งตัวทันสมัยคู่หนึ่งอยู่ข้างๆพวกเขา พูดให้ถูกก็คือพวกเขามาเพราะโศภิตา

ชายหญิงคู่นั้นยิ้มอย่างเหยียดหยาม ดูออกว่าค่อนข้างดูถูกโศภิตา

“โอ้ว นี่มันโศภิตาหนิ ไง แกก็อยากดูคอนเสิร์ตหรอ แต่บัตรธรรมดาของที่นี่ ก็ห้าพันกว่าเข้าไปแล้ว มีปัญญาซื้อหรอ?” หญิงคนนั้นกล่าวด้วยอารมณ์แปรปรวน

ฝ่ายชายก็รีบกล่าวว่า “ดิษยา อย่าพูดแบบนี้สิ ไม่แน่เค้าเดินผ่านมาทางนี้ เพราะเธอยังต้องไปล้างจานที่ร้านอาหารอีกนะ”

ดศภิตาได้ยินคำพูดของทั้งสอง ก็บูดบึ้งขึ้นมา กล่าวอย่างโมโหว่า “ใช่ ฉันแค่เดินผ่านมา แต่เกี่ยวอะไรกับพวกแกหรอ?”

“เหอะเหอะ เราก็ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวอะไรกับเราหนิ ก็แค่เห็นแกเลยถามก็แค่นั้น ไม่ได้หรือไง?” หญิงที่ถูกเรียกว่าดิษยาเยาะเย้ย

หญิงคนนี้ชื่อดิษยา เป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทก่อนหน้านี้ของโศภิตา ถือว่าเป็นหัวหน้าแผนก เพราะคนอื่นล้วนประจบสอพลอดิษยา มีเพียงโศภิตาที่ไม่ประจบเธอ ดังนั้นดิษยามีอคติกับโศภิตาอย่างมาก

แม้ตอนนี้ทั้งสองไม่อยู่ในบริษัทเดียวกันแล้ว แต่ทุกครั้งที่ดิษยาเจอโศภิตา ก็ยังคงประชดประชันเธออยู่ดี

แล้วชายที่อยู่ข้างๆดิษยา ชื่อจุฑาธช เป็นลูกชายของคนรวยตระกูลหนึ่งในเมืองเมฆา ถือเป็นทายาทเศรษฐี

หลังจากที่ดิษยาได้แฟนเป็นจุฑาธชแล้วนั้น ก็ยิ่งหยิ่งยโสเข้าไปใหญ่ บวกกับครอบครัวของโศภิตาเกิดการเปลี่ยนแปลง ครอบครัวตกอับกะทันหัน ดังนั้นโศภิตาจึงไม่อยู่ในสายตาของดิษยา

รพีพงษ์และอารียาทั้งสองขมวดคิ้วมองไปที่ทั้งสองที่อยู่ด้านหน้า รู้สึกว่าทั้งสองคนค่อนข้างเกินไป

“ภิตา พวกเขาทั้งสองเป็นใคร?” อารียาถาม

“ก็แค่เมื่อก่อนอยู่บริษัทเดียวกันก็เท่านั้น ไม่สนิทกัน พวกแกไม่ต้องสนใจพวกเขา” โศภิตารีบกล่าว รู้สึกอับอาย

ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองหันไปหารพีพงษ์และอารียาทั้งสอง ดิษยาเห็นอารียาสวย ก็เกิดอิจฉาขึ้นมา

จากนั้นก็พูดเสียดสีว่า “โศภิตา สองคนนี้เป็นเพื่อนแกหรอ พวกเขาก็เดินผ่านมาทางนี้พร้อมกับแกใช่ป่ะ? ที่แท้คนจนก็เป็นคนจนอยู่วันยังค่ำ แม้แต่คอนเสิร์ตก็ไม่มีปัญญาดู”

“จะบอกให้นะ ธชพาฉันไปดูคอนเสิร์ต ได้ซื้อบัตรซูเปอร์วีไอพีให้โดยเฉพาะเลยนะ ราคาหลักหมื่นต่อใบเลยนะ เราได้นั่งใกล้ๆก้บเวที แต่บางคน แม้แต่ประตูของคอนเสิร์ตก็ยังเข้าไม่ได้”

โศภิตาเห็นทั้งสองไม่เพียงดูถูกตน แต่ยังพูดถึงเพื่อนของตนอีก ทำให้เธอรับไม่ได้

“ดิษยา กรุณาให้เกียรติกันด้วยนะ เพื่อนของฉันก็มาดูคอนเสิร์ต พวกแกอย่าคิดว่ามีเงินนิดหน่อย แล้วจะอยู่สูงกว่าคนอื่น” โศภิตากล่าวอย่างโมโห

“เหอะเหอะ ฉันจะบอกให้นะ มีเงินก็สูงส่งกว่าคนอื่นแล้ว ความสุขของคนรวย คนจนอย่างพวกแกไม่มีทางรู้หรอก” โศภิตากล่าวอย่างสะใจ

จุฑาธชที่อยู่ข้างๆกล่าว “ดิษยา อย่ามัวแต่ไร้สาระกับพวกมันอยู่เลย พวกเรารีบไปเข้าคิวเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวคอนเสิร์ตเริ่ม พวกเราจะสายได้นะ”

แม้จะเป็นบัตรวีไอพี ก็ต้องเข้าแถว มีแค่ซูเปอร์วีไอพี จึงจะมีสิทธิ์ใช้ช่องนั้น

“ยังต้องต่อแถวอีกหรอ ดูๆแล้วพวกคุณก็ไม่ได้มีเงินสักเท่าไหร่หนิ เอ้อ” รพีพงษ์ยิ้มแล้วกล่าว

จุฑาธชมองรพีพงษ์ เหยียดหยามว่า “เหอะเหอะ หรือคุณไม่ต้องเข้าคิวแล้วเข้าได้งั้นหรอ? มีคนที่ไม่ต้องเข้าคิวแล้วเข้าไปได้จริง แต่จะบอกให้นะ นั่นเป็นระดับบุคคลสำคัญจริงๆเท่านั้นที่จะได้รับ คนจนอย่างคุณ ยังโอ้อวดได้ด้วยหรอ”

รพีพงษ์ไร้คำพูด ไม่อยากคิดอะไรมากกับพวกกบในกะลา

จุฑาธชและดิษยาทั้งสองมองทั้งสามคนอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็หันไปที่ประตูแล้วเข้าคิว

โศภิตามองรพีพงษ์และอารียาอย่างรู้สึกผิด กล่าว “ฉันผิดเอง ทำให้พวกแกต้องโดนดูถูกไปด้วยเลย”

อารียาหัวเราะ แล้วปลอบ “ไม่เป็นไรนะ คนประเภทนั้นเราอย่าไปคิดอะไรมากเลย แกก็อย่าใส่ใจกับคำพูดของพวกมัน พวกเราจะพาแกไปนั่งที่ซูเปอร์วีไอพี ถึงตอนนั้นให้พวกมันได้รู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน”

พูดจบ อารียาก็หันไปหารพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ลังเล หยิบมือถือเข้ามา แล้วโทรไปหาผู้จัดงาน

“สวัสดีครับ มิทราบว่าคุณคือ?”

“ผมคือรพีพงษ์”

“ที่แท้ก็คือคุณรพีนี่เอง ผมได้รับคำสั่งแล้ว ว่าคุณจะมา ผมยังเตรียมเครื่องดื่มไว้เผื่อคุณต้องการจะดื่มในขณะดูคอนเสิร์ตด้วย” คนของฝ่ายผู้จัดงานกล่าวอย่างยินดีปรีดา

“ผมอยากจะพาคนเข้าไปเพิ่มอีกคน ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” รพีพงษ์ถาม

“ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหา คุณรพีจะพามากี่คนก็ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการที่นั่งให้เพื่อนของคุณรพีตอนนี้เลยครับ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท