พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1077 ตำนานของท่านปรมาจารย์

บทที่1077 ตำนานของท่านปรมาจารย์

รพีพงษ์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ในหัวก็เดาว่าสิ่งที่เวทิดาบอกว่าจะตอบแทนตัวเองให้พึงพอใจหมายความว่าอย่างไรกันแน่

เมื่อเห็นว่าฟ้าก็จะมืด เวทิดาก็เชิญรพีพงษ์ไปที่บ้านของเธอ ยังบอกว่าจะตอบแทนเขา สิ่งเหล่านี้สรุปรวมกัน หลีกเลี่ยงที่จะทำให้คนคิดไม่ซื่อได้อย่างง่ายดาย

ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากที่เวทิดาพูดสิ่งนี้จบ ก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมา

เธอก้มหัวลง และรีบอธิบายกับรพีพงษ์ว่า: “พี่ชาย พี่อย่าได้เข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“ตอบแทนที่ฉันอยากจะบอก คือโอกาสที่จะเลื่อนขั้นอย่างพรวดพราดครั้งหนึ่ง เดือนนี้ท่านปรมาจารย์ในภูเขาจะมารับลูกศิษย์ในหมู่บ้านของพวกเรา เมื่อกี้นี้พี่แสดงฝีมือออกมาได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่แน่ท่านปรมาจารย์คนนั้นจะชอบ ”

เวทิดาพูดอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่ารพีพงษ์อาจเข้าใจอะไรผิดไป

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดเวทิดา แววตาก็เปล่งประกาย ท่านปรมาจารย์ที่เธอพูดถึง ก็คือผู้คุมกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐไม่ใช่เหรอ?

อยู่ในสถานที่แบบนี้ สามารถถูกพูดกลายเป็นว่าท่านปรมาจารย์ที่รับลูกศิษย์ คงจะมีเพียงเขาคนเดียว

แน่นอนว่า ต่อให้สิ่งที่เวทิดาพูดไม่เกี่ยวข้องกับผู้คุ้มกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐ รพีพงษ์ก็จะไปดู เนื่องจากเขาไม่สามารถปล่อยโอกาสใดๆไปได้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็กลับไปกับเธอ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

เวทิดาคาดไม่ถึง เดิมทีเธอคิดว่ารพีพงษ์จะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอบอก เนื่องจากเรื่องที่ท่านปรมาจารย์รับลูกศิษย์แบบนี้ มีเพียงหมู่บ้านใกล้เคียงที่รู้ สำหรับคนนอกแล้วพวกเขาไม่มีทางจะบอก

ที่สำคัญต่อให้พูดแล้ว คนส่วนใหญ่ที่มาท่องเที่ยวก็จะไม่เชื่อ

“พี่ชาย หรือว่าพี่ไม่กลัวว่าฉันจะหลอกพี่เหรอ?”เวทิดาจ้องมองรพีพงษ์แล้วเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เธอแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง จะหลอกฉันได้อย่างไร ที่สำคัญเรื่องเธอที่บอกว่าท่านปรมาจารย์รับลูกศิษย์ ฉันก็เคยได้ยินมาก่อน ความจริงครั้งที่ฉันมาก็เพื่อเรื่องนี้”

ใบหน้าของเวทิดาประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเคยได้ยินเรื่องที่ท่านปรมาจารย์ที่รับลูกศิษย์ของพวกเขาที่นี่

“กลับเป็นเธอ พาฉันผู้ชายคนหนึ่งกลับไป หรือว่าก็ไม่กลัวว่าฉันจะมีแผนไม่ดีอยู่ในใจเหรอ?”รพีพงษ์ยิ้มแล้วเอ่ยปากถาม

แววตาของเวทิดากลายเป็นแน่วแน่ขึ้นมา เอ่ยปากพูดว่า: “พี่ชายเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าพี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นตอนนั้นพี่ก็จะไม่ลงมือช่วยพวกเรา”

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก

แต่ผ่านไปไม่นาน รถยนต์ก็ขับมาถึงหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง รพีพงษ์และเวทิดาทั้งสองเดินลงรถมาด้วยกัน

“พี่รพีพงษ์ ที่นี่ก็คือหมู่บ้านของพวกเรา”เวทิดาเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์มองไปที่หมู่บ้านเล็กๆที่เชิงเขาแวบหนึ่ง มองเห็นว่ามีควันพวยพุ่งออกมาไม่ไกลนัก คิดในใจว่าแม้สถานที่แห่งนี้จะล้าหลัง แต่ชีวิตกลับเงียบและสงบกว่าในเมืองมาก

“เล่าเรื่องที่ท่านปรมาจารย์คนนั้นรับลูกศิษย์ให้ฉันฟังอย่างละเอียดได้มั้ย?”รพีพงษ์มองไปที่เวทิดาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปากถาม

เพราะบนรถเมื่อกี้นี้มีคนมากมาย รพีพงษ์จึงไม่ได้ถามมากนัก

เวทิดารีบเล่าตำนานสืบต่อกันมาของท่านปรมาจารย์ที่รับลูกศิษย์ในหมู่บ้านของพวกเขาให้รพีพงษ์ฟัง

เดิมทีตำนานของผู้สูงส่งที่รับลูกศิษย์ ได้อยู่ในหมู่บ้านของพวกเขาและหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง เล่าสืบต่อกันมาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว

เวลานี้กลับเทียบเท่ากับเวลาที่ชัชพิสิฐพวกเขาถึงบนโลก

หนึ่งร้อยปีก่อนหน้านั้น ก็มีคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นท่านปรมาจารย์ในภูเขาได้ลงมาจากภูเขา

มาถึงในหมู่บ้านตรวจรักษาช่วยชาวบ้าน ถือโอกาสหาเด็กหรือว่าคนหนุ่มที่คุณสมบัติไม่เลวเป็นลูกศิษย์ พาเข้าไปฝึกฝนในเขา

เริ่มแรกผู้คนรู้สึกว่าคนที่เรียกว่าเป็นท่านปรมาจารย์เป็นสิบแปดมงกุฎ แต่ท่านปรมาจารย์แสดงทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่งออกมา และหลังจากวิธีการเหมือนเทพเจ้าแล้ว ชาวบ้านเหล่านั้นก็เชื่อฟังคำพูดของท่านปรมาจารย์คนนั้น

ตามคำบอกเล่าของคนชราในหมู่บ้าน ท่านปรมาจารย์คนนี้ยังมีความสามารถตายแล้วฟื้นคืนชีพได้อีกด้วย

ต่อมาชาวบ้านรีบส่งลูกของตัวเองไปถึงตรงหน้าท่านปรมาจารย์ และให้ท่านปรมาจารย์รับพวกเขาเป็นลูกศิษย์

อย่างไรก็ตามมาตรฐานในการรับลูกศิษย์ของผู้สูงส่งคนนี้ค่อนข้างละเอียดลออ หมู่บ้านรอบๆมากมาย ทุกครั้งที่ลงภูเขามา อย่างมากก็รับแค่สองทั้งสามคน ถ้าหากเวลาที่ไม่เจอคุณสมบัติที่ดี

ท่านปรมาจารย์ก็แค่ตรวจรักษาให้กับทุกคน จากนั้นก็กลับไปในภูเขา

เรื่องราวนี้อยู่ในหมูบ้านเชิงเทือกเขาฉินหลิง ดำเนินมานานหนึ่งร้อยปี

ที่สำคัญมาถึงตอนหลัง ลูกศิษย์เหล่านั้นที่ท่านปรมาจารย์ได้รับไปต่างก็มีความสำเร็จ หลังจากที่คนในหมู่บ้านเห็นความสำเร็จของพวกเขา ก็ยิ่งแน่ใจว่าคนในภูเขาคนนั้น เรื่องราวนี้ได้รับท่านปรมาจารย์คนนี้จริงๆ

เพียงแต่หลายปีมานี้ท่านปรมาจารย์ไม่ค่อยได้ลงจากภูเขา พวกเขามารับลูกศิษย์ในหมู่บ้านทุกปี ก็ส่งลูกศิษย์เหล่านั้นของตัวเองมา แม้แต่คนชราในหมู่บ้าน หลายปีมานี้ก็แทบจะไม่เห็นท่านปรมาจารย์คนนั้น

ตอนนั้นท่านปรมาจารย์สั่งให้ทุกคนในหมู่บ้าน ไม่ให้พวกเขาเผยแพร่เรื่องของเขา มิฉะนั้นจะถูกลงโทษ

หลายปีมานี้คนในหมู่บ้านก็ปิดปากเงียบมาโดยตลอด และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคนนอกเลย

แน่นอนว่า ต่อให้จะรักษาสัญญา แต่เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งร้อยปี ก็จะมีเหตุผลหลายประการในการบอกเล่าเรื่องราวออกไป

ตัวอย่างเช่นครั้งนี้ที่รพีพงษ์ช่วยเวทิดา เวทิดาถึงได้บอกเรื่องนี้กับรพีพงษ์

ดังนั้นแม้ว่าโลกภายนอกจะไม่มีใครรู้เรื่องว่ามีท่านปรมาจารย์อยู่ในเทือกเขาฉินหลิง แต่ก็ไม่แน่นอน มีคนที่มีข้อมูลสันทัดกรณีและความเชื่อเรื่องแบบนี้ บางครั้งก็มีจิตใจที่จะไหว้บูชาอาจารย์ มาถึงที่นี่ ไหว้บูชาเข้าสู่ศิษย์ของสำนักของท่านปรมาจารย์

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังคำพูดของเวทิดาจบ โดยพื้นฐานแล้วเขาก็แน่ใจได้คนที่เรียกว่าท่านปรมาจารย์คนนี้ ก็คือผู้คุมกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐ

“ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์คนนี้จะลงจากภูเขามารับลูกศิษย์เมื่อไหร่เหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“เป็นเรื่องบังเอิญที่พี่มาที่นี่ในครั้งนี้ คำนวณจากเวลาที่ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์ลงจากภูเขาครั้งก่อน น่าจะอีกไม่กี่วัน พวกเขาก็จะมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง”เวทิดาตอบ

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นหลายวันจากนี้ ฉันก็รบกวนแล้ว แต่ฉันจ่ายค่าที่พักและอาหารให้กับเธอ”

เพราะคำนึงถึงสภาพในหมู่บ้านบนภูเขา ก่อนที่รพีพงษ์จะมา ตั้งใจไปถอนเงินสด

ที่ธนาคารมาบ้าง แบบนี้เวลาใช้ก็สะดวก

ตอนนี้ในกระเป๋าเป้ของเขา มีธนบัตรจำนวนมากอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้จ่ายไม่พอ

“พี่รพีพงษ์เกรงใจเกินไปแล้วจริงๆ ครั้งนี้พี่ช่วยฉันไว้ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ แล้วจะเก็บเงินพี่ได้อย่างไร”เวทิดายิ้มแล้วเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์เห็นเวทิดาพูดแบบนี้ เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังจากนั้นไม่นาน เวทิดาก็พารพีพงษ์ไปยังบ้านหลังหนึ่งที่สร้างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในระหว่างทางมา คนไม่น้อยเห็นเวทิดาพารพีพงษ์มาด้วย ต่างก็ถามว่าใช่แฟนของเวทิดาหรือเปล่า ทำให้เวทิดาหน้าแดง

เวทิดาเปิดประตูบ้าน และเดินเข้าไปข้างใน รพีพงษ์ก็เดินตามเข้าไป

ทันทีที่ทั้งสองคนเข้ามา ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องดังออกมา

เมื่อเวทิดาเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็ถอดสี และรีบวิ่งไปที่ในบ้าน

“ยัยพวกบ้า จะบอกแกให้ วันนี้ต้องให้เวทิดาของบ้านพวกแกไปอยู่กับลูกพี่ของพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็ฉันจะทำลายบ้านพวกเธอ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท