พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1093 ความหวัง

บทที่ 1093 ความหวัง

จีรภัทรมองดูรพีพงษ์ที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในใจก็เกิดความทอดถอนใจ การตัดสินที่ยอมเอาทุกอย่างมาออกเพื่อทำให้เรื่องหนึ่งสำเร็จแบบนี้ เขาไม่มีมานานหลายปีแล้ว

หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ที่ออกมาจากช่องทางขนส่ง เขาก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ตาม ก็จะพิจารณาถึงผลของการทำเช่นนี้ เกิดมีอันตรายใดๆ เขาก็ไม่มีทางไปทำ

เพราะในใจของเขารู้ดี ที่นี่เป็นโลกที่พลังทิพย์แห้งเหือดขาดหายไปแล้ว ความแข็งแกร่งของทวีปโอชวินที่เขาอยากจะได้รับ ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของเขา อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกก็ค่อนข้างยากลำบากมาก

ดังนั้นเขาถึงได้หาธัชธรรม ทำสัญญากับธัชธรรมว่า ตลอดชีวิตนี้จะอยู่ในเทือกเขาฉินหลิง และวิธีเดียวที่จะคลายความเบื่อหน่าย ก็คือรับลูกศิษย์จากในหมู่บ้านภูเขาที่ใกล้เคียงกับเทือกเขาฉินหลิง

ตอนนี้คำพูดของรพีพงษ์ทำให้เขาปลุกความรู้สึกตอนที่เขายังอายุน้อยกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขาเหมือนราวกับกลับไปตอนที่ตัวเองเพิ่งจะอายุสิบกว่าปี

ยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหัว จีรภัทรมองไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ถ้าหากว่าตอนนี้เป็นคนอื่นที่พูดแบบนี้ แม้ว่าเขาจะบรรลุถึงแดนเทพ ฉันก็คิดว่าเขาไม่มีความหมายที่เป็นไปได้ ที่จะมีชีวิตรอดกลับมาจากในดินแดนลึกลับ ”

“แต่นายไม่เหมือนกัน นายเป็นในบรรดาอัจฉริยะที่ฉันเคยเห็นมา ที่ทำให้รู้สึกว่ามีประสบการณ์มากที่สุด ต่อให้อยู่ที่ทวีปโอชวิน อัจฉริยะที่สามารถเทียบกับนายได้ ก็เห็นได้ว่ามีจำนวนน้อย”

“ดังนั้นเมื่อนายพูดออกมาแบบนี้ ฉันก็สนับสนุนจากก้นบึ้งของหัวใจ ตราบใดที่เต็มใจที่จะพยายาม ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นพบในดินแดนลึกลับ”

“แต่ว่าฉันขอเตือนนาย เวลาของนายมีเพียงสิบปีเท่านั้น หลังจากสิบปี ถ้านายไม่สามารถรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นได้ ถ้านั้นก็ทำได้เพียงมองดูภรรยาของตัวเองเสียชีวิตภายใต้การกัดกร่อนของสารพิษ”

“แน่นอนว่า ถ้าหากนายเสียชีวิตอยู่ในดินแดนลึกลับ ก็ไม่ต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้แล้ว”

รพีพงษ์พยักหน้าให้จีรภัทรอย่างจริงจัง สิบปี สำหรับเขาแล้ว ก็เพียงพอมากแล้ว เขาก้าวสู่เส้นทางศิลปะการต่อสู้ ก็ใช้เวลาไม่เกินสองสามปี ก็บรรลุผลอย่างในตอนนี้

เขาเชื่อว่าตัวเองภายในเวลาสิบปี จะสามารถบรรลุความแข็งแกร่งพอที่จะมีชีวิตรอดออกมาจากดินแดนลึกลับได้

จีรภัทรก็ไม่ลังเลมากเกินไป หยิบปากกาและกระดาษออกมา เขียนเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการลงมา เขาไม่เพียงแต่ระบุชื่อของเครื่องยาสมุนไพรไว้ด้านบน ลักษณะพิเศษ และรูปร่าง ยังตั้งใจวาดสัญลักษณ์ภาพไว้ด้านบนโดยเฉพาะ เพื่อรพีพงษ์จะได้สะดวกในแยกแยะ

เครื่องยาสมุนไพรที่รพีพงษ์ต้องหาทั้งหมดมีสามชนิด ตอนที่เขาได้กระดาษแผ่นนั้นที่จีรภัทรเขียนเสร็จ เห็นเครื่องยาสมุนไพรด้านบน ไม่เหมือนสิ่งที่สามารถปรากฏอยู่บนโลกได้จริงๆ

แต่สิ่งใดก็ตาม ตราบใดที่เริ่มต้น ส่วนที่เหลือ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ต่อมาเขาต้องทำความเข้าใจกับแผนที่แผ่นนั้นที่ชัชพิสิฐทิ้งไว้ ตกลงว่าเกี่ยวข้องกับดินแดนลึกลับหรือไม่ จากนั้นพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เพียงพอ

ถ้าหากแบบนี้เขายังไม่มีวิธีหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นได้ เขาก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีไปที่ทวีปโอชวินรอบหนึ่ง

สำหรับวิธีการไปยังทวีปโอชวิน แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่มี แต่ว่าเขามีลางสังหรณ์ว่า คนของทวีปโอชวินคงจะบุกรุกโลกภายในสิบปีอย่างแน่นอน ถึงเวลาเขาเพียงต้องจับคนเหล่านั้นที่มาจากทวีปโอชวิน และค้นหาวิธีการไปที่ทวีปโอชวิน ก็น่าจะไม่ยาก

เพียงแต่ว่าทวีปโอชวินสำหรับรพีพงษ์เป็นโลกที่แปลกมาก ที่สำคัญความแข็งแกร่งแค่นี้ของเขา ไปที่ทวีปโอชวิน กลัวว่าก็จะเป็นระดับตัวรับกระสุน ดังนั้นไม่ถึงขั้นสุดวิสัยจำใจอย่างยิ่ง เขาก็ไม่มีทางไปใช่วิธีนี้

สืบสาวราวเรื่องจนถึงแก่นแท้แล้ว ความแข็งแกร่ง ถึงจะเป็นทุกอย่าง

เก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้อย่างระมัดระวัง รพีพงษ์มองไปที่จีรภัทร เอ่ยปากพูดว่า: “ผู้อาวุโส ผมจำเป็นต้องเตือนท่าน บนโลกใบนี้ น่าจะอีกไม่นาน ก็จะวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง”

“คนของทวีปโอชวิน ได้อาศัยตัวเองสร้างช่องทางขนส่ง มายังโลกหนึ่งครั้งแล้ว”

“แม้ว่าคนคนนั้นจะถูกพวกเรากำจัดไปแล้ว แต่ว่าผมเชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเขายังจะกลับมาอีกครั้ง ถึงเวลานั้น โลกทั้งใบ อาจจะตกอยู่ในความอลหม่าน”

“หวังว่าในเวลานั้นผู้อาวุโส ยังคงสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับท่านธัชธรรมซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาฉินหลิง ไม่ไปเป็นไส้ศึกของผู้คนเหล่าของทวีปโอชวิน ”

หลังจากที่จีรภัทรได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็แสดงสีหน้าที่จริงจังพึมพำว่า: “คนเหล่านั้น ในสุดยังจะมาเหรอ ”

แต่แล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมา และพูดกับรพีพงษ์ว่า: “ถ้าหากพวกเขามาจริงๆ ฉันก็จะเป็นพันธมิตรกับพวกนาย และไม่มีทางกลายเป็นไส้ศึกของพวกเขา ปีนั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขา พวกเราจะถูกบีบคั้นให้ฝ่าฝืนทำลายผนึกแล้วหลบหนีมายังบนโลกได้อย่างไร พวกเขามาหนึ่งคนฉันแทบอยากจะฆ่าคนหนึ่ง ”

รพีพงษ์ก็ยิ้มเล็กน้อย เขาก็เป็นเพราะรู้เรื่องราวนี้ดี ดังนั้นถึงได้บอกเรื่องนี้ให้กับจีรภัทร

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จีรภัทรก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีพลังการต่อสู้อันดับต้นๆของโลก ถึงเวลานั้นถ้าหากทวีปโอชวินบุกรุกมาจริงๆ มีความช่วยเหลือของเขาก็ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเป็นธรรมดา

รพีพงษ์ไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่จีรภัทรนานเกินไป ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองควรทำอย่างไร ดังนั้นก็ยิ่งไม่สามารถเสียเวลาได้

หลังจากนั้นพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สำคัญกับจีรภัทร ก็ลุกขึ้นแล้วจากไป

จีรภัทรต้องการให้พักอยู่ที่บนภูเขาหลายวัน แต่ถูกรพีพงษ์ปฏิเสธ ในใจของจีรภัทรก็รู้สิ่งที่รพีพงษ์คิด ดังนั้นไม่ได้เหนี่ยวรั้งมากเกินไป

ในวันเดียวกัน รพีพงษ์ก็ออกจากสำนักบ้อเก๊ก และเดินทางกลับไปตามทางที่เขามา

ตอนที่เขาจากไป ฐปนีย์และคนอื่นๆก็ประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์เพิ่งมาที่นี่ในเวลาอันสั้นขนาดนี้แล้วก็จากไป

ฐปนีย์ยังตั้งใจวิ่งไปถามจีรภัทรว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้จากไปเร็วขนาดนี้

จีรภัทรยิ้มแล้วพูดว่า: “คนแก่อย่างฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้มากนัก เขาไม่มีทางจะอยู่ที่ฉันนานเป็นธรรมดา”

สิ่งนี้ทำให้ในใจของฐปนีย์ทอดถอนใจ อาจารย์ของพวกเขาช่วยอะไรรพีพงษ์ไม่ได้มากนัก ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวที่รพีพงษ์กำลังพบเจออยู่ มันคืออะไรกันแน่ ?

กลัวว่าจะเกินจินตนาการของเขาไปทั้งหมด

ระหว่างทางลงจากภูเขา รพีพงษ์หยิบแผนที่ในกระเป๋าเป้ของตัวเองออกมา เขาดูสถานที่หลายแห่งที่มีสัญลักษณ์บนแผนที่แผนนี้อย่างละเอียด แม้ว่ายังคงไม่เข้าใจว่าสถานที่เหล่านั้นมีความพิเศษอะไร แต่ว่าเขาค้นพบว่าสถานที่เหล่านี้มีลักษณ์พิเศษที่เหมือนกัน นั่นก็คือมีคนไปน้อย และประสบกับเหตุการณ์ทางเหนือธรรมชาติ

ตอนนั้นรพีพงษ์กำลังค้นหาสถานที่เหล่านี้บนอินเทอร์เน็ต มักจะมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้โผล่ออกมา ในเวลานั้นรพีพงษ์คิดว่าเป็นโฆษณาบนเว็บไซต์เท่านั้น และหลอกลวงให้เข้าชม ก็ไม่ได้สนใจ

ตอนนี้คิดดู ถ้าหากมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในสถานที่เหล่านี้ นั่นก็แสดงว่าสถานที่เหล่านี้ไม่ปกติ

บางทีอาจจะเป็นการมีอยู่ของดินแดนลึกลับ ทำให้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้ขึ้นมา

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในใจของรพีพงษ์ก็ยิ่งเชื่อว่าแผนที่นี้ เป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับดินแดนลึกลับ

เมื่อรอมีเวลา เขาจะไปที่สถานที่เหล่านี้ดำเนินการตรวจสอบอย่างแน่นอน พิสูจน์ยืนยันว่าตรงกันการคาดเดาของตัวเอง

แน่นอนว่า ตอนนี้เขายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ

ก่อนหน้าที่จะมาที่เทือกเขาฉินหลิง นนทภูได้โทรศัพท์หาเขา โทรศัพท์สายนั้นทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่านนทภูอาจจะประสบกับปัญหาอะไร ดังนั้นตอนนี้เขาจำเป็นต้องไปที่เทือกเขากิสนารอบหนึ่ง เพื่อดูว่านนทภูเผชิญหน้ากับอะไรกันแน่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท