พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1110 ยอมรับการสืบทอด

บทที่1110 ยอมรับการสืบทอด

รพีพงษ์พยักหน้าให้กับทั้งสองคนเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ลุกขึ้นมาเถอะ”

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันที

ชยนต์เป็นคนที่อุปนิสัยซื่อสัตย์และนอบน้อม ใจเย็นสุขุม เป็นชายวัยกลางคนที่ภาพลักษณ์ให้ความรู้สึกที่น่าเชื่อถือได้กับคน รพีพงษ์สามารถรู้สึกถึงความสงบมั่งคงจากบนตัวของเขาได้

และตมิสาก็เหมือนกับก่อนหน้านั้นที่รพีพงษ์เจอมา เป็นสาวสวยที่สามารถทำให้คนในโลกทั้งใบคลั่งไคล้ตื่นเต้นได้ เธอสวยงดงามมาก และเสน่ห์สีสันมากมาย เป็นภาพลักษณ์ที่ในใจของผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน ต่อให้รพีพงษ์จ้องมองเธอเป็นเวลานาน ก็ควบคุมไว้ไม่หยุด

ที่สำคัญด้านความเชี่ยวชาญของทั้งสองคนก็ไม่เหมือนกัน ชยนต์เชี่ยวชาญด้านพลัง ตมิสาเชี่ยวชาญการยั่วยวน เรียกได้ว่าต่างคนต่างมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง

ตอนที่รพีพงษ์จ้องมองพวกเขาทั้งสอง ตมิสายังกะพริบตาแล้วกะพริบตาเล่าให้รพีพงษ์ เต็มไปด้วยการยั่วเย้า มองดูจนหัวใจของรพีพงษ์สั่นเทา

ในเวลานี้เขากลับกังวลว่าหุ่นเชิดนี้เกิดมีสติสัมปชัญญะของตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งหรือว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งกันแน่

เมื่อบวรทัตเห็นรพีพงษ์ยอมรับความเป็นเจ้านายเสร็จ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า: “เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันสามารถให้นายได้ ก็ให้ไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสืบทอดให้กับนายแล้ว”

รพีพงษ์มองไปที่บวรทัตด้วยใบหน้าที่หนักแน่จริงจัง จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ท่านผู้อาวุโส ผมต้องทำอย่างไรบ้าง?”

“นายเพียงแค่ต้องนั่งอยู่บนพื้น การสืบทอดนี้ของฉัน รวมทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำของฉัน ฉันจะถ่ายทอดความทรงจำทั้งหมดนี้ไปในหัวสมองของนาย นับตั้งแต่นี้ไปนายสามารถดึงการสืบเหล่านี้ในความทรงจำมาตรวจสอบดูได้ทันที”บวรทัตเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็นั่งลงที่บนพื้นอย่างว่านอนสอนง่าย

บวรทัตยื่นมือออกมา ชี้ไปที่หัวของรพีพงษ์ มีแสงโผล่ออกมาจากปลายนิ้วของเขา และพุ่งเข้าสู่หัวสมองของรพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์นั่งตัวตรงขึ้นมาทันที เขารีบหลับตาของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าในสมองของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลง

ด้วยการสืบทอดที่ตัวเองมีต่อรพีพงษ์ พลังจิตดวงนี้ของเขาก็เริ่มค่อยๆโปร่งใส่ขึ้นมา รอการสืบทอดสิ้นสุดลง เขาก็ถือได้ว่าเสร็จสิ้นภารกิจของตัวเองแล้ว ก็ควรที่จะหายไปจากระหว่างฟ้าและดินแล้ว

เขามองไปที่รพีพงษ์ที่กำลังนั่งหลับอยู่บนพื้น ในใจก็เกิดความคาดหวังเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่โชคดีคนนี้จะสามารถเดินไปได้ระดับไหนกันแน่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะพิจารณาแล้ว

สำหรับยุคสมัยของเขามันสิ้นสุดลงแล้ว รพีพงษ์ ถึงเป็นตัวเอกในเวทีตอนนี้ ควรจะเดินต่อไปอย่างไร มีตัวของเขามาตัดสินใจเองก็พอแล้ว

เพราะการสืบทอดของบวรทัตมีขนาดใหญ่มากเกินไป รพีพงษ์นั่งอยู่กับพื้น ก็เป็นสามวันสามคืนแล้ว ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้าสู่ในสมองของเขา ทำให้เขาไม่สามารถไปสนใจสถานการณ์รอบๆได้

ดังนั้นตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างหลับสนิท เพียงแค่รับความทรงจำทั้งหมดนี้แล้ว ถึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้

พลังจิตของบวรทัตยิ่งอยู่ก็ยิ่งโปร่งใสมากขึ้น มองดูก็กำลังจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

และในเวลานี้ เขาก็เสร็จสิ้นการสืบทอดให้กับรพีพงษ์แล้ว

“คาดไม่ถึงยังเหลือพลังอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ช่วยเพื่อนเก่าซ่อมแซมตัวกระบี่”บวรทัตยิ้มเล็กน้อย จากนั้นอยู่ดีๆกระบี่สยบเซียนก็ปรากฏออกมา บินไปรอบๆตัวบวรทัต

มันก็ดูเหมือนอาลัยอาวรณ์บวรทัตเป็นอย่างมาก ตัวกระบี่สั่นเทาอย่างฉับพลัน เสียงเบาๆก็ส่งเสียงออกมาเป็นพักๆ เหมือนราวกับแสดงออกมาว่าตัวเองโศกเศร้า

บวรทัตยิ้มแล้วลูบตัวกระบี่ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันตายมาหลายปีแล้ว ฉันในตอนนี้ มีชีวิตอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ติดตามรพีพงษ์ เจ้าถึงจะสามารถเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งใหญ่กว่าได้”

“อยู่ที่ข้างกายของรพีพงษ์ดีๆ ช่วยเขาพัฒนาเจริญก้าวหน้า ถ้ามีโอกาส ฉันหวังว่าตอนที่รพีพงษ์ฆ่าคนนั้นในอนาคต กระบี่ที่ถือในมือ ยังเป็นเจ้า!”

กระบี่สยบเซียนปลดปล่อยเสียงสูงออกมาอย่างฉับพลัน ราวกับกำลังรับปากความต้องการของบวรทัต

บวรทัตพยักหน้าอย่างชื่นใจ จากนั้นก็ใช้พลังสุดท้ายของตัวเอง หลั่งไหลเข้าไปในกระบี่สยบเซียน

จากนั้นร่างทั้งร่างของบวรทัตก็เบลอไปอย่างรวดเร็ว มองดูก็กำลังจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในขณะนี้ มีหญิงสาวในชุดแดงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนของรพีพงษ์ คารวะให้กับบวรทัต

บวรทัตเห็นหญิงสาวในชุดแดงปรากฏตัว ก็มีรอยยิ้มที่เคารพนับถือปรากฏอยู่บนใบหน้า หลังจากที่คารวะให้เธอ ก็หายไปในระหว่างฟ้าและดินโดยสมบูรณ์

หญิงสาวในชุดแดงหันหน้าจ้องมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง จากนั้นในพริบตาเดียว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดแดง ต่างก็เฝ้าอยู่ที่ข้างกายรพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่จริงจัง รอให้รพีพงษ์เสร็จสิ้นการสืบทอด

หลังจากที่กระบี่สยบเซียนได้รับพลังของบวรทัตแล้ว ก็ลอยอยู่ด้านบนของรพีพงษ์ เริ่มที่จะซ่อมแซมตัวเอง ช่องว่างบนร่างของกระบี่ ก็เริ่มกลับมาเป็นดังเดิมมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นแบบนี้ รับการสืบทอดของบวรทัตมาทีละเล็กน้อย ก็แบบนี้ เวลาหนึ่งอาทิตย์ ผ่านไปในชั่วพริบตา

เทือกเขากิสนา บนพื้นที่ที่ห่างไกลจากเกาะศูนย์กลางออกไปสิบลี้ นนทภูที่เต็มไปด้วยความกังวลกำลังเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิม

เขาผ่านไปสักพัก ก็จะมองไปที่เกาะศูนย์กลางทุกครั้ง ในใจคาดหวังรพีพงษ์จะปรากฏตัวขึ้นมาในสายตาของเขา

แต่ว่าที่นั่นก็ไม่มีใครปรากฏตัวออกมาอยู่ตลอดเวลา

ในเวลานี้ระยะห่างจากเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่รพีพงษ์พูดถึง ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่ารพีพงษ์ก็ไม่ออกมาจากด้านใน นี่ก็หมายความว่า รพีพงษ์อาจจะติดอยู่ในนั้น หรือว่าตายไปแล้ว

นนทภูไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ดังนั้นจึงพาลูกน้องของตัวเอง เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เขาเชื่อว่าลูกชายของตัวเองไม่มีทางที่จะตายง่ายดายขนาดนั้น เขาเพียงแค่ประสบกับปัญหาบางอย่าง รออีกสักนิด เขาคงจะออกมาอย่างแน่นอน

“เจ้านาย ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ถ้าหากนายน้อยยังมีชีวิตอยู่จริงๆ น่าจะออกมาได้แล้ว ท่านไม่ได้หลับตามาสามวันสามคืนแล้ว ผู้น้อยยังหวังว่าท่านจะไปพักผ่อนสักพัก พวกเรามาเฝ้าที่นี่ไว้ก็เพียงพอแล้ว” ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำพูดกับนนทภู

เมื่อนนทภูได้ยินคำพูดของเขา ก็เตะไปที่บนตัวของเขาทันที และด่าว่า: “แกหมายความว่ายังไง! แกหาว่าลูกชายฉันตายไปแล้วเหรอ? ลูกชายของฉันโชคดีดวงแข็ง ไม่มีทางที่จะตายง่ายดายขนาดนั้น!”

ชายผู้นั้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้ว่าพูดแบบนี้นนทภูไม่มีทางที่จะฟัง ดังนั้นจึงได้เพียงเงียบ

นนทภูหันหน้ามองไปที่เกาะศูนย์กลางอีกครั้ง หรี่ตาลง เอ่ยปากพูดว่า: “เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยวางเขาไปได้ง่ายๆแบบนี้ เขาไม่ออกมาหนึ่งวัน ฉันก็จะรออยู่ที่นี่หนึ่งวัน ฉันเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ!”

คนกลุ่มหนึ่งยังคงติดตามนนทภูรออยู่ที่นี่ ยังมีคนตั้งใจย้ายเตียงมาหนึ่งเตียง เพื่อให้นนทภูพักผ่อนอยู่ที่ด้านบน นนทภูทนไม่ไหวแล้ว ก็จะนอนลงพักผ่อนสักพัก

โชคดีที่รพีพงษ์เข้าไปเป็นเวลานานขนาดนี้ ไอพิฆาตใต้ดินก็ไม่ได้แพร่กระจายออกมาด้านนอก ดังนั้นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ ยังเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัย

และเป็นเพราะไอพิฆาตไม่ได้แพร่กระจาย นนทภูถึงได้เชื่อว่า รพีพงษ์ยังคงจะมีชีวิตอยู่

ในระหว่างวัน นนทภูยังคงรอให้รพีพงษ์ออกมา

ในขณะนี้ ร่างสองร่างปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ทั้งสองคนนั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง มองแวบเดียวก็ดูออก นี่เป็นฝาแฝดคู่หนึ่ง

ถ้าหากรพีพงษ์อยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า ทั้งสองคนนี้ที่ปรากฏตัวตรงหน้านนทภู ก็คือปวัตรปวิชสองคนพี่น้อง

“ตามเบาะแสของการสอบถาม รพีพงษ์มาถึงสถานที่แห่งนี้ที่มีชื่อว่าเทือกเขากิสนาเป็นที่สุดท้าย รายละเอียดอยู่ที่ไหน ยังไม่ชัดเจน”ปวิชพูด

ปวัตรพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่นนทภู

“พวกคุณเคยเห็นคนที่ชื่อว่ารพีพงษ์มั้ย?”ปวัตรเอ่ยปากถาม

นนทภูนิ่งอึ้ง จากนั้นเอ่ยปากถามว่า: “พวกนายมาหาลูกชายของฉันทำไม?”

เมื่อปวัตรปวิชสองคนพี่น้องได้ยินคำพูดของเขา ก็นิ่งอึ้งไป ต่อจากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“พวกเรามาหาลูกชายของเพื่อแก้แค้น ตอนนี้รีบส่งมอบตัวเขาออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”

ดวงตาของนนทภูก็แน่วแน่ทันที คาดไม่ถึงสองคนนี้จะมาหารพีพงษ์เพื่อแก้แค้น

เพียงแต่ตอนนี้รพีพงษ์เป็นหรือตายยังไงก็ไม่รู้ สองคนนี้มาเพื่อแก้แค้นหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว

แต่ในไม่ช้า นนทภูก็คิดถึงวิธีที่ยอดเยี่ยมได้หนึ่งวิธี จากนั้นยิ้มแล้วพูดกับปวัตรปวิชสองพี่น้องว่า: “รพีพงษ์เข้าไปแดนลับแห่งหนึ่งของที่นี่ ถ้าหากพวกนายสองคนไม่กลัวตายจริงๆ สามารถไปหาเขาได้ในแดนลับ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท