หลังจากที่พยักหน้าให้ชยนต์และตมิสา รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่ในห้องโถงแวบหนึ่ง แววตาจับจ้องไปที่บนบัลลังก์ในห้องโถง
ในการสืบทอดที่บวรทัตให้กับรพีพงษ์ รวมทั้งความทรงจำบางอย่างก่อนหน้าที่เขายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นรพีพงษ์จึงเข้าใจบวรทัตเป็นอย่างมาก
ประสบการณ์ตลอดชีวิตของคนคนนี้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่รพีพงษ์ไม่เคยกล้าคิดมาก่อน เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนคนหนึ่งจะสามารถมีประสบกับการล้มลุกคลุกคลานขนาดนี้
ที่สำคัญในเวลานั้นโลกเต็มไปด้วยปราณทิพย์ ประสบการณ์ของบวรทัตอยู่ในใจของรพีพงษ์ก็เหมือนกับการถ่ายทำภาพยนตร์เทพนิยาย ทำให้คนนับชื่นชม
โดยเฉพาะเมื่อบวรทัตได้รับการขนานนามว่าชูราเทพเจ้าแห่งสงคราม เพื่อให้ทรัพยากรบนโลกเท่าเทียมกัน ฉากที่ทำสงครามกับกลุ่มเซียน รพีพงษ์ชื่นชมด้วยความเลื่อมใสภาพเหล่านั้นโดยสมบูรณ์
ตอนนี้เมื่อนึกถึงว่าบวรทัตได้หายไปจากโลกอย่างสมบูรณ์แล้ว บนโลกใบนี้ ตั้งแต่นี้เป็นไปก็ไม่มีบวรทัตคนนี้แล้ว และมีคนน้อยมากที่จะรู้จักชื่อนี้ ความจริงก็คือชื่อที่แท้จริงของชูราเทพเจ้าแห่งสงคราม ในใจของรพีพงษ์ก็ทอดถอนหายใจอย่างฉับพลัน
แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่อารมณ์เปราะบาง เพียงแค่ทอดถอนหายใจครั้งหนึ่ง ก็ได้แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อบวรทัตออกมาแล้ว
การสืบทอดหลักๆที่บวรทัตทิ้งไว้ให้รพีพงษ์ เป็นกลยุทธ์การฝึกฝนร่างกายที่เรียกว่าร่างเทพชูรา
ปีนั้นบวรทัตก็อาศัยร่างเทพชูรานี้ ได้รับการขนานนามว่าจอมมารชูรา ทำถึงขั้นใช้พลังของตัวเอง ต่อสู้กับระดับกลุ่มเซียน
ร่างเทพชูรามีทั้งหมดเก้าขั้นตอน แต่ละขั้นตอน ก็จะทำให้ร่างกายของผู้ฝึกฝน ได้รับความแข็งแกร่งที่คนธรรมดายากที่จะจินตนาการได้ ถ้ารพีพงษ์สามารถฝึกฝนร่างเทพชูราถึงขั้นตอนที่สูงสุดได้ และเปลี่ยนกลับบรรลุถึงระดับอมตะ
ปีนั้นบวรทัตได้บรรลุถึงแค่ระดับที่แปดของร่างเทพชูรา ก็มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับกลุ่มเซียน เพียงพอที่จะเห็นความน่ากลัวของร่างเทพชูรา
ที่สำคัญในกลยุทธ์ฝึกฝนของร่างเทพชูรา แต่ละระดับ ก็จะมาพร้อมกับตำราวิชาบู๊ ช่วยให้ผู้ฝึกฝนใช้พลังอานุภาพของร่างเทพชูราออกมาได้ดีขึ้น
วิชาบู๊ คือกลยุทธ์สำคัญที่ผู้ฝึกฝนจะแสดงประสิทธิภาพการต่อสู้ออกมา ยอดฝีมือระดับเดียวกัน ใช้วิชาบู๊และไม่ใช่วิชาบู๊ มีระยะความต่างระหว่างฟ้าและดิน
วิชาบู๊สามารถแสดงความสามารถของพลังขีดจำกัดสูงสุดของร่างกายมนุษย์ที่ฝึกฝนออกมาได้ คนคนหนึ่งเพียงฝึกฝนวรยุทธ แต่กลับไม่มีวิชาบู๊ ก็เทียบเท่ากับว่าคนคนหนึ่งที่หาเงินมาได้มากมายแต่กลับใช้จ่ายไม่เป็น
ดังนั้นวิชาบู๊สำหรับผู้ฝึกฝนแล้ว จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ก็เหมือนกับความแข็งแกร่งของผู้คนมีการแบ่งออกเป็นระดับ วิชาบู๊ก็แบ่งออกเป็นแข็งแกร่งและอ่อนแอเหมือนกัน
วิชาบู๊ปกติ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสามระดับมีสวรรค์ดินและมนุษย์
ด้วยระดับสวรรค์แข็งแกร่งที่สุด ระดับดินคือรองลงมา และระดับมนุษย์อ่อนแอที่สุด
แต่ละระดับ ยังจะแบ่งออกเป็นสามระดับคือสูงกลางและต่ำ ระดับยิ่งสูง พลังอานุภาพที่แสดงออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
แม้ว่าระดับมนุษย์จะเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดในวิชาบู๊ แต่ว่าเกิดสามารถถูกกำหนดเป็นวิชาบู๊ ก็หมายความว่ามันยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว
เหมือนฝ่ามือดาวฟ้าที่รพีพงษ์ชำนาญก่อนหน้านี้ เชิญพระจันทร์ และฝ่ามือธันเดอร์ พลังอานุภาพถือได้ว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่ว่าระยะทางของพวกมันกับวิชาบู๊ที่แท้จริงยังมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ต่อให้เป็นระดับมนุษย์ที่ต่ำที่สุดของระดับต่ำในวิชาบู๊ ก็ยังยิ่งใหญ่แข็งแกร่งกว่ากลยุทธ์ทั้งหมดที่รพีพงษ์ชำนาญก่อนหน้านี้
ดังนั้นในโลกและทวีปโอชวินที่ผ่านมา แต่ไหนแต่ไรมาวิชาบู๊เป็นทรัพยากรที่ผู้ฝึกฝนแย่งกันจนหัวร้างข้างแตก
วิชาบู๊ระดับมนุษย์หนึ่งตำรา ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งหวั่นไหว วิชาบู๊ระดับดินก็สามารถทำให้โลกฝึกฝนทั้งหมดก่อให้เกิดความรู้สึกตื่นตระหนกตกใจได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาบู๊ระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด
วิชาบู๊ระดับสวรรค์ แม้จะเป็นเพียงระดับต่ำ เกิดออกมาสักครั้ง คงจะนองเลือดแน่ๆ ซากศพกลาดเกลื่อนหลายหมื่นลี้
และในร่างเทพชูราที่บวรทัตทิ้งไว้ให้รพีพงษ์ แม้ว่าจะเป็นเพียงระดับแรก สอดแทรกด้วยวิชาบู๊ ก็เป็นระดับสูงของระดับมนุษย์ ไม่รู้ว่าหลังจากที่รพีพงษ์ฝึกฝนร่างเทพชูรา ถึงระดับสูงสุด จะได้รับวิชาบู๊ระดับไหน