พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1123 หนอนพิษ

บทที่ 1123 หนอนพิษ

นลินได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าที่งุนงง เอ่ยปากถามว่า: “ทำไมต้องพูดแบบนี้? ถ้าหากไม่มีลุงใหญ่ ตอนที่ฉันอายุห้าปีก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลณัฐรัชต์แล้ว ที่สำคัญไม่มีการกำราบของถุงหอมนี้ฉันก็ถูกพ่อแม่มองว่าเป็นสัตว์ประหลาดแล้วจัดการอย่างโหดร้าย”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “นี่ก็คือความฉลาดของลุงใหญ่ของคุณ ทั้งๆที่หลอกคุณมานานหลายปีแล้ว แต่กลับยังสามารถทำให้รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าทุกการตัดสินใจของเขาก็เพื่อคุณ สิ่งนี้ถึงน่ากลัวมากที่สุด”

“รบกวนคุณพูดให้ชัดเจนด้วย คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ลุงใหญ่ของฉันดีกับฉันมากมาตั้งแต่เล็ก ฉันถือว่าเขาเป็นเหมือนกับพ่อฉันคนหนึ่ง ฉันไม่อนุญาตให้ใครมาพูดให้ร้ายเขาแบบนี้” นลินเริ่มโกรธอย่างเห็นได้ชัด

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า:“ตั้งแต่วันที่คุณเกิดมา ก็ถูกเชื่อว่าเป็นเด็กที่จะนำความโชคร้ายมาให้ผู้คน จากนั้นปีที่คุณอายุห้าปี และคุณเริ่มนำความโชคร้ายมาให้ผู้คนอย่างแท้จริง คือเริ่มตั้งแต่คุณใส่ถุงหอมตอนอายุห้าปี คุณไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาดมากเหรอ?”

นลินขมวดคิ้ว เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันบอกกับนายแล้วไม่ใช่เหรอ ห้าปีก่อนหน้านี้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เป็นเพราะท่านปรมาจารย์กำราบความโชคร้ายบนร่างกายของฉัน เรื่องนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดเหรอ?”

“ในใจของฉันเป็นเพราะกำลังรู้สึกซาบซึ้งต่อท่านปรมาจารย์ท่านนั้น ดังนั้นถึงได้พูดกับคุณสุภาพแบบนี้ ถ้าหากคุณมาเพียงเพื่อพูดว่าร้ายลุงใหญ่ของฉัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องคุยกันต่อไป”

รพีพงษ์ไม่ได้โกรธ แต่เอ่ยปากพูดว่า“สิ่งที่คุณพูดอาจจะไม่ผิด ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะรู้ว่า คุณเคยวางถุงหอมถุงนี้ลงมั้ย จากนั้นดูว่าตัวเองยังนำความโชคร้ายมาให้คนอื่นมั้ย?”

นลินเชิดหน้าขึ้น แล้วพูดว่า: “ลุงใหญ่ของฉันให้ฉันต้องพกถุงหอมถุงนี้ตลอด ไม่อย่างนั้นจะนำหายนะมาให้คนอื่น แม้ว่าฉันจะเกลียดคนเหล่านั้นที่เห็นเป็นสัตว์ประหลาด แต่ว่ายังไม่ชั่วร้ายถึงขั้นพอที่จะทำร้ายผู้คนได้”

“ดังนั้น คุณไม่รู้ด้วยซ้ำ หลังจากที่คุณเอาถุงหอมนี้ออกมาจากร่างกายของคุณ ยังจะทำให้คนอื่นโชคร้ายหรือเปล่า” รพีพงษ์เอ่ยปากพูดว่า

นลินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ว่าสิ่งที่รพีพงษ์พูดจะถูกหรือไม่ คำพูดนี้ของเขากลับทำให้เธอตระหนักถึงอะไรบางอย่าง

ตั้งแต่ตั้งจนจบ เรื่องทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับว่าเธอเชื่อของเรื่องราวของปิยะพล

แม้ว่าเธอจะยอมรับความจริงมานานแล้วว่าเมื่อห้าปีก่อนหน้านั้นไม่ได้นำความโชคร้ายมาสู้ผู้คน เป็นเพราะความช่วยเหลือของท่านปรมาจารย์ แต่คำพูดของรพีพงษ์ ยังทำให้ในใจของเธอสั่นไหว

“ฉันเชื่อลุงใหญ่ของฉัน เขาไม่มีทางทำร้ายฉัน” นลินจ้องมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า

รพีพงษ์มองนลิน เอ่ยปากถามว่า: “ถ้าหากสิ่งเหล่านี้ลุงใหญ่ของคุณตั้งใจจัดเตรียมล่ะ? ทำไมวันที่คุณเกิดก็บังเอิญมีท่านปรมาจารย์ท่านหนึ่งมาพอดี ยังช่วยคุณกำราบความโชคร้ายห้าปีด้วย?”

“และเมื่อเวลาใกล้ครบห้าปี ลุงใหญ่ของคุณก็ได้รับถุงหอมมาจากท่านปรมาจารย์ท่านนั้นเหรอ?”

“ที่สำคัญสิ่งหนึ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ในเมื่อวิชาของท่านปรมาจารย์เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว ทำไมไม่ตรงมาช่วยคุณกำราบความโชคร้ายในร่างกาย แม้ว่าจะกำราบไม่ได้สิบปี แต่กำราบห้าปีได้ สำหรับคุณก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า”

“และถุงหอมที่คุณพกอยู่ตอนนี้ ตอนที่อายุยี่สิบห้าก็ยังคงถูกท่านปรมาจารย์คนนั้นเอาไป หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีช่องโหว่เป็นมากบ้างเหรอ?”

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้นลินเริ่มไม่พอใจขึ้นมา ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็คิดว่าปิยะพลเป็นคนที่ใกล้ชิดกับตัวเองมากที่สุด จากก้นบึ้งของหัวใจก็ไม่มีทางคิดว่าปิยะพลจะทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายตัวเองได้ ดังนั้นไม่มีทางที่จะไปพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้

และคนของตระกูลณัฐรัชต์ก็ไม่มีทางไปคิดแบบนี้ พวกเขาคิดเพียงว่าตัวเองไม่โชคร้ายก็พอแล้ว

ตอนนี้รพีพงษ์พูดปัญหาเหล่านี้ออกมา นลินถึงได้ตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล

ทุกสิ่งที่เธอรู้ ถูกบอกเล่าโดยผู้อาวุโส เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ในปีนั้นตอนที่เธอเกิด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ

แม้แต่ผลอุดมสองคนสามีภรรยา ก็อธิบายสถานการณ์ของปีนั้นได้ไม่ชัดเจน ตอนนั้นภรรยาของผลอุดมเพิ่งคลอดลูก และหมดสติไม่รู้สึกตัว และผลอุดมก็เป็นเพราะทำงานดึกถึงกลับมา

รายละเอียดสถานการณ์ของวันนั้น ก็บอกเล่ามาจากปิยะพล

สิ่งเดียวที่แน่ใจได้ ในวันนั้นที่นลินเกิด มีฝนตกหนักจริงๆ ฟ้าร้องฟ้าแลบ และอากาศแบบนี้ก็ก่อให้อุบัติเหตุบนถนนมากขึ้น ดังนั้นประกาศอย่างหนักแน่นว่าการเกิดมาของนลินก่อให้เกิดความโชคร้าย ซึ่งค่อนข้างห่างไกลกันมาก

ทันใดนั้นสีหน้าของนลินก็มีความเจ็บปรากฏขึ้นมา เธอไม่สามารถยอมรับความจริงแบบนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เป็นเพียงคำพูดด้านเดียวของรพีพงษ์ และไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาพูดถูก

“คุณอย่าได้ใช้คำพูดเหล่านี้มาทำให้ฉันสับสนแล้ว ต่อให้คุณจะพูดมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เชื่อว่าลุงใหญ่ของฉันจะทำร้ายฉัน วันนี้พวกเราก็พอแค่นี้เถอะ ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรแน่ แต่ว่าถ้าหากนายเกิดความคิดไม่ซื่อกับตระกูลณัฐรัชต์ของฉัน ฉันเตือนคุณทางที่ดีรีบหยุดโดยเร็วที่สุด คุณไม่มีทางมีจุดจบที่ดี”

หลังจากที่นลินพูดจบ ก็จะรีบออกจากที่นี่ เธอต้องการสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

รพีพงษ์ขว้างตรงไปที่ตรงหน้าของเธอ แล้วพูดว่า: “ฉันยังมีอีกหนึ่งวิธี พิสูจน์ว่าคุณถูกลุงใหญ่ของคุณขังไว้ในความมืดมิดมาโดยตลอด”

“วิธีอะไร?”นลินนิ่งอึ้งชั่วครู่

รพีพงษ์เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้เธอ จากนั้นหยิบถุงหอมถุงนั้นออกมาจากบนตัวของเธอทันที

เมื่อนลินเห็นเช่นนี้ สีหน้ามึนงง ก็จะรีบแย่งถุงหอมของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว

“คุณเอาถุงหอมคืนมาให้ฉันเดี๋ยว ไม่มีการกำราบของถุงหอม ความโชคร้ายจะติดตัวของคุณ และตายทันที!”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “คนที่ตายคือฉันไม่ใช่คุณ คุณกลัวอะไร?”

ต่อจากนั้นเขาก็เปิดถุงหอมนั้นทันที

ใบหน้าของนลินเต็มไปด้วยความกังวล แต่ไม่มีทาง เธอไม่สามารถแย่งกับรพีพงษ์ได้

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนเข้ามาขว้างนลินไว้ ตมิสาเอ่ยปากพูดว่า: “เชื่อใจฉัน เจ้านายของพวกเราไม่มีทางทำร้ายเธอ”

ใบหน้าของนลินเต็มไปความไม่มีทางเลือก แต่ว่าในใจก็เกิดความสงสัย ตั้งแต่แรกที่เธอจำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ถุงหอมออกจากร่างกายของตัวเอง

ที่ผ่านมาลุงใหญ่บอกเธอมาโดยตลอดว่า เกิดถุงหอมออกจากตัวของเธอ ทุกคนรอบตัวก็จะตาย ดังนั้นเธอไม่เคยกล้าที่จะถอดมันออกมา

แต่ว่าตอนนี้รพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร หรือว่าเหตุผลเป็นเพราะพวกเขาเป็นท่านปรมาจารย์เหรอ?

หลังจากที่รพีพงษ์เปิดถุงหอมออกมา เทสิ่งที่อยู่ด้านในออกมา นั่นคือสิ่งที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษสีเหลืองที่มีสัญลักษณ์ของยันต์อยู่ในนั้น

เหตุผลที่พลังจิตของรพีพงษ์ถูกแว้งกัด อาจจะเป็นเพราะกระดาษยันต์สีเหลืองนี้

เขาดึงยันต์ออกมาทันที ต่อจากนั้น ก็เห็นแมลงที่มีกลิ่นแปลกๆปรากฏตัวอยู่ในมือของตัวเอง

ดูเหมือนว่าหนอนนั้นจะเคยแช่อยู่ในน้ำยาพิเศษบางอย่างมาก่อน และดูดแข็งทื่อและน่าสะพรึงกลัว

เมื่อตอนที่รพีพงษ์เห็นหนอนตัวนี้เป็นอันดับแรก ในหัวสมองก็โผล่ขึ้นมาคำหนึ่ง

หนอนพิษ!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท