พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1130 หมอเทวดา

บทที่ 1130 หมอเทวดา

ทุกคนหันหน้ามองไปที่หน้าประตู เห็นชายชราผมหงอกคนหนึ่ง ที่สวมใส่ผ้าลินินที่โบราณเรียบง่ายเดินเข้ามาในสวนลานหลัก ข้างหลังยังมีลูกศิษย์ที่แบกกล่องยาตามอยู่

คนคนนี้ชื่อว่าธุวชิต เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเมฆา เพราะปกติชื่นชอบเดินทางไปทั่วโลก ตำแหน่งที่อยู่ไม่แน่นอน รวมทั้งทักษะทางการแพทย์เป็นเลิศ ทิ้งวีรกรรมไว้มากมาย นำไปสู่ผู้คนในจังหวัดเมฆาก็ถือว่าเป็นหมอเทวดาที่มีชีวิตอยู่

หลายคนที่เป็นโรครักษาไม่หายก็จะไปหาธุวชิต ขอให้เขาลงมือช่วยเหลือ และคนส่วนใหญ่ที่ผ่านการรักษาของธุวชิต ก็จะหายเป็นปกติ

เป็นเพราะแบบนี้ ชื่อเสียงของธุวชิตยิ่งอยู่ยิ่งโด่งดัง

เพียงแต่ว่าตำแหน่งที่อยู่ของเขาไม่แน่นอน บอกไม่ได้ว่าไปที่ไหน ดังนั้นยากที่จะหาตัวพบ นับประสาอะไรกับการเชิญมารักษาโรคให้ใครสักคน

หลายคนมองว่าเป็นเกียรติที่สามารถเชิญหมอเทวดาชิตมารักษาได้

ครั้งนี้ปิยะพลก็ใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงได้เชิญธุวชิตมาถึงที่เมืองภูเขาขาวได้

ไม่อย่างนั้นด้วยระดับชื่อเสียงของธุวชิต ไม่มีทางที่จะมาเมืองเล็กๆอย่างเมืองเขาขาวแบบนี้

หลังจากที่ผู้คนเห็นธุวชิต ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความนับถือเคารพในทันที

“คนคนนั้นก็คือหมอเทวดาชิตเหรอ เหมือนกับในตำนานจริงๆ อมตะแบบเซียนจริงๆ นี่ถึงจะเป็นหมอเทวดาที่แท้จริง”

“หมอเทวดาก็คือหมอเทวดา แม้แต่การเดินยังไม่เหมือนกับพวกเรา ไม่รู้ว่าเดี๋ยวฉันจะมีโอกาสให้หมอเทวดาช่วยดูโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของฉันได้หรือเปล่า”

“ลูกศิษย์ที่ตามอยู่ข้างหลังหมอเทวดาดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ถ้าลูกชายของฉันสามารถเป็นเพื่อนกับเด็กนักเรียนของหมอเทวดาก็ดีแล้ว”

…..

เมื่อรพีพงษ์ได้คำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน ก็มองไปที่หมอเทวดาคนนี้แวบหนึ่ง และไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเป็นพิเศษ

อย่างดีที่สุดก็แค่ชายชราผมหงอกคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ดูเหมือนว่าหลังจากที่คนคนหนึ่งมีชื่อเสียงแล้ว ต่อให้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ สายตารอบตัวที่มองก็จะกลายเป็นพิเศษ

หลังจากที่ผลอุดมเห็นหมอเทวดา ก็ตรงเข้าไปที่ด้านหน้า พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพว่า: “หมอเทวดาชิต ท่านสามารถมาช่วยรักษาโรคให้กับภรรยาของผมได้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับวงศ์ตระกูลพวกเราจริงๆ บุญคุณอันใหญ่หลวงของท่านผมจะจดจำตลอดไป!”

ปิยะพลก็เดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูดว่า: “หมอเทวดาชิต การมาของท่านทำให้วงศ์ตระกูลของเรามีหน้ามีตามีเกียรติ เชิญเข้ามาด้านในก่อนเถอะ ”

ธุวชิตพยักหน้าให้พวกเขาสองคนเบาๆ จากนั้นเดินเข้าไปด้านใน

เขาชินกับการที่คนอื่นเกรงใจเขามากขนาดนี้มานานแล้ว เมื่อนานเข้าก็กลายเป็นนิสัยที่ใช้ชีวิตมีเกียรติและร่ำรวย

หลังจากที่หมอเทวดาชิตเข้ามาในห้องรับแขก ทั้งหมดก็รีบตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว ต้องการดูทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาว่าเป็นเลิศแค่ไหนกันแน่

ก่อนหน้านั้น ผลอุดมก็ได้ย้ายเตียงของภรรยาของเขามาไว้ที่นี่ ในเวลานี้ภรรยาของเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องรับแขก บนร่างกายมีจุดดำมากมาย คนทั้งคนก็ซึมๆ ดูเหมือนแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืนก็ไม่มี

ผลอุดมมองไปที่ธุวชิตอย่างอ้อนวอน เอ่ยปากพูดว่า: “หมอเทวดาชิต ภรรยาของผมเป็นโรคประหลาดมานานหลายปีแล้ว ไม่สามารถรักษาหายได้ หมอเทวดาชิตได้โปรดช่วยเธอกลับมาด้วย ไม่อย่างนั้น เธออาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วจริงๆ”

ธุวชิตมองไปที่เขาแวบหนึ่ง พูดอย่างรำคาญว่า: “เอาล่ะ วิธีการรักษาเป็นเรื่องของฉัน ไม่ใช่ว่านายพูดไม่กี่คำ ทักษะทางการแพทย์ของฉันจะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ถ้านายอยากให้ฉันรักษาโรคดีๆ ก็อย่าพูดมาก”

ใบหน้าของผลอุดมเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน รีบกล่าวอย่ารู้สึกผิดว่า: “ครับๆ ผมพูดมากไปเอง หมอเทวดาชิตอย่าได้โกรธ”

ทุกคนไม่กล้าออกเสียงอีกต่อไป กลัวว่าจะทำให้หมอเทวดาโกรธ

ธุวชิตเดินตรงไปที่เตียง มีคนนำเก้าอี้มาวางให้เขาทันที ธุวชิตนั่งลงมา จ้องมองไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง

ลูกศิษย์คนนั้นวางกล่องยาของธุวชิตลงมา จากนั้นกวาดสายตาไปที่ทุกคน เอ่ยปากพูดว่า: “ตอนที่อาจารย์ของฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนทำการรักษา ดังนั้นพวกคุณก็ห้ามพูด ถ้าหากเพราะพวกคุณรบกวนการรักษาของอาจารย์ฉัน สุดท้ายนำไปสู่การรักษาไม่หาย อาจารย์ของฉันจะไม่รับผิดชอบ!”

รพีพงษ์มองไปที่เด็กนักเรียกคนนี้บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะหยิ่งยโสมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาตามธุวชิตอยู่ที่ข้างนอกไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วยจริงๆ

แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เด็กคนนี้ได้รับความรู้สึกของการเคารพจากผู้คนตั้งแต่เด็ก แต่แบบนี้ก็จะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในเส้นทางชีวิตของเขาในอนาคตเช่นเดียวกัน ถ้าหากธุวชิตตายไป เขายังปฏิบัติแบบนี้ต่อผู้คน เกรงว่ามักจะถูกทุบตี

ธุวชิตจ้องมองไปที่จุดดำบนร่างกายแม่ของนลินแวบหนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปแตะ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

เห็นได้ชัด อาการแบบนี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ต่อให้ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะยอดเยี่ยม เมื่อเห็นอาการแบบนี้ ก็ต้องคิดดีๆว่าควรรักษาอย่างไร

ในเวลานี้ความสนใจของรพีพงษ์มุ่งไปที่บนร่างกายแม่ของนลิน เขาปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมาทันที ปกคลุมที่ร่างกายแม่ของนลิน

ในพริบตาเดียว รพีพงษ์ก็เห็นลมปราณสีดำก้อนหนึ่งกำลังก่อตัวอยู่ภายในร่างกายแม่ของนลิน ตำแหน่งของก้อนลมปราณสีดำนี้อยู่บนหน้าอกแม่ของนลิน ไหลเวียนไปทั่วอย่างไม่หยุด กัดกร่อนอวัยวะภายในของเธอ

และลมปราณสีดำก้อนนี้เหมือนกับลมปราณของหนอนพิษที่รพีพงษ์คลี่คลายไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าแม่ของนลินน่าจะสัมผัสนลินมากเกินไป ซึ่งทำให้พิษของหนอนพิษเข้าสู่ในร่างกายของเธอ และหล่อเลี้ยงเป็นก้อนลมปราณสีดำออกมา

หลังจากที่เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รพีพงษ์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ ถ้าหากเป็นหนอนพิษ ต้องการจะจัดการไม่ได้ยากขนาดนั้น

สำหรับอวัยวะภายในแม่ของนลินที่ถูกกัดกร่อนนั้น หลังจากพักฟื้นมาระยะหนึ่งก็สามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้

เขาหันหน้ามองไปที่หมอเทวดาชิตแวบหนึ่ง เห็นท่าทางที่ขมวดคิ้วของเขา ในใจก็เข้าใจเขาคงจะไม่สามารถจัดการกับอาการแบบนี้ได้

ไม่ว่าทักษะทางการแพทย์จะยอดเยี่ยมเพียงใด คงจะไม่สามารถจัดการหนอนพิษแบบนี้ได้อย่างแน่นอน ครั้งนี้ธุวชิตถือได้ว่าประสบกับปัญหาที่ยากแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ จึงหยิบถุงที่เต็มไปด้วยเข็มเงินออกจากกล่องยา

ดูท่าทาง เขาต้องการจะลองใช้เข็มเงินก่อน

โดยทั่วไปหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงแบบนี้ ต่อให้เจอกับโรคที่ตัวเองรักษาไม่ได้ ก็จะเสแสร้งทำเป็นการรักษาครั้งหนึ่ง ไม่มีทางที่จะให้ผู้คนรู้ว่าความจริงเขารักษาโรคนี้ไม่ได้

ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงหมอเทวดาของเขาก็จะเสีย

และตราบใดที่รักษาแล้ว ต่อให้รักษาไม่หาย เขาก็สามารถใช้ข้ออ้างว่าเชิญตัวเองมาช้าเกินไป ป่วยหนักเกินกว่าที่จะเยียวยาแล้ว เขาก็ไม่มีทางรักษาแล้ว

รพีพงษ์จ้องมองธุวชิตที่เอาเข็มเงินออกมา กดจุดฝังเข็มหลายจุดบนร่างกายแม่ของนลินหลายครั้ง จากนั้นเห็นตำแหน่งหน้าอก และต้องการที่จะฝังลงไป

นี่คือตำแหน่งของลมปราณสีดำก้อนนั้นพอดี ถ้าหากฝังลงไป คงจะทำให้ลมปราณสีดำปั่นป่วน ถึงเวลาเกรงว่าแม่ของนลินจะตายเร็วขึ้น

เพราะเขารับปากนลินแล้ว ดังนั้นทำได้เพียงยืนออกมา จ้องมองไปที่ธุวชิตแล้วพูดว่า: “ถ้าหากคุณฝังเข็มนี้ลงไป ไม่เพียงแต่รักษาโรคของเธอไม่หาย ตรงกันข้ามกันยังจะทำให้อาการของเธอกลายเป็นแย่ลงมากขึ้น!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท