พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1134 ทำได้เพียงใช้วิธีนี้

บทที่ 1134 ทำได้เพียงใช้วิธีนี้

“พอจะบอกได้ไหมว่านายรู้จักกับนลินได้ยังไง นลินนำพาความโชคร้ายให้คนอื่นตั้งแต่เด็กๆ พูดตามหลักแล้วไม่ควรจะมีใครเป็นเพื่อนกับเธอสิถึงจะถูก ฉันสงสัยว่าทำไมนายถึงไม่กลัวความโชคร้ายจากตัวของนลิน” ปิยะพลถามลองเชิง

ตอนนี้เขารับรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา การที่สามารถเป็นเพื่อนกับนลินได้ แถมยังสามารถรักษาอาการป่วยของแม่นลินได้อีก จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร

ตอนนี้เขาไม่แน่ใจถึงวัตถุประสงค์ที่รพีพงษ์มาที่ตระกูลณัฐรัชต์ ดังนั้นเขาจึงอยากลองเชิงรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนดวงแข็ง ดังนั้นผมจึงไม่กลัวความโชคร้าย การที่เป็นเพื่อนกับนลินก็เป็นความบังเอิญ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คนอื่นพูดกัน คุณว่าไหม นายท่านตระกูลลิลิตจันทรา”

ฟังคำพูดที่เหมือนมีอะไรของรพีพงษ์ ทำให้ปิยะพลจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ารพีพงษ์จะทำอะไร แต่ว่ารพีพงษ์รักษาอาการของแม่นลินจนหาย เขาไม่สามารถทำอะไรรพีพงษ์ได้

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า “ใช่ จริงๆ แล้วนลินเป็นเด็กดี แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ยุติธรรม ที่ให้เธอเกิดมาพร้อมกับโชคร้าย”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่แน่อาจจะไม่ใช่ตั้งแต่เกิดก็ได้นะครับ”

ปิยะพลขมวดคิ้วและมองรพีพงษ์ด้วยแววตาที่แปลกไป

แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “แต่ไม่ว่ายังไง ขอบคุณนายที่รักษาโรคของแม่นลินให้หายดี ครอบครัวของเราจะต้องขอบคุณนาย อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดของนลินแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นท่านปรมาจารย์จะมาที่บ้านของฉัน นายอยู่บ้านเราต่ออีกสักสองสามวันสิ ไม่แน่เมื่อถึงตอนนั้นท่านปรมาจารย์อาจจะมีวาสนากับนายและทำให้นายโชคดีก็ได้”

“ผมกำลังคิดแบบนี้อยู่พอดี” รพีพงษ์ตอบ

ปิยะพลพยักหน้า และไม่พูดอะไรกับรพีพงษ์อีก เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่ารพีพงษ์มาเพราะจุดประสงค์อะไร ถึงแม้อีกฝ่ายจะค่อนข้างลึกลับมาก แถมยังรักษาอาการแม่ของนลินจนหาย แต่เขายังดูเด็กมาก

ดังนั้นปิยะพลไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะมีผลกระทบอะไรกับแผนของเขาหรือเปล่า

เขาให้รพีพงษ์อยู่รอคนมีตำแหน่งที่กำลังจะมา เพราะเขาต้องการป้องกันไว้ก่อน ถ้ารพีพงษ์ประสงค์ร้ายขึ้นมา เมื่อท่านปรมาจารย์มาถึง ตอนนั้นเขาจะได้ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ตอนนี้ธีรเดชมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคียดแค้น ตอนนี้เขาเกลียดรพีพงษ์เข้ากระดูก คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะรักษาแม่ของนลินจนหาย ทำให้เขาไม่มีข้ออ้างจัดการกับรพีพงษ์

แต่ว่าเขาไม่ยอมแพ้หรอก ถ้ามีโอกาสขึ้นมาเขาไม่เกรงใจรพีพงษ์แน่นอน

หลังจากที่ทุกคนหายตกใจ ก็พากันแยกย้าย อาการแม่ของนลินหายดีแล้ว จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก

ธุวชิตรับรู้ถึงความผิดของตัวเอง หลังจากที่เขาขอโทษรพีพงษ์อีกครั้ง เขาจึงพานักเรียนแพทย์ออกไปจากที่นี่

ก่อนที่พวกเขาจะกลับไป รพีพงษ์ฟื้นคืนการพูดให้นักเรียนแพทย์คนนั้น

นักเรียนแพทย์คนนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ครั้งนี้เป็นความจำที่ยาวนาน เขาบอกธุวชิตว่ารพีพงษ์มีเวทมนตร์ แต่ธุวชิตกลับด่าเขา บอกว่าทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์สุดยอดมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นที่มีเวทมนตร์

บนโลกนี้ไม่มีเทวดา จะมีเวทมนตร์ได้อย่างไร

หลังจากที่ทุกคนแยกย้าย รพีพงษ์ก็ออกจากที่นี่ มีเพียงผลอุดมกับภรรยาเท่านั้นที่กำลังตกตะลึง

แม่ของนลินจำคำพูดของรพีพงษ์ได้ดี เธอไม่ได้เล่าเรื่องที่รพีพงษ์บอกให้คนอื่นฟัง เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่สามารถช่วยลูกสาวของเธอได้มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้น ตอนนี้ความหวังของเธอทั้งหมดอยู่ที่รพีพงษ์

ช่วงค่ำ รพีพงษ์มาถึงที่บ้านของนลิน

เขาเดินไปที่ประตูห้องของนลินและยกมือเคาะประตูห้อง

หลังจากที่ผ่านความกระอักกระอ่วนครั้งที่แล้ว เขาจึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไปในห้องของนลินอีก

“เข้ามา” เสียงของนลินดังขึ้นมา รพีพงษ์จึงผลักประตูเข้าไป

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือหลังจากที่เขาเข้ามาในห้อง ก็พบว่านลินกำลังอาบน้ำและรีบวิ่งเข้าไป

“เธอ…เธอกำลังอาบน้ำ ทำไมถึงให้ฉันเข้ามาล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยถาม

ตอนนี้นลินไม่ได้อายเหมือนตอนก่อน เธอยิ้มให้รพีพงษ์แล้วพูดว่า “พี่รพีพงษ์ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่กลัวพี่เห็นหรอก”

รพีพงษ์กระแอมออกมาสองทีแล้วพูดว่า “เธอไม่กลัว แต่ฉันกลัว ฉันให้เธอใส่เสื้อผ้าให้เสร็จแล้วค่อยเข้ามาดีกว่า”

พูดจบรพีพงษ์ก็รีบเดินออกไปข้างนอก

นลินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น

เธอรู้ว่าหลังจากสองวันนี้ท่านปรมาจารย์ก็จะมาถึง ถึงรพีพงษ์บอกว่าจะช่วยเธอ แต่เมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ยังไม่รู้ สองวันนี้อาจจะเป็นสองวันที่เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

ในสองวันนี้เธออยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

ถ้าเป็นไปได้ เธออยากสัมผัสความรู้สึกถึงการเป็นผู้หญิงว่าเป็นอย่างไร

รพีพงษ์เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดของเธอโดยไม่ต้องสงสัย อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าถึงเธอจะถวายตัวให้รพีพงษ์เธอก็ไม่สนใจ ดังนั้นเธอต้องกล้าที่จะลองสักครั้ง

เธอออกมาจากอ่างอาบน้ำ หลังจากที่เอาผ้าขนหนูมาคลุมตัว เธอก็ตะโกนออกมาข้างนอกว่า “พี่รพีพงษ์ ฉันใส่เสื้อเสร็จแล้ว พี่เข้ามาได้แล้ว”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเสียงของนลิน สีหน้าของเขาก็สงสัยและคิดในใจว่าเธอใส่เสื้อผ้าเร็วมาก นี่ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าจะใส่เสื้อผ้าเสร็จเร็วขนาดนี้

เขาเดินเข้าไปในห้อง หลังจากที่เข้ามาก็เห็นนลินตัวเปียกและมีผ้าขนหนูห่อตัวของเธอ เขารีบหันขวับไปทันที

“เธอใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยถาม

นลินหัวเราะออกมา “พี่รพีพงษ์ พี่กลัวผ้าขนหนูนี้จะเป็นอุปสรรคเหรอ ถ้าพี่คิดว่าผ้าขนหนูผืนนี้เป็นอุปสรรค ฉันถอดมันออกก็ได้”

รพีพงษ์รีบโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว”

นลินเอามือป้องปากหัวเราะ คิดในใจว่าท่าทางของรพีพงษ์น่ารักดี

“ฉันมาหาเธอเพราะมีเรื่องอยากบอก อาการป่วยของแม่เธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว พักฟื้นอีกสักระยะก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

เมื่อนลินได้ยินที่รพีพงษ์พูดก็ตกใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน

เธอเดินไปหารพีพงษ์แล้วมองเขาอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณนะคะพี่รพีพงษ์”

“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง” รพีพงษ์ตอบ

นลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเหมือนเธอตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เธอปลดผ้าขนหนูบนตัวออกแล้วกอดรพีพงษ์เอาไว้

“พี่รพีพงษ์ นลินไม่มีทางตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพี่ได้ ตอนนี้มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น หวังว่าพี่รพีพงษ์จะไม่รังเกียจนลิน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท