พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1136 ดื่มเหล้า

บทที่ 1136 ดื่มเหล้า

ภายในห้องอาหาร

พวกธีรเดชนั่งข้างหน้าโต๊ะอาหาร ส่วนรพีพงษ์กำลังจะหาที่นั่งตรงมุม ระหว่างที่เขากำลังจะนั่งลง ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบพูดออกมาว่า “นายอย่ามานั่งตรงนี้ ฉันกลัวว่านายจะทำให้ฉันซวย”

รพีพงษ์เหนื่อยใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และจะไปนั่งอีกด้าน แต่คนที่นั่งอยู่อีกด้านก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันก็กลัวซวยเหมือนกัน นายไปนั่งที่อื่นเถอะ”

ตอนนี้ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ด้วยสายตาหวาดระแวง เหมือนกลัวว่าเขาจะไปนั่งใกล้พวกเขาอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อธีรเดชเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ เขาทำเป็นไม่เห็นเพราะอยากให้รพีพงษ์รู้สึกอับอายอีกสักพัก

รพีพงษ์เบะปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ทานข้าวอีก พวกนายทานกันไปเถอะ”

พูดจบเขาก็หันหลังจะเดินออกไป

ธีรเดชรีบพูดขึ้นมาว่า “อย่าๆๆ รพีพงษ์มานั่งข้างฉันสิ ฉันไม่รังเกียจนาย”

เขาลุกขึ้นและดึงรพีพงษ์กลับมา จากนั้นจึงให้เขานั่งลงข้างตัวเอง ส่วนคนที่นั่งอยู่อีกด้านคือดนัทธ์

เมื่อรพีพงษ์เห็นเช่นนี้ เขาก็พอจะเดาได้ในใจ การที่ธีรเดชชวนเขามาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากขอโทษ ธีรเดชคงคิดไว้แล้วว่าจะจัดการเขายังไง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลับไป เขาอยากรู้ว่าธีรเดชจะจัดการเขายังไง

“ขอโทษนะรพีพงษ์ เพราะชื่อของนลินค่อนข้างแย่สำหรับพวกเรา ทำให้พวกเขากลัวนายน่ะ นายอย่าเก็บไปใส่ใจเลย” ธีรเดชทำเป็นพูดปลอบใจ

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”

ธีรเดชเอาเมนูอาหารมาและสั่งอาหารกับเหล้า จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่รพีพงษ์ช่วยชีวิตแม่ของนลินให้ทุกคนฟัง

หลังจากที่ทุกคนได้ฟัง ภายนอกพวกเขานับถือรพีพงษ์จริงๆ แต่ภายในใจยังคงมีอคติกับรพีพงษ์เป็นอย่างมาก

ชื่อเสียงของนลินเป็นที่เลื่องลือในเมืองภูเขาขาวมายี่สิบกว่าปี ทุกคนจะยอมรับคนที่เป็นเพื่อนของนลินง่ายๆ ได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน ธีรเดชก็ส่งข้อความไปในกลุ่มที่พวกเขาพูดคุยกัน

“วันนี้ฉันบอกว่าจะขอโทษเขา แต่เป็นเพียงการหลอกเขาเท่านั้น ไอ้หมอนี่มันทำให้ฉันตกใจจนน่าสมเพช ฉันต้องชำระแค้นครั้งนี้ เดี๋ยวพวกนายมอมเหล้าเขาให้เต็มที่ ถ้าทำให้เขาเมาได้ คืนนี้เราจะทำอะไรกับเขาก็ได้”

ทุกคนพากันยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความที่ธีรเดชส่งมา รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนับสนุนแผนการของธีรเดช

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือรพีพงษ์ใช้พลังจิตอ่านข้อความที่ธีรเดชส่งมา

รพีพงษ์ยิ้มออกมา ถ้านี่คือแผนการที่ธีรเดชจะจัดการเขา มันช่างเป็นแผนที่ง่ายดายเหลือเกิน

เมื่อทุกคนเห็นรพีพงษ์หัวเราะ ต่างพากันคิดในใจว่ารพีพงษ์โง่ อีกไม่นานเขาก็จะโดนจัดการแล้ว ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก

ผ่านไปไม่นาน อาหารกับเหล้าที่ธีรเดชสั่งก็มาเสิร์ฟ ธีรเดชเทเหล้าให้รพีพงษ์จนเต็มแก้ว เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “รพีพงษ์ เพื่อแสดงคำขอโทษจากฉัน ฉันจะดื่มให้นาย ถ้านายให้อภัยฉันก็ดื่มเหล้าตรงหน้าให้หมด ต่อจากนี้เราจะเป็นเพื่อนกัน ว่าไง”

รพีพงษ์ยิ้มออกมา “ได้สิ”

จากนั้นเขาจึงยกเหล้าที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด

ธีรเดชอยากมอมเหล้ารพีพงษ์จึงใช้เหล้าขาวที่มีดีกรีสูง แก้วที่เขาเทเหล้าให้รพีพงษ์คือแก้วกระเบื้องที่เอาไว้ดื่มเบียร์ แก้วนี้มีเหล้าขาวอย่างน้อยๆ 150 มิลลิลิตร

เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะดื่มเหล้าขาวเข้าไปอย่างไม่ลังเล

แถมท่าทางของรพีพงษ์ก็ดูไม่ได้กดดันอะไรอีกด้วย

เขาจ้องรพีพงษ์อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่ตั้งสติได้ เขาก็มองแก้วเหล้าของตัวเอง จู่ๆ เขาก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย

รพีพงษ์จ้องเขาแล้วพูดว่า “ทำไมเหรอ ฉันดื่มแล้วนิ นายยังจะรออะไรอีกล่ะ”

ธีรเดชยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็รีบดื่มเหล้าเข้าไป

เพราะดีกรีของเหล้าแรงมาก เมื่อดื่มเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาแสบคอจนจะอ้วกออกมา

เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะสามารถดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้โดยไม่มีอาการอะไรออกมาเลย

แต่ทว่าเขาก็ไม่กังวล ที่นี่ยังมีเพื่อนของเขาอีก เดี๋ยวทุกคนก็จะดื่มเหล้ากับรพีพงษ์ พวกเขาแค่ดื่มคนละแก้วเท่านั้น แต่รพีพงษ์ต้องดื่มเป็นสิบแก้ว ดื่มเยอะขนาดนี้ถึงจะเป็นเทวดาก็ฝืนไม่ไหวหรอก

เป็นไปตามที่คาดไว้ ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็ทำตามแผนและเริ่มดื่มเหล้ากับรพีพงษ์

ทุกคนแทบคิดข้ออ้างเอาไว้แล้ว ถ้ารพีพงษ์ไม่ยอมดื่มก็ถือว่าไม่ไว้หน้าพวกเขา

แต่ทว่ารพีพงษ์ไม่ได้ปฏิเสธใครสักคน ไม่ว่าใครจะชวนเขาดื่ม เขาก็ดื่มหมด ไม่นานก็มีขวดเหล้าวางอยู่ตรงหน้าเขาสามขวดแล้ว

ทุกคนมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ บางคนที่คอไม่แข็งกินแค่แก้วเดียวก็รู้สึกมึนแล้ว แต่รพีพงษ์กลับไม่มีอาการอะไรแม้แต่น้อย พวกเขาถึงขนาดที่สงสัยว่ารพีพงษ์ดื่มน้ำเปล่าไม่ใช่เหล้า

ทุกคนพากันดื่มเหล้ากับรพีพงษ์จนหมดทุกคน ธีรเดชเริ่มปวดหัวขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะดื่มเก่งขนาดนี้ ดื่มเหล้าขาวเยอะขนาดนี้แต่ก็ไม่เมา

“ไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่เมา อาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขา ทำให้รู้สึกถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ช้า ไม่แน่อีกเดี๋ยวเขาอาจจะล้มลงไปกองกับพื้น” ธีรเดชพึมพำในใจ

รพีพงษ์เห็นว่าทุกคนไม่ดื่มกับเขาอีก เขาจึงเป็นฝ่ายชวนทุกคนดื่ม ดื่มแก้วละครั้ง ทุกคนขนลุกกับการดื่มของรพีพงษ์ ไม่นานคนบนโต๊ะอาหารเริ่มเมามาย

ธีรเดชกับดนัทธ์มองหน้ากันไปมา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แผนของพวกเขาต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

ธีรเดชยังคงเชื่อว่ารพีพงษ์รับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ช้า ดังนั้นหลังจากที่เขาคิดได้ เขาจึงมองทุกคนแล้วพูดว่า “ทุกคน เดี๋ยวเราทานข้าวเสร็จแล้วไปร้องคาราโอเกะกันดีกว่า ฉันว่ารพีพงษ์ยังดื่มไม่หนำใจ เดี๋ยวเราค่อยไปดื่มกันที่คาราโอเกะต่อ”

ทุกคนพยักหน้า อีกอย่างพวกเขาก็ไม่อยากดื่มกับรพีพงษ์ต่ออีกแล้ว

ธีรเดชหันไปมองรพีพงษ์แล้วถามขึ้นว่า “รพีพงษ์ นายไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ดื่มเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวไปที่คาราโอเกะคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อจะสนุกกัน งั้นฉันก็จะสนุกกับพวกนายเต็มที่”

ธีรเดชพยักหน้าและตัดสินใจว่าไม่ว่าวันนี้รพีพงษ์จะเมาหรือไม่ เขาต้องหาวิธีสั่งสอนรพีพงษ์ให้ได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท