พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1133 การรู้คือความผิดอย่างหนึ่ง

บทที่ 1133 การรู้คือความผิดอย่างหนึ่ง

“นี่..นี่หายแล้วเหรอ ดูจากอาการเหมือนจะรักษาหายแล้วนะ”

“สุดยอดไปเลย โรคที่หมอเทวดาชิตไม่สามารถรักษาได้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถรักษาได้ อย่าบอกนะว่าเขาคือหมอเทวดาตัวจริง”

“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ฉันกำลังจะเข้าไปสั่งสอนเด็กนั่น ยังดีที่ยั้งไว้ทัน ไม่งั้นถ้าฉันเข้าไปวุ่นวายจนทำให้รักษาไม่หาย ฉันต้องซวยแน่ๆ”

“ดูเหมือนเราจะเข้าใจเขาผิดนะ มิน่าเขาถึงขัดขวางการรักษาของหมอเทวดาชิต ที่แท้การรักษาของเขาสูงส่งกว่าหมอเทวดาชิต”

……

คนในตระกูลณัฐรัชต์มองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ แววตาของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความเลื่อมใส

ปิยะพลหรี่ตาลง คิดไม่ถึงว่าเพื่อนของนลินจะเก่งขนาดนี้ เขาเริ่มคิดขึ้นมาในใจ

ส่วนธีรเดชกลับมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าเคียดแค้น เขาโกรธที่ไม่สามารถเข้าไปบีบคอแม่ของนลินให้ตายได้ในตอนนี้

เมื่อครู่เขาคิดว่าถ้ารพีพงษ์ทำให้แม่ของนลินตาย เขาจะได้มีเหตุผลลงมือกับรพีพงษ์ เพื่อที่จะแก้แค้นเรื่องเมื่อคืนวาน

แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะรักษาแม่ของนลินได้ ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่จะจัดการรพีพงษ์ ไม่แน่คนในตระกูลณัฐรัชต์ยังจะต้องขอบคุณเขาอีก

“ไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่โชคดีอะไรถึงสามารถรักษาโรคนี้ได้ น่าโมโหจริงๆ” ธีรเดชพูดพึมพำกับตัวเอง

ธุวชิตกับนักเรียนแพทย์ต่างมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ความน่ากลัวในตอนนี้มีเพียงธุวชิตเท่านั้นที่รู้ดีว่ารพีพงษ์ที่สามารถรักษาโรคได้นั้นเก่งขนาดไหน

ตอนนี้ท่าทีของธุวชิตที่มีต่อรพีพงษ์เปลี่ยนไปมาก ถึงแม้ตอนแรกรพีพงษ์จะทำให้เขากระอักกระอ่วน และทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนในตระกูลณัฐรัชต์ แต่เขาก็เป็นแพทย์คนหนึ่งที่เลื่อมใสในคนที่มีฝีมือแพทย์เก่งกว่าตัวเอง

และตอนนี้เขาอยากรู้ว่ารพีพงษ์รักษาโรคที่จับต้นชนปลายไม่ถูกแบบนั้นได้อย่างไร

ดังนั้นเขากำลังคิดว่าจะขอโทษรพีพงษ์อย่างไร

หลังจากที่รพีพงษ์เก็บพลังกลับเข้าไปในตัว จากนั้นเขาจึงมองแม่ของนลิน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมึนงง

ในหัวของเธอจำได้ว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมช่วงเธอที่เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในความตาย ก็โดนใครดึงกลับมา

คนที่เธอเห็นเป็นคนแรกหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาคือรพีพงษ์ เธอถามขึ้นว่า “คุณรักษาโรคของฉันเหรอ”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า “ผมเป็นเพื่อนของนลิน เธอให้ผมมารักษาคุณ”

แววตาแม่ของนลินเต็มไปด้วยความตื้นตัน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเธอติดโรคนี้มาจากนลิน แต่เธอไม่เคยโทษนลินเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่รพีพงษ์พูดว่านลินเป็นคนให้เขามารักษาเธอ เธอรับรู้ถึงความรู้สึกที่นลินมีต่อเธอ

เธอรีบลุกขึ้นเพื่อจะขอบคุณรพีพงษ์ แต่เพราะร่างกายของเธออ่อนแอเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่มีแรงลุกขึ้นมา

รพีพงษ์มองเธอแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของผม แต่สิ่งที่ผมอยากเตือนคุณก็คือ สิ่งที่คุณเป็นไม่ใช่อาการเจ็บป่วย แต่เป็นพิษ พิษที่ได้รับมาจากร่างกายของนลิน แต่สาเหตุไม่ได้เกิดจากนลิน ความโชคร้ายที่เกิดกับนลินมาจากสาเหตุอื่น ผมมาที่นี่เพราะต้องการจะจัดการเรื่องนี้”

ตอนที่เขาพูด คนที่อยู่ในนี้เห็นแค่เขาอ้าปากพูด แต่ไม่สามารถได้ยินเสียงของเขาได้ มีเพียงแม่ของนลินเท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

หลังจากที่แม่ของนลินได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง จู่ๆ เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร

รพีพงษ์ยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องตกใจจนเกินไป เรื่องที่ผมพูดกับคุณเมื่อกี้คุณห้ามเอาไปบอกใคร ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจนลินผิด จึงบอกเรื่องนี้ให้คุณรู้ รอให้เรื่องนี้จัดการเรียบร้อย คุณสองแม่ลูกจะมีเวลาฟื้นฟูความรู้สึกต่อกันอย่างแน่นอน”

แม่ของนลินรีบพยักหน้าให้รพีพงษ์และไม่พูดอะไรอีก

รพีพงษ์หันหลังกลับไป ซ่อนวิธีการที่เขาใช้เมื่อครู่ จากนั้นเขาจึงหันไปมองผลอุดมที่ทรุดอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “คุณอย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น ภรรยาของคุณหายแล้ว”

ผลอุดมปากสั่นและมองรพีพงษ์ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “จริง..จริงเหรอ”

“คุณดูเองสิ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ผลอุดมรีบลุกขึ้นมาจากพื้นและวิ่งเข้าไปที่ข้างเตียง หลังจากที่เห็นว่าภรรยาของเขาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาจึงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน

ขณะนั้นธุวชิตก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์และพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เจ้าหนุ่ม ขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ฉันอวดดีไปหน่อย ไม่งั้นคงไม่เกิดเรื่องน่าตลกแบบนี้หรอก ฉันขอโทษนายด้วยใจจริง หวังว่านายจะให้อภัยกับสิ่งที่ฉันทำ”

รพีพงษ์เห็นว่าธุวชิตยอมรับผิดอย่างจริงใจ เขาจึงหัวเราะออกมา

ทักษะทางการแพทย์ของธุวชิตไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เพราะครั้งนี้พิษที่แม่ของนลินได้รับไม่ใช่อาการเจ็บป่วย ทำให้ธุวชิตไม่สามารถรักษาได้ รพีพงษ์ไม่พอใจเขาก็เพราะท่าทางอวดดีของเขาเท่านั้น

ตอนนี้ธุวชิตเป็นฝ่ายมาขอโทษเขาก่อน เขาจึงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร

“หมอเทวดาชิต คนเป็นหมอต้องมีจิตใจที่นิ่งสงบ ไม่ควรจะอวดดี การที่ทำแบบนี้จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ” รพีพงษ์พูดเตือน

ธุวชิตรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณที่เตือนฉัน ฉันจะจำไว้และจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก”

“แต่คุณพอจะบอกผมหน่อยได้ไหมว่ารักษาอาการนั้นได้ยังไง ฉันดูอาการเจ็บป่วยของเธอมานาน แต่ก็ยังไม่สามารถหาต้นตอของโรคได้ มันน่าแปลกประหลาดมาก”

รพีพงษ์มองเขาแล้วพูดว่า “ผมบอกได้เพียงว่าสิ่งที่เธอเป็นไม่ใช่อาการเจ็บป่วย ส่วนเรื่องอื่นๆ หมอเทวดาชิตไม่ต้องรู้จะดีกว่า ไม่งั้นคุณจะซวยเปล่าๆ”

สีหน้าของธุวชิตเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าอาการของแม่นลินจะน่ากลัวเช่นนี้ เขาเป็นคนฉลาดจึงไม่ถามอะไรอีก

บางครั้งการรู้ก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง และทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกด้วย

ขณะนั้นปิยะพลก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์เช่นกัน เขามองรพีพงษ์อย่างจริงจัง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่านายจะเป็นคมในฝัก มีความสามารถด้านการแพทย์สูงขนาดนี้ น่านับถือจริงๆ ฉันขอขอบใจนายแทนคนในตระกูล”

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “ผมเป็นเพื่อนของนลิน ต้องช่วยเธออยู่แล้ว”

ปิยะพลได้ยินคำว่าเพื่อนของนลิน แววตาของเขาก็ลุ่มลึกขึ้น ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

รพีพงษ์ใช้โอกาสนี้ปลีกตัวออกมาและมองปิยะพลอย่างประเมิน

สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหนอนพิษจากตัวของปิยะพล และไม่ใช่ตัวเดียวด้วย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท