พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1139 เขาก็ไม่มีปัญญาทำอะไรฉันเหมือนกัน

บทที่ 1139 เขาก็ไม่มีปัญญาทำอะไรฉันเหมือนกัน

หลังจากที่ดนัทธ์โดนรพีพงษ์จับได้ เขาก็มีสีหน้าสลดและเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองด้วยความหงุดหงิด เขาจ้องรพีพงษ์เขม็ง ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เชื่อว่าคนกระจอกอย่างรพีพงษ์จะรับมือกับพละกำลังทั้งหมดเมื่อครู่ได้ แถมยังไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาด้วย เขากำลังคิดอยู่ในใจ

ไม่แน่ว่าไอ้กระจอกนี่อาจจะยกอิฐมาหลายปี จึงมีพละกำลังต่อสู้กับแรงของเขา ถึงเป็นแบบนี้แล้วยังไง ตอนที่เขาเป็นทหารได้เรียนรู้เทคนิคการฆ่าคนมา ส่วนไอ้กระจอกนี่ไม่รู้อะไรเลย

พอถึงตอนนั้นก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมาให้ไอ้กระจอกนี่ลงมือเขา เขาจะได้จัดการกับไอ้กระจอกนี่ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็แสยะยิ้มเย็นชาในใจ ให้ไอ้กระจอกนี่ได้ใจไปก่อนแล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ

ส่วนรพีพงษ์มองด้วยสายตาเย็นชาเท่านั้น ธีรเดชกำลังชี้หน้าเขา รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า

“แกไม่มีปัญญาหรอก!”

น้ำเสียงของรพีพงษ์เหมือนกระบี่อันแหลมคมที่เฉี่ยวไปที่หูของธีรเดช ตอนแรกธีรเดชจะอ้าปากเถียงและจะสั่งสอนรพีพงษ์ แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เหงื่อก็ไหลออกมาเต็มหลัง จนทำให้ความคิดที่จะลงมือหายวับไป และทำได้เพียงเดินกลับไปนั่งด้วยความหงุดหงิด

เพราะที่นั่งของรพีพงษ์อยู่ข้างประตูพอดี ด้วยเหตุนี้ทำให้พนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารเดินผ่านรพีพงษ์ เมื่อเห็นดังนั้นดนัทธ์จึงมีแผนขึ้นมาในใจ ขณะที่ประตูเปิดออกและมีพนักงานยกซุปร้อนๆ เข้ามา ดนัทธ์ลุกขึ้นมาในขณะนั้นพอดี และทำเป็นว่าจะไปเอาไวน์แดงที่อยู่ไม่ไกล เขาเดินผ่านที่นั่งของรพีพงษ์

แต่ทว่ารพีพงษ์กำลังสังเกตความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร แน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นพฤติกรรมของดนัทธ์ และมองพนักงานที่กำลังเดินเข้ามาข้างตัวเอง จู่ๆ รพีพงษ์ก็แสยะยิ้มมุมปาก วิธีสกปรกแบบนี้เขาเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ดนัทธ์เดินเข้าไปหาพนักงาน ตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้พนักงาน จู่ๆ เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ระวังไปโดนถ้วยซุปในมือของพนักงาน พนักงานร้องอุทานออกมา ซุปร้อนๆ กำลังหกไปทางที่รพีพงษ์นั่งอยู่

ส่วนคนที่รู้อยู่แล้วอย่างรพีพงษ์ทำเพียงแค่ถอยหลังไป ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะยกขาขึ้นมาข้างหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะหลบซุปร้อนๆ นั่นได้ แถมยังใช้เท้าเตะไปที่ก้นถ้วยก่อนที่มันจะหกลงมา ซุปร้อนๆ ถูกรพีพงษ์ควบคุมได้อย่างงดงาม และมันเปลี่ยนทิศทางไปหาดนัทธ์

เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดนัทธ์ตกใจไม่น้อย ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่หวาดกลัวและส่งเสียงร้องออกมา เขาอยากจะถอยหลังหลบ แต่ทว่าอย่างเขาจะหลบได้อย่างไร จู่ๆ ซุปร้อนๆ ก็ลวกใบหน้าของเขา

เขาโดนลวกไม่น้อยเลย ดนัทธ์ดิ้นไปมาบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ธีรเดชรีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาดนัทธ์ เขาประคองดนัทธ์ขึ้นมาพลางถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“เป็นไงบ้าง นายไหวไหม”

ตอนนี้สีหน้าของดนัทธ์เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาไม่มีแม้แต่แรงพูด

ธีรเดชเห็นดังนั้นก็หันไปตวาดรพีพงษ์ “เป็นเพราะแกไอ้กระจอก ดูสิ่งที่แกทำสิ ถ้าแกไม่หลบถ้วยซุปนั่น ดนัทธ์จะเป็นแบบนี้ไหม แกนี่มันเป็นตัวซวยจริงๆ!”

พวกลูกคนรวยเริ่มพากันตำหนิรพีพงษ์

“ใช่ เพราะนายเตะถ้วยซุปนั่นจนทำให้ดนัทธ์เป็นแบบนี้ นายต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”

“ฉันว่าดนัทธ์อาการสาหัสเลยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ ไอ้กระจอกเตรียมตัวไปกินข้าวแดงในคุกเถอะ!”

“ไม่ใช่แค่กินข้าวแดงในคุกนะ ต้องแจ้งข้อหามันด้วย มันจงใจทำให้คนบาดเจ็บ ให้มันชดใช้ด้วยเงิน ให้มันอยู่ในคุกไปตลอดชีวิต!”

ส่วนรพีพงษ์ที่ได้ยินคำพูดของคนพวกนี้ก็รู้สึกตลกอยู่ในใจ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา

“เหอะ เหอะ จากที่พวกนายพูด พวกนายจะบอกว่าฉันไม่ควรหลบถ้วยซุปเหรอ ให้เขาข่มเหงฉันอย่างไม่ยุติธรรม พวกนายถึงจะพอใจใช่ไหม”

“ก็ควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ คนกระจอกแบบแกอยู่ไปก็เปลืองอากาศหายใจ ทำไมไม่รีบโดนลวกแล้วตายๆ ไปซะล่ะ นี่เป็นการเสียสละเพื่อชาติเลยนะ ดนัทธ์เป็นเพื่อนของเรา แล้วแกเป็นใครไม่ทราบ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น รพีพงษ์ก็โมโหขึ้นมาทันที เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ดนัทธ์ก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้นและพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อของรพีพงษ์และตวาดใส่เขา

“ให้ตายเถอะ ไอ้กระจอก ฉันว่าแกรนหาที่ตายนะ ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันฆ่าแกแน่”

“เหอะ เหอะ”

เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างดนัทธ์ ทำให้รพีพงษ์โมโหขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะดนัทธ์จะจัดการเขา เขาจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน การที่ดนัทธ์ได้รับกรรมก็เพราะบาปที่ก่อเอาไว้ เมื่อเห็นว่าจัดการกับรพีพงษ์ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องแบบนี้กับเขา นี่มันเกินไปจริงๆ ถึงวันนี้เขากะจะมาเล่นสนุกกับคนพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาอดทนจนทนไม่ไหวแล้ว

ขณะนั้นดนัทธ์ก็ง้างมือขึ้นมาเพื่อจะตบรพีพงษ์ มองด้วยตาเหมือนฝ่ามือนั่นกำลังจะตบลงไปที่หน้าของรพีพงษ์ ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ราวกับว่าพวกเขาเห็นภาพที่รพีพงษ์โดนดนัทธ์ตบจนหน้าคว่ำและกระเด็นออกไป ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยภาพที่จะเกิดขึ้น

วินาทีต่อมาสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนเบิกตาโพลง ไม่มีใครเห็นว่ารพีพงษ์เคลื่อนไหวอย่างไร ได้ยินเพียงเสียงฝ่ามือที่ดังสนั่นจนไม่มีอะไรสามารถเปรียบได้ ร่างกายอันกำยำของดนัทธ์กระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลจนทำให้กำแพงยุบลงไปและพังลงมา

ร่างของดนัทธ์กระตุกอยู่บนพื้นไม่หยุด ลมหายใจของเขารวยรินเหมือนใกล้จะสิ้นใจ

“ให้ตายเถอะ ไอ้กระจอก แกกล้าดียังไง”

ธีรเดชเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็สูดหายใจลึก เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าไอ้กระจอกอย่างรพีพงษ์จะเป็นฝ่ายทำร้ายดนัทธ์ก่อน แถมยังทำร้ายจนดนัทธ์ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ดนัทธ์เป็นคนที่ฝึกฝนมาตลอด ไอ้กระจอกนี่ทำได้ยังไง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท