พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1159 ไอ้กระจอกนี่ไง

บทที่ 1159 ไอ้กระจอกนี่ไง

“ไอ้กระจอกนี่ไง รีบจับมันเลย!”

เมื่อรปภ. ได้ยินที่ปารย์พูดก็ล้อมรพีพงษ์เอาไว้ หัวหน้ารปภ.มีสีหน้าเย็นชา แล้วพูดออกมาว่า

“ไอ้กระจอกนี่เหรอที่ทำร้ายคุณชายปารย์”

เมื่อรพีพงษ์หันกลับมาก็เจอกับปารย์คนที่โดนเขาสั่งสอนเมื่อครู่ รวมถึงผู้หญิงคนนั้นด้วย

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ไม่พอใจที่เขาสั่งสอนไป ก็เลยเอารปภ. มา เพื่อที่จะกอบกู้หน้าของตัวเอง

รพีพงษ์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ก่อนหน้านี้พวกนายไม่ได้คิดร้ายกับฉัน ดังนั้นฉันเลยไม่คิดจะทำอะไรพวกเธอ แต่ตอนนี้พวกนายกล้าเข้ามา พวกนายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”

ทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษและคุกเข่าร้องขอชีวิต อีกทั้งยังกล้าพูดจาไร้มารยาทกับเขาอีก

สีหน้าของปารย์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เขามองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วพูดขึ้นมาว่า

“ไอ้กระจอกอย่างแกกล้ามาทำร้ายฉัน ถ้าพวกนายจัดการมันได้ ถ้าพวกนายต้องการอะไรฉันสามารถให้ได้ทุกอย่าง”

ก่อนหน้านี้ปารย์ให้เงินรปภ.พวกนี้ไปหลายพันแล้ว

รพีพงษ์ดูอ่อนปวกเปียกไม่มีกล้ามเนื้ออะไร พวกกับการแต่งกายที่แสนธรรมดาของเขา แถมในมือยังถือหินอยู่ก้อนหนึ่ง ดูเหมือนพวกขอทานข้างถนน

ถ้าคนมีเงินจริงๆ เขาไม่มีท่าทางแบบนี้หรอก

“ให้ตายเถอะ ไอ้กระจอกนี่ มาที่นี่แล้วยังกล้าทำร้ายคนอื่นอีก แกอย่าว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

รปภ. สองสามคนพูดขึ้นมาทันที

“พวกแกไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน แต่ถ้าพวกนายไม่อยากตกงานก็รีบไสหัวไปซะ”

รพีพงษ์ก็ไม่อยากทำร้ายใครที่นี่เหมือนกัน เพราะเป็นงานที่โพธิสุทธิ์เป็นคนจัดขึ้น ถ้าเขาลงไม้ลงมือที่นี่ก็เท่ากับเป็นการทำให้โพธิสุทธิ์เสียหน้า ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป กลัวว่าโพธิสุทธิ์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงน่ะสิ

“แกนี่เหิมเกริมจริงๆ ไม่ได้โดนใครทำร้ายมานานแล้วสินะ”

หัวหน้ารปภ. พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะโทรเรียกให้คนมาสั่งสอนแก!”

น้ำเสียงของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

“เหอะๆ คนกระจอกแบบแกเนี่ยนะ แกจะเรียกใครมาล่ะ คนจนๆ แบบแกจะรู้จักใครได้ อย่าบอกนะว่าพวกเพื่อนกรรมกรของแก”

เมื่อคนรอบๆ ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ก็หัวเราะจนแทบหงายหลัง

“ได้ งั้นแกโทรเรียกคนมาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะเรียกใครมา”

ปารย์มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจและพูดออกมาทันที แต่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย เขาถือก้อนหินอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบมือถือขึ้นมา เขากดโทรออกไปหาโพธิสุทธิ์

ตอนนี้โพธิสุทธิ์กำลังคุยกับท่านปุณยธร หลังจากที่เห็นว่ามีคนโทรมา จู่ๆ เขาก็พูดว่า

“ผมมีธุระนิดหน่อย พวกคุณรอก่อนนะครับ”

ท่านปุณยธรพยักหน้า โพธิสุทธิ์จึงเดินออกไป เมื่อโพธิสุทธิ์รับสาย เสียงของรพีพงษ์ก็ดังขึ้นมา

“พวก รปภ.มาขวางฉันไว้ ตอนนี้ฉันอยู่ชั้นสอง ถ้านายมีเวลาก็มาที่นี่หน่อย”

เมื่อโพธิสุทธิ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด เขาก็โมโหขึ้นมาทันที เพราะก่อนหน้านี้เขาเตือนรปภ.ไว้แล้ว ว่าอย่าทำอะไรกับคนที่มาร่วมงานนี้

สุดท้ายไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ฟัง แถมยังไปหาเรื่องรพีพงษ์อีก นี่รนหาที่ตายชัดๆ

“คุณวางใจได้เลยครับ ผมจะรีบไป ตอนนี้ผมอยู่ข้างบน อีกไม่นานก็ถึงครับ”

พูดจบ โพธิสุทธิ์ก็วางสายทันที เขารีบลงไปข้างล่าง รพีพงษ์วางสายแล้วพูดกับรปภ. ด้วยสีหน้าราบเรียบ

“พวกแกรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็มีคนมา รอรับความฉิบหายได้เลย”

“เหอะๆ ไอ้กระจอกแบบแกเนี่ยนะ ฉันจะบอกให้นะไม่ว่าแกจะเรียกใครมาก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อแกกล้าทำร้ายฉัน แกก็ใกล้หนทางแห่งความตายแล้ว ฉันจะให้แกไสหัวออกไป แถมยังโดนลากออกไปด้วยนะ เพราะถึงตอนนั้นฉันจะหักขาของแก!”

ปารย์ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา

“ฉันว่าพวกนายกล้าดีมากเกินไปแล้ว ถึงมาไล่คนที่ฉันเชิญมา!”

หลังจากที่เสียงนั่นดังขึ้นมา รปภ.กับปารย์รวมถึงคนอื่นๆ ก็หันไปมอง

เพราะว่าปารย์กับทามินีไม่เคยเจอโพธิสุทธิ์มาก่อน และโพธิสุทธิ์ก็เป็นคนมีชื่อเสียง ทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเจอเขา

ปกติโพธิสุทธิ์ชอบแต่งตัวธรรมดาๆ มองแล้วเหมือนชายชราธรรมดาคนหนึ่ง

เมื่อเห็นชายชราคนนี้ ปารย์จึงตวาดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“ตาเฒ่าอย่างแกเป็นใครไม่ทราบ คนที่แกเชิญมาดีมากอย่างนั้นเหรอ ไอ้หมอนี่มันกล้าทำร้ายฉัน มันคือคนเลว”

“ใช่ ไอ้หมอนี่มันกล้าไล่ฉัน วันนี้ฉันต้องจัดการมันให้ได้”

ทามินีส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงพูดขึ้นมา

พวกรปภ.รู้จักโพธิสุทธิ์ เพราะเมื่อเช้าโพธิสุทธิ์กำชับไม่ให้พวกเขาลงไม้ลงมือในงาน

ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อเข้ามาที่นี่ก็ต้องนอบน้อมกับพวกเขา แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะทำร้ายรพีพงษ์ ที่สำคัญไปกว่านั้นรพีพงษ์คือเพื่อนที่โพธิสุทธิ์เชิญมาด้วยตัวเอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท