พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1162 คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน

บทที่ 1162 คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน

ในเวลานี้ภายในสถานที่จัดงานของการประชุมแลกเปลี่ยน เต็มไปด้วยแขกจากทุกสาขาอาชีพและคนที่ขายยาสมุนไพร ภายในงานก็ต้องมีคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกันเป็นธรรมดา และมีมิจฉาชีพอยู่มากมาย

แต่ยิ่งเดินไปสูงมากเท่าไหร่ คุณภาพของยาสมุนไพรก็ยิ่งมีการคุ้มครองมากขึ้น ผลของยาก็ยิ่งดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยาสมุนไพรชั้นบนของสถานที่จัดงาน ต่อให้ไม่ได้บรรลุถึงระดับหายยากของโลก แต่กลับสามารถถือได้ว่าหาพบได้ยาก

“จารุดา ทำไมเธอเพิ่งมาถึงที่นี่ตอนนี้?”

จารุดาที่เพิ่งถูกรพีพงษ์ตบหน้าไปอย่างรุนแรงกำลังคิดหาวิธีว่าเดี๋ยวจะแก้แค้นรพีพงษ์อย่างไร ตบหน้าของรพีพงษ์อย่างรุนแรง

ทันใดนั้นได้ยินคนที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยปากพูดกับเธอ เธอรีบระงับอารมณ์ของตัวเองแล้วพูดกับทางด้านนั้นว่า

“ก่อนหน้านี้ฉันเจอกับคนรู้จักคนหนึ่ง ดังนั้นก็เข้าไปพูดคุยด้วย เป็นยังไงบ้าง? เจตลี เธอมีคนที่ชอบมั้ย?”

ในเวลานี้หญิงสาวที่ชื่อว่าเจตลีได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจารุดา ก็เข้าใจเป็นธรรมดาว่าเขาพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

เนื่องจากนักศึกษาหญิงอย่างพวกเธอ มาถึงที่งานการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อยาสมุนไพรอะไร พวกเขามาที่นี่เพียงแค่ต้องการมาจับคนร่ำรวย มาเป็นแฟนของตัวเองเท่านั้นเอง

“เฮ้อ เธออย่าพูดอะไรเลย วันนี้โชคไม่ดีจริงๆ ฉันคาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ชอบใครสักคน”

เจตลีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดกับจารุดา

แต่ในเวลานี้จารุดารู้สึกเพียงว่าตลก เธออยู่คิดในใจ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว ไม่ได้ดูว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ

รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้สวยนึกไม่ถึงเลยว่ายังต้องการหาผู้ชายที่ร่ำรวยแบบนั้น เทียบเท่ากับว่าคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน ก็มีเพียงแค่จารุดาที่คู่ควรหาคนที่ร่ำรวยแบบนั้นมาเป็นแฟนของตัวเอง

รอหลังจากที่เธอหาคนที่ร่ำรวยได้ รพีพงษ์อะไรอารียาอะไร ถึงเวลาก็กลายเป็นแค่คนขี้ประจบเท่านั้นเอง

จารุดาและกลุ่มเพื่อนของเธอเดินชมสถานที่จัดงานนี้มาหลายรอบแล้ว พบว่าคนที่ร่ำรวยในที่นี้ส่วนใหญ่เป็นคนมีอายุมากแล้ว

ถ้าหากเธอไม่รังเกียจอายุ หรือว่าเพียงแค่ต้องการหาพ่อทูนหัวคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นตัวเลือกก็ไม่น้อย

จากนั้นไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากไม่ไกล

แม้ว่าจะได้ยินไม่ชัดเจน แต่ว่าเสียงด่าที่คล้ายกับประเภทยาจกและคนโง่ก็ดังมา

ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง กำลังด่าว่าเด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างรุนแรงไม่หยุด

เมื่อมองดูเหตุการณ์นี้ จารุดาก็เบิกตากว้างในทันที เพราะเธอจ้องมองไปที่ชายคนนั้นหนึ่งครั้ง พบว่าชายคนนั้นแต่งตัวได้หรูหราเป็นอย่างมาก

ถ้าหากมูลค่าทรัพย์สินไม่เกินเจ็ดหลัก ไม่มีทางที่จะแต่งตัวแบบนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในมือของชายคนนั้น คาดไม่ถึงว่าจะสวมนาฬิกาที่มีมูลค่ามากอยู่หนึ่งเรือน

เมื่อก่อนเธอเคยเห็นนาฬิกาแบบนี้มาก่อน นาฬิกานั้นไม่ใช่ว่าใช้เงินก็สามารถซื้อได้ ยังต้องมีการฐานะตำแหน่งที่สูงมากทางสังคม

และแม้ว่าชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นชายวัยกลางคน แต่ว่าน่าจะอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้นเอง เป็นวัยที่เธอสามารถรับได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อนึกถึงแบบนี้ เธอก็รีบพุ่งออกจากกลุ่มคนทันที ยืนอยู่ข้างๆของชายคนนั้น แกล้งทำเป็นท่าทางที่คุ้นเคยมาก และด่าเด็กผู้ชายคนนั้นพร้อมกับชายคนนั้น

“เด็กที่ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนมาจากที่ไหน นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะกล้าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นๆ!”

หลังจากที่เธอพูดคำพูดที่น่าเกลียดให้กับเด็กชายคนนั้นอย่างใส่หน้าโครมๆ ก็จงใจหันหน้ากลับมา เสยผมของตัวเองต่อชายคนนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และบนใบหน้ายังเผยให้เห็นถึงท่าทางที่เชื่อมสัมพันธ์ไมตรีที่ดี

ชายคนนั้นการปรากฏตัวของจารุดาก็นิ่งอึ้งไปก่อน จากนั้นก็เข้าใจว่าจารุดากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ใบหน้าของเขามองไปที่เด็กชายคนนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ต่อจากนั้นก็ด่าว่าต่อไป

“เด็กเวรอย่างแกรู้มั้ยว่าเสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่มีราคาแพงมากแค่ไหน ขายแกไปยังชดใช้ไม่ได้เลย!”

ในเวลานี้เด็กผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม นิ่งไม่ขยับ ทุกคนก็คิดว่าเขากลัวจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งของสถานที่จัดงาน รพีพงษ์มองไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขามาถึงที่ในสถานที่จัดงานนานแล้ว

เขาเพียงแค่ต้องการหายาสมุนไพรที่ตัวเองต้องการ ต่อจากนั้นซื้อไว้ก็ดีแล้ว และไม่ได้ต้องการดึงดูดความสนใจมากเกินไป

และเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่ง ในความคิดของเขาหลังจากนี้ไม่นานก็จะมีคนออกมาจัดการเรื่องนี้

เด็กผู้ชายคนนั้นเงยหน้าตัวเองขึ้นมา ดวงตาทั้งสองมองไปที่จารุดาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเปล่งประกายมีพลัง เอ่ยปากพูดว่า

“ใครว่าผมชดใช้ไม่ได้?”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเด็กชาย ก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ต่อจากนั้นก็เริ่มหัวเราะอย่างร่าเริงขึ้นมา เด็กอย่างนี้จะชดใช้เสื้อผ้าที่มีมูลค่ามากของชายคนนี้ได้อย่างไร

ดูจากที่เด็กชายคนนี้แต่งตัวก็ไม่เหมือนกับลูกคนร่ำรวยอะไร และคนที่ขายยาก็ทยอยเอ่ยปากพูดว่า

“คงจะไม่ใช่คิดว่าจะขายตัวเองทิ้งจริงๆ เจ้านายคนนี้ไม่มีทางรับซื้อนายไว้”

และจารุดาในเวลานี้ ก็แอบยิ้มตลอด เด็กคนนี้ เทียบเท่ากับเป็นยาจกที่ไม่ระย่อท้อถอย และไม่ได้แตกต่างอะไรกับรพีพงษ์ คนแบบนี้เป็นคนที่เธอเกลียดมากที่สุด ไม่มีปัญญาแถมยังอวดดีอีก!

ตราบใดที่จารุดานึกถึงรพีพงษ์ ก็รู้สึกว่าในใจจะปรากฏความโกรธ

เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงของเด็กชาย ก็เบิกตากว้างทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ คว้าตัวเด็กชายขึ้นมาจากบนพื้นทันที พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหด

“คาดไม่ถึงว่าแกจะบอกว่าแกสามารถชดใช้ได้ แกสามารถเอาอะไรมาชดใช้เหรอ?”

“คุณปู่ของฉันจะมาที่นี่ในไม่ช้า เขาให้ฉันมาดูที่นี่ก่อนตามใจชอบก่อน ถึงเวลาเขาคงจะชดใช้เงินให้คุณอย่างแน่นอน”

“ฮ่าๆ ปู่ของแกถือได้ว่าเป็นตัวอะไร?”

แม้ว่าคนที่สามารถเข้าสู่ในชั้นนี้ได้ล้วนเป็นคนมีหน้ามีตา แต่ว่าอยู่ในสายตาของชายคนนี้ ปู่ของเด็กแบบนี้อย่างมากก็เป็นแค่คนขายยาเท่านั้นเอง

แค่คนขายยาเขาวิลเลียมไม่มีทางที่จะสนใจจริงๆ หรือว่าเขาในฐานะคุณชายของตระกูลวอลบิลซีเป่ย ปรากฏตัวที่นี่ คนทั้งงานเขาก็ไม่มีทางให้ความสำคัญมาแต่ไหนแต่ไร

คราวนี้เขามาถึงที่เมืองแห่งนี้ มีเรื่องที่ต้องมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้ยินพอดีว่าที่นี่จะจัดงานประชุมแลกเปลี่ยน ดังนั้นจึงตั้งใจมาดูอย่างสบายๆ และก็ถือว่าเยี่ยมชม

ต้องรู้ว่า ซีเป่ยของพวกเขาอุดมไปด้วยยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงมาก เพราะฉะนั้นเขาก็มีความคิดเห็นต่อยาสมุนไพรอย่างแน่นอน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท