พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1163 ตระกูลวอลบิลซีเป่ย

บทที่ 1163 ตระกูลวอลบิลซีเป่ย

อย่างไรก็เขาเดินชมอยู่ที่นี่นานมากแล้ว ก็ไม่มียาสมุนไพรอะไรที่เข้าตาเขา เมื่อเทียบกับซีเป่ยของพวกเขาขึ้นมา นี่เทียบเท่ากับว่ายังห่างไกลมาก

“ฮ่าๆ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ตัวอะไร แต่เสื้อผ้าบนตัวของคุณฉันยังสามารถชดใช้ให้ได้อย่างสบายๆ”

หลังจากที่ชายคนนั้นเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงที่เหยียดดังมาจากข้างหลังอย่างฉับพลัน นึกไม่ถึงเลยว่าปู่ของเด็กชายคนนี้ไม่ใช่ใครคนอื่น ก็คือโพธิสุทธิ์

และในเวลานี้มีบางคนที่ขายยาก็จำโพธิสุทธิ์ได้แล้ว ในกลุ่มฝูงชนก็เริ่มทยอยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมา

เพียงแต่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์นี้ไม่ได้มาทางชายคนนั้นแม้แต่น้อย แต่ทั้งหมดกลับรู้สึกว่าชายคนนั้นใกล้จะตายแล้ว

“ที่แท้เด็กผู้ชายคนนี้เป็นหลานของโพธิสุทธิ์นี่เอง มิน่าล่ะ”

“ใช่แล้ว ฉันมองดูเด็กคนนี้ ถึงได้ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่งแบบนี้นี่เอง ก็รู้ว่าประสบการณ์ชีวิตภูมิหลังของเขาคงจะไม่ธรรมดา ผลเป็นอย่างที่คาดไว้”

“โธ่ ไม่นึกเลยว่าชายคนนี้แม้แต่โพธิสุทธิ์ก็กล้ามีเรื่องด้วย คงจะถือได้ว่าเขาใกล้ตายแล้ว”

และการวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างในเวลานี้ไม่ได้ทำให้วิลเลียมหวาดกลัว กลับเป็นในใจของจารุดาที่เต็มไปด้วยความเสียใจในทันที เธอไม่ควรที่จะวิ่งมาด่าว่าเด็กผู้ชายคนนี้เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับวิลเลียม

เด็กผู้ชายคนนี้เป็นหลานของโพธิสุทธิ์ ถึงเวลาแม้แต่เธอก็คงจะโดนโพธิสุทธิ์จัดการไปด้วยกัน เธอฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันได้สนใจ ถอยหลังไปทีละก้าว ค่อยๆกลับไปหลบซ่อนในกลุ่มฝูงชน

“จารุดาทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”

เจตลีที่ยืนอยู่ท่านกลุ่มฝูงชนเหมือนกันก็ตะโกนเสียงดังทันที

“บ้าจริง ทั้งๆที่เจตลีเดินมาพร้อมกับตัวเองแท้ๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเปิดโปงตัวเองได้เร็วขนาดนี้”

และในเวลานี้ โพธิสุทธิ์เพียงแค่เหลือบมองไปที่จารุดาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นก็หันไปเอ่ยปากพูดกับวิลเลียมว่า

“คุณว่ามาเถอะ คุณต้องเงินเท่าไหร่ฉันจะชดใช้ให้คุณ”

เมื่อฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายของรอบข้าง วิลเลียมก็พอจะเข้าใจว่าฐานะตัวตนของคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นใครกันแน่ เขาก็คือโพธิสุทธิ์หัวหน้าองค์กรงานประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

ความจริงคนอย่างโพธิสุทธิ์ ฐานะตำแหน่งมีคุณค่ามาก เนื่องจากทุกคนก็เจ็บป่วย ถึงเวลาที่เจ็บปวดก็จะต้องมาขอร้องเขา

แต่นอกเหนือจากตำแหน่ง เขาก็ไม่ได้เงินมากมายอะไร ดังนั้นในความคิดของวิลเลียม โพธิสุทธิ์ไม่มีอะไรสามารถเทียบตัวเองได้

“โพธิสุทธิ์คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเขาเลย ก่อนหน้านี้ฉันเห็นได้อย่างชัดเจน ชายคนนี้ทำให้เสื้อผ้าของตัวเองสกปรกเอง จงใจโทษไปที่ตัวหลานของคุณ”

คนหลายคนก็กระโดดออกมาจากฝูงชนอย่างกะทันหัน โดยยืนยันว่าตัวเองผ่านมาเห็นเหตุการณ์

เมื่อวิลเลียมได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่าไร้สาระในทันที เนื่องจากก่อนหน้าที่โพธิสุทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ คนเหล่านี้ก็ยืมมองดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ ไม่มีความตั้งใจที่จะไปช่วยเด็กผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย

แต่ว่าตอนนี้ โพธิสุทธิ์เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา คนเหล่านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นนกสองหัวในทันที เริ่มโทษวิลเลียมขึ้นมา สมกับที่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์จริงๆ

“เหอะๆ นี่ก็น่าขำจริงๆ หรือว่าเมืองแห่งนี้ของพวกคุณก็เป็นแบบนี้กันรึไง?”

วิลเลียมหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในทันที ต่อจากนั้นในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“โพธิสุทธิ์ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของคุณมาก่อน คุณก็เป็นแค่หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาเท่านั้นเอง”

เมื่อทุกคนได้ยินพูดเหล่านี้ทั้งหมดก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปในทันที ต้องรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของโพธิสุทธิ์เรียกได้ว่าเป็นที่มีชื่อเสียงดังไปทั่ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะกลายเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดได้

เนื่องจากว่าเขาได้ช่วยผู้คนมากมายมาจากเส้นความเป็นและตาย เทียบเท่ากับว่าเป็นฮว่าถัว(ปฐมาจารย์ศัลยแพทย์จีน)กลับชาติมาเกิด

และเมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของวิลเลียม ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าวิลเลียมจะพลั้งปากพูดว่าก็แค่หมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษา นี่เทียบเท่ากับว่าดูถูกคนที่เป็นหมอมากที่สุด

“ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของวิลเลียม โพธิสุทธิ์เพียงแค่หัวเราะเสียงดัง แม้แต่ความตั้งใจที่จะสนใจวิลเลียมก็ไม่มี

ก้าวเดินขึ้นไปที่โพเดียม ต่อจากนั้นพูดกับทุกคนว่า

“การประชุมแลกเปลี่ยนยาสมุนไพรเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว”

ต่อจากนั้นอุ้มเด็กผู้ชายคนนั้นแล้วหันหลังเดินจากไป เหลือเพียงกลุ่มคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี มองดูเหตุการณ์นี้ ในใจของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความนับถือชื่นชม

ผลเป็นอย่างที่คาดไว้ คนที่เป็นหมอก็มีความใจใหญ่

วิลเลียมมองดูการกระทำของโพธิสุทธิ์ ก็รู้สึกว่าตัวเองโดนตบหน้าอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง โกรธจนตะคอกส่งเสียงออกมา และไล่ตามไปที่โพธิสุทธิ์

ยื่นมองออกไปแตะที่หน้าผากของหลานชายของโพธิสุทธิ์ ด้วยการสัมผัสนี้ของเขา เด็กผู้ชายคนนั้นก็กลอกตาขาวและหมดสติไปบนพื้น

“ฟูม ฟูม!”

มองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า โพธิสุทธิ์ก็ตกใจมากในทันที รีบวางเด็กผู้ชายลงบนนอนลงพื้นทันที และเริ่มปฐมพยาบาลขึ้นมา

ในเวลานี้วิลเลียมก้าวหน้าเดินที่โพเดียมอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นเอ่ยปากพูดกับทุกคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“โพธิสุทธิ์ คุณบอกว่าคุณเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วไม่ใช่เหรอ? คุณเหยียดหยามที่ฉันเพิ่งพูดว่าคุณเป็นหมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษาไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากทักษะทางการแพทย์ของคุณเป็นเลิศมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ทำให้ฉันดูว่าคุณสามารถที่จะช่วยหลานชายของตัวเองกลับมาได้มั้ย”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ทั้งงานก็วุ่นวายจนเหมือนโจ๊กหนึ่งหม้อ ผู้คนมากมายก็ยืนออกมาโดยธรรมชาติ และคิดหาวิธีรับมือ ก็เริ่มรวบรวมยาสมุนไพรหลากหลายขึ้นมา

ทุกคนต้องการให้โพธิสุทธิ์ลองใช้ยาสมุนไพรที่ตัวเองนำมา ถ้าหากยาสมุนไพรของตัวเองสามารถที่จะช่วยฟูมกลับมาได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถพอที่จะไต่เต้าโพธิสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ พวกเขาอยู่ในแวดวงยาในเมืองแห่งนี้ก็สามารถที่จะทำอำเภอใจได้

“พวกคุณทุกคนเงียบเดี๋ยวนี้!” โพธิสุทธิ์ตะโกนด้วยความโกรธในทันที

ต่อให้เมื่อกี้นี้เขาจะถูกวิลเลียมเหยียดหยามว่าเป็นหมอที่ไม่มีฝีมือในการรักษา เขาก็สามารถที่จะทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่ว่าในเวลานี้ชีวิตของหลานชายแท้ๆของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาไม่สามารถที่จะใจเย็นได้เหมือนตอนนั้นได้อีกต่อไป

เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินคำพูดเหล่านี้ของโพธิสุทธิ์ ทั้งหมดก็เงียบลงมาในทันที และโพธิสุทธิ์ก็รีบควบคุมเสียงหัวใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว และเริ่มแสดงทักษะทางการแพทย์ของตัวเอง

เดิมทียังมีคนแนะนำให้ส่งฟูมไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่ทว่า ตอนนี้เป็นไปไม่ได้

ยังไม่ต้องพูดถึงก่อน ในนั้นมีระยะห่างอย่างแน่นอน อาจจะพลาดเวลาสำหรับการรักษาที่ดีที่สุดไปหรือไม่?

ด้วยจำนวนยาสมุนไพรที่มีอยู่ในอาคารตอนนี้ ก็มากเกินกว่าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแล้ว

“โพธิสุทธิ์ หลานชายของคุณดูเหมือนจะโดนวางยาพิษ ลองใช้ยาสมุนไพรสองชนิดนี้ของฉันรวมกันดู”

ท่านปุณยธรที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูดในทันที หลังจากที่พูดคำนี้จบ เขายังหยิบยาสมุนไพรออกมาจากในมือสองชนิด และคนรอบข้างที่เห็นก็เอ่ยปากพูดเห็นด้วยในทันที

ในใจของโพธิสุทธิ์ในเวลานี้กำลังสับสนวุ่นวาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของท่านปุณยธร ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในทันที

เขารับยาสมุนไพรสองชนิดนี้มาจากในมือของท่านปุณยธร เริ่มผสมยาขึ้นมา หลังจากที่ผสมยาเสร็จ เขาก็รีบป้อนให้ฟูมดื่มลงไป

ใครจะไปรู้ว่าไม่เพียงแต่ดื่มลงไปไม่แสดงออกการที่ดีขึ้นออกมา ฟูมที่เดิมทีหมดสติไป สีหน้าในตอนนี้ก็กลายเป็นซีดเซียวขึ้นมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท