พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1170 เรียกผู้จัดการมา

บทที่ 1170 เรียกผู้จัดการมา

และตัวหนังสือที่เขียนด้วยพู่กันดูเหมือนไม่มีความรู้สึกอายุเก่าแก่มากอะไร คาดว่าไม่มีราคาเท่าไหร่ โสรญาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้เลย

แต่ในใจของรพีพงษ์กลับคิดถึงว่า ครั้งนี้โสรญาคงจะเจอกับหายนะใหญ่แล้ว

และศักดาก็ตะคอกใส่พนักงาน

“แกเรียกใครนะ? ก็แค่ภาพพังๆภาพหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกเราจะชดใช้ไม่ได้!”

เนื่องจากในความคิดของเขา บริษัทของครอบครัวของพวกเขาก็กำลังไปได้สวยในตอนนี้ เขาไม่เชื่อว่าภาพพังๆแบบนี้ มีหรือพวกเขายังชดใช้ไม่ได้เหรอ?

“ฮ่าๆ ภาพเขียนในทุกห้องวีไอพีของชั้นบนเจ้านายโรงแรมของพวกเราเป็นคนประมูลมาโดยเงินจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะภาพนี้ นั่นเป็นผลงานของชุติเทพลูคัสจิตรกรชื่อดัง!”

“ชุติเทพลูคัสเหรอ?”

ศักดาเอ่ยปากพูดทันที

“นั่นเป็นจิตรกรร่วมสมัยผู้ยิ่งใหญ่ ปีก่อนภาพวาดหนึ่งภาพของเขา ถูกเก็งราคาไปหลายร้อยล้าน!”

ในเวลานี้ในใจของซูโก๋แทบจะจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย ในความคิดของเขา ครอบครัวที่อยู่ตรงหน้าคงจะโชคร้ายแล้ว

“หรือว่าเป็นของจริงเหรอ? ภาพวาดนี้แพงขนาดนี้จริงๆเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูโก๋ ศักดาก็ประหม่าขึ้นมา

และอารียาก็ถามรพีพงษ์ว่าภาพวาดนี้ราคาเท่าไหร่กันแน่ ในเมื่อน้าของเธอเป็นคนทำให้สกปรก ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คงจะต้องชดใช้

ในขณะนี้ ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวดีมากเดินเข้ามาจากประตู โดยไม่คิดอะไรมาก คนคนนี้น่าจะเป็นผู้จัดการที่พนักงานเรียกมา

ผู้จัดการเห็นภาพเขียนบนกำแพงก็รีบเดินเข้ามาในทันที และตรงไปเอามันลงมาจากบนกำแพง ต่อจากนั้นเอ่ยปากถามว่า

“ราคาตลาดของภาพเขียนนี้ ต้องใช้เงินสามล้านเต็มๆ พวกคุณคิดว่าจะชดใช้ด้วยเงินสดหรือว่ารูดการ์ด?”

เมื่อได้ยินคำนี้ ศักดาก็ตกใจมากในทันที ก่อนหน้านี้ยังตะโกนลั่นใส่พนักงานไม่ใช่ว่าจะชดใช้ไม่ได้ เขาก็ก้มหน้าของตัวเองลงในทันที

เทียบเท่ากับเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่นึกเลยว่าภาพเขียนภาพหนึ่งแบบนี้ราคาจะสามล้าน ที่สำคัญด้านบนยังแปดเปื้อนไปด้วยน้ำซุป เทียบเท่ากับว่าตอนนี้กลายเป็นขยะไปแล้ว!

ซูโก๋ส่งก็สายตาให้จักรินในทันที จักรินก็เข้าใจทันที และตะโกนใส่โสรญาว่า

“น้ำซุปบนรูปภาพนี้คุณเป็นคนสาดเอง ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะเป็นคนจ่ายเงินนี้ไม่ใช่เหรอ?”

อารียาตะคอกใส่จักรินทันที

“นายเรียกอะไร? ไม่ใช่เรื่องของนาย?”

เมื่อได้ยินคำพูดของอารียา จักรินก็นั่งลงมาในทันที โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เขากลับต้องการดูว่าครอบครัวที่อยู่ตรงข้ามนี้จะชดใช้ได้อย่างไร!

และซูโก๋ก็ทำเรื่องขยายใหญ่โตลุกลามออกไป

“อันที่จริงนะ เรื่องนี้จะโทษโสรญาทั้งหมดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ว่ารพีพงษ์ทำเรื่องราวแบบนี้ให้เธอโกรธ ที่สำคัญยังรู้เพียงแต่กินไม่หยุด เธอจะตบถ้วยข้าวจนพลิกคว่ำไปโดนภาพเขียนนี้อย่างไม่ทันระวังได้อย่างไร?”

“ใช่!”

เมื่อโสรญาได้ยินคำพูดของซูโก๋ ก็ลากไปที่รพีพงษ์ในทันที ต่อจากนั้นตะคอกว่า

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแก!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รพีพงษ์ขมวดคิ้วในทันที ถ้าไม่ใช่ว่าภรรยาของเขาคืออารียา ตอนนี้เขาก็คงจะกระแทกประตูจากไปตั้งนานแล้ว ครอบครัวนี้ช่างไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!

“คุณน้า เรื่องนี้จะโทษรพีพงษ์ได้อย่างไร ทั้งๆที่คุณน้าเป็นคนทำด้วยตัวเอง!”

ใบหน้าของอารียาเต็มไปด้วยความจนใจในทันที

“พวกเรารีบคิดกันดีกว่าว่าจะจ่ายเงินนี้อย่างไรกันเถอะ”

หลังจากที่อารียาพูดจบก็หยิบการ์ดของตัวเองออกมา

“ช่างเถอะ โสรญาคุณก็ไม่คิดดู เศษสวะอย่างรพีพงษ์จะเอาเงินมากมายขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร สุดท้ายอารียาก็ต้องจ่ายอยู่ดี?”

ศักดาส่ายทันที และสายตาของเขาที่มองไปที่รพีพงษ์ก็ยิ่งแย่มากขึ้น

แต่ในใจของโสรญากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ไม่มีสาเหตุและไม่มีเหตุผลก็จะต้องจ่ายสามล้าน เทียบเท่ากับใจดวงหนึ่งของเธอกำลังมีเลือดไหลหยด

ในขณะนี้จารุดาที่ส่งวิลเลียมออกไปแล้ว กลับมาถึงในห้องวีไอพีเห็นเหตุการณ์ตรงหน้านี้ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามว่า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เดิมทีตอนที่กลับมา จารุดายังคิดว่าเพราะเรื่องราวของรูปภาพก่อนหน้านั้นของรพีพงษ์ อารียากำลังโกรธรพีพงษ์ ดังนั้นพนักงานจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย เธอยังคิดว่าในสุดก็มีเรื่องสนุกให้ดู

“ใช้แล้ว จารุดาเธอรู้จักกับคุณชายวิลเลี่ยมไม่ใช่เหรอ? เธอดูว่าขาสามารถที่จะช่วยพวกเราได้มั้ย?”

เมื่อโสรญาเห็นจารุดาปรากฏตัวก็พุ่งเข้าหาทันที คว้ามือของจารุดาไว้ทันทีต้องการให้จารุดาช่วย

เธอเห็นว่าก่อนหน้านั้นวิลเลียมออกเงินได้ใจกว้างใจมากขนาดไหน ตาไม่กะพริบ ก็เอาเงินออกมาหนึ่งล้าน

แต่จารุดาไม่มีความตั้งใจที่จะสนใจโสรญาแม้แต่น้อย ก็หันหลังเดินกลับไปที่นั่ง

หลังจากที่เข้าใจคร่าวๆ เธอรู้แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอพูดด้วยใบหน้าเต็มไปการเยาะเย้ย

“ขอโทษด้วยจริงๆ คุณชายวิลเลี่ยมนั่งบินเครื่องกลับไปแล้ว คงจะติดต่อเขาไม่ได้”

เมื่อโสรญาได้ยินคำพูดของจารุดา นั่งลงมาด้วยความหงุดหงิดโมโหทันที ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาหนีไม่พ้น

และจารุดากลับชะงักนิ่งแล้วเอ่ยปากพูดต่ออีกว่า

“แต่ถ้าหากว่ารพีพงษ์สามารถที่จะคุกเข่าขอโทษฉันอยู่ตรงหน้าฉันได้ ที่สำคัญทางที่ดียังสามารถขอบคุณคุณชายวิลเลี่ยมด้วย ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ฉันอาจจะมีวิธีติดต่อเขาได้ ให้เขาช่วยพวกคุณ”

ความจริงเธอก็ไม่มีวิธีที่จะติดต่อกับวิลเลียม เพราะแม้แต่เบอร์โทรของวิลเลียมก็อยู่ภายใต้การใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมไม่หยุดของเธอถึงฝืนให้เธอมาได้

เมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว ซูโก๋ก็ชื่นชมอยู่ในใจทันที ไม่เสียแรงที่ลูกสาวเรียนมหาวิทยาลัยมาจริงๆ ตอนนี้ทำเรื่องราวได้แทบจะรอบคอบ และยังเก่งกว่าลูกชายของตัวเองเป็นอย่างมาก

“รพีพงษ์เศษสวะอย่างแก! ยังไม่รีบคุกเข่าให้จารุดาอีก!”

ศักดาตะคอกทันที

“ใช่ เศษสวะอย่างแก ก็คงจะไม่เคยคิดเลยว่าแค่การคุกเข่าของตัวเองก็มีค่าถึงสามล้าน ครั้งนี้เสียเปรียบให้แกเกินไปแล้ว”

สีหน้าของโสรญาเหมือนราวกับว่าคนที่ทำลายภาพเขียนนี้คือรพีพงษ์ แต่ไม่ใช่เธอ

และในเวลานี้ทุกคนก็ไม่รู้ว่าในใจของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความเย็นชาแล้ว แต่ว่าก็สลายไปในทันที

เนื่องจากว่าเขาแต่งานเข้าตระกูลฉัตรมงคลก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของท่านศักดา และเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรคนเหล่านี้ได้

เห็นเพียงเขาค่อยๆลุกขึ้นยืน เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พวกคุณรอฉันสักครู่ ฉันจะไปโทรศัพท์”

“เด็กเวรอย่างแกยังคิดจะหนีเหรอ?”

โสรญาด่าด้วยความโกรธทันที

“เป็นเศษสวะที่ไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ เกิดเรื่องแล้วก็คิดจะหนี ฉันจะบอกแกให้วันนี้แกอย่าได้คิดจะไปไหน!”

ใบหน้าของศักดาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

“ฉันกลับต้องการดูว่าเขาจะสามารถโทรหาใครได้ จะว่าไปแล้วท่าทางแบบนี้จะสามารถรู้จักใครได้!”

และรพีพงษ์เดินออกจากห้องหาสถานที่ไม่มีใครอยู่แล้วโทรหาเลขานุการคนก่อนหน้านั้นของเขา

เสียงของเลขานุการเส้นไหมก็ดังมาอีกด้านของโทรศัพท์

“นายน้อย คุณหาฉันมีอะไรมั้ย?”

ในช่วงสองวันมานี้ จอกหนูก็กำลังติดตามทุ่งยาสมุนไพร เขาก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก แต่โชคดีตั้งแต่วันนั้นหลังจากที่รพีพงษ์ทำการรักษา ยาสมุนไพรเหล่านั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย

“เส้นไหม คุณช่วยฉันตรวจสอบดูโรงแรมที่ฉันอยู่ในตอนนี้ เดี๋ยวฉันส่งชื่อให้คุณ”

“รับทราบ”

หลังจากที่รพีพงษ์ส่งไปไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงของเส้นไหมก็ดังมา

“นายน้อย โรงแรมแห่งนี้ก็เป็นกิจการของตระกูลพวกเรา”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท