พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1207 หมู่บ้านที่เงียบสงัด

บทที่ 1207 หมู่บ้านที่เงียบสงัด

หุ่นเชิดสองตนที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดที่กล้าหาญอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะเกิดความภูมิใจขึ้นมา

หลายร้อยปีก่อน พวกเขาติดตามจอมมารชูร่า ต่อต้านกับผู้คนทวีปโอชวินเช่นกัน

จนตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะตายกันไปแล้ว กลายเป็นหุ่นเชิด แต่ว่า ในตอนสุดท้ายจอมมารยอมปล่อยให้พวกเขาติดตามรพีพงษ์

นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย!

เมื่อเทียบกับจอมมารชูร่าเมื่อปีนั่นแล้ว รพีพงษ์มีพรสวรรค์เช่นกัน ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือ การไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ยิ่งผิดหวังก็ยิ่งกล้าหาญ ก็ยิ่งกลายเป็นเงื่อนไขที่สำคัญของการช่วยชีวิตคนทั่วไปให้รอดพ้น

ร่วมทำงานกับคนที่มีความสามารถเช่นนี้ แม้ว่าต่อไปจะต้องตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ขอเพียงแค่มีอานุภาพเกรียงไกร ก็ตายอย่างคุ้มค่า!

“ตมิสา ชยนต์!”

รพีพงษ์มองไปยังสองคนที่อยู่ตรงหน้า : “ฉันมีงานๆหนึ่ง ที่จะต้องมอบหมายให้พวกนายทำ”

“นายท่านมีธุระอะไรรีบพูดมาเลย ต่อให้อันตรายหรือยากมากแค่ไหน ผมชยนต์ก็พร้อมบุกไปกับคุณ”

“ใช่ค่ะ ตมิสาก็เช่นกัน!”

ชยนต์กับตมิสาตอบกลับ

รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ เมื่อเทียบกับบางคน หุ่นเชิดคงจะมีความจงรักภักดีมากเกินไป

“พรุ่งนี้เช้า ฉันจะต้องออกเดินทางไกล ไปครั้งนี้น่าจะหนึ่งเดือน หรืออาจจะครึ่งปี หรืออาจะมากกว่านั้น”รพีพงษ์พูดกล่าว

“วางใจ ไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ฉันและชยนต์ก็จะคุ้มกันคุณ!”ตมิสาพูดกล่าว ชยนต์ก็ไม่ได้คัดค้านไปโดยปริยาย

รพีพงษ์ส่ายหน้า : “งานที่ฉันจะมอบหมายให้พวกนายทำสำคัญมาก ขนาดที่ว่า สูงส่งกว่าชีวิตของฉัน ถ้าหากพวกนายทำสำเร็จไม่ได้ ฉันจะไม่ให้อภัยพวกนายแน่นอน!”

“นายท่าน!”

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนมองไปยังเจ้านายอย่างสงสัย

สำคัญกว่าชีวิตของเจ้านาย หน้าที่นี้มันคืออะไรกัน?

“ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ฉันไม่อยู่ พวกนายจะต้องปกป้องอยู่ข้างกายของแคลร์และขวัญนลินตลอดเวลาเหมือนปกป้องฉันยังไงอย่างนั้น รับรองความปลอดภัยของพวกเขา ได้ยินแล้วยัง?”รพีพงษ์พูดสั่ง

ชยนต์และตมิสามองตาซึ่งกันและกัน เข้าใจทันที

สิ่งที่อยู่เหนือกว่าชีวิตของรพีพงษ์ ที่แท้ก็คือความปลอดภัยของแคลร์และขวัญนลิน!

“รับทราบ!”ทั้งสองคนพูดจาพร้อมเพรียงกัน

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ มีคนที่แข็งแกร่งอย่างแดนดั่งเทพชั้นยอดทั้งสองคอยคุ้มกัน ดูแลปกป้องบ้านรับรองความปลอดภัยของอารียาและขวัญนลิน ตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะไม่มีเหตุร้ายใดๆเกิดขึ้นแล้ว

นี่คือการมีอยู่ของแดนดั่งเทพชั้นยอด ภายใต้แดนเทพ อีกอย่าง ยังมีสองท่าน!

“นายท่าน คุณวางใจเถอะ ภรรยาและลูกของคุณ มอบให้เป็นนายที่ของผม”

ชยนต์พูดอย่างจริงใจ

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชยนต์ เหมือนว่าไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เมื่อคิดพิจารณาถึงความซื่อบื้อของชยนต์ ก็ไม่ได้ซักถามลงลึกอะไร

“เจ้านาย ฉันยังมีอีกหนึ่งคำถาม” ตมิสาเอ่ยถาม : “ถ้าหากมีคนเข้ามายั่วยุตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ หรือว่าข่มขู่ความปลอดภัยของภรรยาและขวัญนลิน งั้นเราควรจะทำอย่างไรดี พาพวกเขาหนีไป หรือว่า……”

“คนที่กล้ามาข่มขู่อารียาและขวัญนลิน สับให้ตายคาที่!” รพีพงษ์พูดกล่าว

ตมิสายิ้มพร้อมพูดว่า : “ค่ะนายท่าน เมื่อคุณพูดแบบนี้ก็โอเคค่ะ เราก็รู้แล้วว่าควรทำยังไง”

“อืม พวกนายถอยกันไปก่อนเถอะ” รพีพงษ์พูดกล่าว

กลางคืน รพีพงษ์นั่งอยู่บนหลังคาบ้านเพียงลำพัง

ช่วงนี้ประมือกับคนของทวีปโอชวินสองครั้งแล้ว ทำให้รพีพงษ์รู้ซึ้งถึง ความแข็งแกร่งของตัวเองยังคงไม่เพียงพอ

อีกอย่าง ยังมีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือภายในเวลาหนึ่งปี ต้องหายาถอนพิษ และช่วยชีวิตอารียาให้รอดพ้น

เมื่อคิดถึงลูกสาวที่นอนหลับฝันหวานบนเตียง รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม

ดูเหมือนว่า ตัวเองจะต้องออกจากบ้านไปเป็นเวลานานอีกแล้ว ไม่สามารถอยู่เป็นเคียงข้างยัยตัวน้อยคนนี้ได้แล้ว

วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ามีหมอกปกคลุม

ตั้งแต่เช้าตรู่ รพีพงษ์ก็จะออกไปจากบ้านพักหลังใหญ่

“รพีพงษ์ ระวังตัวด้วยนะคะ ” อารียาพูดกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า และกอดสาวสวยคนนี้แปปหนึ่งอีกครั้ง

“จริงสิ นี้เป็นรูปที่ฉันและขวัญนลินถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ เวลาที่คิดถึงลูกสาว ก็สามารถเอามาดูได้” อารียาพูดกล่าว หยิบภาพใบนี้ออกมา

นัยน์ตาของรพีพงษ์เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ในรูป ขวัญนลินยิ้มได้สดใสมาก

“ที่นี่ ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกนายแล้วนะ”

รพีพงษ์พูดกับชยนต์และตมิสา

“วางใจเถอะนายท่าน” ทั้งสองคนตอบกลับ

รพีพงษ์ก็ไม่พูดอะไรมากอีกแล้ว ขับ Maserati ออกไปอย่างรวดเร็ว

อารียาและทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายมองดูรพีพงษ์ออกไป จนกระทั่งหายไป

ในใจของชยนต์และตมิสามีลางสังหรณ์บางอย่าง รอวันที่รพีพงษกลับมาอีกครั้ง เขาจะต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าตอนนี้!

ตลอดทางที่ลงใต้ รพีพงษ์ไม่ได้ อาลัยอาวรณ์กับทิวทัศน์ที่งดงามระหว่างทางเลย

ตอนนี้สำหรับรพีพงษ์แล้ว เวลาเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุด

เมื่อมองจากเหตุการณ์ในตอนนี้ คนของทวีปโอชวิน ดูเหมือนว่ามีการเดินทางไปกลับจากโลกบ่อยครั้งอย่างมาก

และทุกอย่างนี้ รพีพงษ์เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณที่ดับสูญไปของจอมมารชูรา

เพราะงั้น สิ่งที่รพีพงษ์จำเป็นต้องทำในตอนนี้ ก็คือพยายามยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองโดยเร็วที่สุด ก่อนที่คนของทวีปโอชวินจะเข้ามาโจมตีอย่างรุนแรง ต้องมีพลังที่จะใช้ในการต่อสู้

ก่อนหน้านี้ รพีพงษ์เคยไปที่สำนักเทพยาเซียน เขารู้ ระหว่างทางที่จะไปสำนักเทพยาเซียน มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง

ตอนนี้ รพีพงษ์ถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แล้ว

วิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนอะไรมากมาย แต่ว่า ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว กลับเห็นได้ชัดว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรเบาบางลงแล้ว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ฉันจำได้ว่าตอนที่มาครั้งก่อน แม้ว่าคนของที่นี่จะไม่ได้มีมากอะไร ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจริญรุ่งเรืองของเกียวโตได้ แต่ว่า แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเปลี่ยนแปลงมาเป็นแบบนี้นะ”

รพีพงษ์คาดการณ์ภายในใจ แต่ก็ไม่ได้คิดมากมาย

ผ่านเข้ามายังหมู่บ้าน ต่อมาก็เป็นถนนบนภูเขา ทำได้เพียงใช้เท้าเดินไปทั้งนั้น

หลังจากที่จอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ก็คิดจะพักที่โรงแรมสักหน่อย ฟื้นฟูกำลังวังชา พรุ่งนี้เช้าก็มุ่งหน้าตรงไปที่สำนักเทพยาเซียน

ไม่มีใครสักคนอยู่บนถนนเลย แม้ว่าจู่ๆจะปรากฏออกมาสองสามคน แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่หวาดกลัว

สิ่งที่ยิ่งจะทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจก็คือ คนที่อยู่บนถนนเหล่านี้มีท่าทางที่เร่งรีบ พวกเขาล้วนแต่สวมใส่หน้ากากอนามัย

“หรือว่า คนของหมู่บ้านแห่งนี้ ป่วยกันทั้งกลุ่มแล้ว?”

รพีพงษ์บ่นพึมพำในปาก

และในเวลานี้ ลุงสูงวัยกลางคนหนึ่งในมือถือถุงอาหารสามสี่ถุงเดินผ่านข้างกายรพีพงษ์ไปพอดี

“คุณลุง!”

รพีพงษ์ใช้มือรั้งชายวัยกลางคนท่านนี้ไว้ : “ขอถามหน่อยที่นี่เป็นอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่เหรอ?”

ลุงเงยหน้ามองรพีพงษ์แวบหนึ่ง สั่นคลอนไปทั้งตัว แล้วถอยลงไปสามสี่ก้าว เว้นช่องว่างระหว่างรพีพงษ์ไว้ ทันใดนั้น เขาก็หยิบสเปรย์ออกมา ฉีดเข้าไปยังรพีพงษ์อย่างมั่วซั่วเลย

แอลกอฮอล์?

รพีพงษ์ตอบสนองกลับมาทันที ก็ได้ ลุงวัยกลางคนคนนี้กำลังฆ่าเชื้อให้กับตัวเอง?

“ไอ้หนุ่ม ทำไมเวลาออกจากบ้านไม่ใส่หน้ากากอนามัยล่ะ?นายไม่รู้เหรอกว่าช่วงนี้อยู่ในวิกฤติ?” ชายวัยกลางคนพูดถาม

“วันนี้อากาศก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงต้องใส่หน้ากากอนามัย?” รพีพงษ์ถามกลับ

“นายมาจากที่อื่นสินะ”

ลุงพูดต่อ เมื่อเห็นรพีพงษ์พยักหน้ายอมรับก็พูดอีกว่า : “งั้นฉันแนะนำให้นายรีบออกไปเถอะนะ ตอนนี้ที่นี่กำลังมีการระบาดของโรคที่น่ากลัวชนิดหนึ่ง นายไม่เห็นเหรอ ทางเดินเส้นนี้ ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านแล้ว”

“โรคที่น่ากลัว?”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น

“พอแล้วพอแล้ว ฉันไม่คุยกับนายแล้ว อีกเดี๋ยวหลิงเฉินจื่อนักพรตเต๋าจะเริ่มให้ยา ฉันจะต้องรีบไปเข้าแถวแล้ว”

พูดแล้ว ชายวัยกลางคนก็รีบออกไปจากที่นี่อย่างลุกลี้ลุกลน

มองไปที่ด้านหลังของอีกฝ่าย รพีพงษ์ส่ายๆหน้า ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เป็นฤดูแห่งการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และเกียวโต ในช่วงเวลานี้ก็มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ไม่น้อยเลย

เป็นเพียงแค่ คนในหมู่บ้านเล็กๆที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอะอะโวยวายทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว

โรงแรมชิงเฟิง รพีพงษ์มองการตกแต่งของโรงแรมแห่งนี้ไม่เลวเลยทีเดียว พร้อมเดินเข้าไปแล้ว

“คุณจะทำอะไร ไม่รู้เหรอว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้าไป!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตู ขวางกั้นรพีพงษ์ไว้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน