พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1226 ท่าหลิงอิ๋น

บทที่ 1226 ท่าหลิงอิ๋น

ณ.ที่โรงแรมไม้คู่ ขณะนี้ร่างของจางเหลยกำลังนอนอยู่ในห้องของฝนสุดา

โดยมีรพีพงษ์รออยู่ข้าง ๆ จากการสัมผัสลมหายใจของจางเหลย รพีพงษ์รู้สึกว่าลมหายใจของอีกฝ่ายอ่อนมาก แต่ก็ยังถือว่ามั่นคง และไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่

ฝนสุดากับฮารุออกไปช็อปปิ้ง ขณะนี้พวกเธอก็ยังไม่กลับมา แต่รพีพงษ์รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้ตนเองอยู่อย่างเงียบสงบได้

การเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องกับพวกแดนเทพในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้รพีพงษ์จะรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขารู้สึกว่ากระแสน้ำในร่างกายของเขากำลังพลุ่งพล่าน และมีพลังที่มองไม่เห็นเหมือนว่าจะพุ่งออกมา

ก่อนหน้านั้น ตอนที่พลังวิเศษเสนทะลวง ก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน

วันนี้ เมื่อความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง รพีพงษ์รู้สึกสงสัย หรือว่าอาจทะลวงอีกครั้งหรือไม่?

เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่อยู่ในระดับของรพีพงษ์ การที่จะทะลวงแต่ละครั้งมันยากมาก

นอกจากความพยายามของตนเอง และการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องแล้ว โอกาสเพียงแวบเดียวนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน

รพีพงษ์หลับตาลง และนั่งข้าง ๆ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังในร่างกาย

รพีพงษ์รู้สึกสบายใจ เมื่อจิตวิญญาณเทพวนไปรอบ ๆ ร่างกายของเขา

ในเวลานี้ ในความคิดของเขา มนุษย์เล็กทองคำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณเทพของตนเองได้เปล่งประกายแสงออกมา

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามนุษย์เล็กทองคำคนนี้ดูสูงกว่าเมื่อก่อนมาก และความแวววาวบนร่างกายของเขาก็สว่างขึ้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ เป็นไปได้ไหมว่าในการต่อสู้กับชิงจู๋ การที่มนุษย์เล็กทองคำใช้กระบี่สยบเซียนทำให้จิตวิญญาณเทพของฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ สามารถทำให้พลังของตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น?

รพีพงษ์แอบปีติ ถ้าเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าตนเองจะค้นพบวิธีที่จะยกระดับจิตวิญญาณเทพให้เร็วขึ้น

ขณะเดียวกัน พลังที่ระเบิดออกมาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

กระบวนท่าทั้งหมดที่เทพเจ้าแห่งสงครามชูร่าสืบทอด ปรากฏอยู่ในสมองของรพีพงษ์ราวกับกำลังฉายภาพยนตร์

แต่ว่า ยิ่งถึงข้างหลัง กระบวนท่าก็ยิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้รพีพงษ์ยังไม่สามารถเข้าใจได้

“ท่าหลิงอิ๋น”

ความคิดของรพีพงษ์หยุดนิ่งทันที เขาพบว่าจิตวิญญาณเทพของตนเองสามารถจับการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้อย่างแม่นยำ

หู่เซี่ยวหงอิ๋นคลื่นเสียงขนาดใหญ่เพียงพอที่ทำลายทุกอย่าง!

จอมมารชูร่าในฐานะคนที่ต่อต้านการดำรงอยู่ของทวีปโอชวิน ทุกกระบวนท่านั้นงดงามเป็นอย่างมาก

รพีพงษ์รู้ว่า ความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้น จากระดับแรกของวิชามังกรเลื้อยไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกขั้นคือท่าหลิงอิ๋น

อย่าบอกน่ะว่า การทะลวงมันเป็นเรื่องที่ง่ายเช่นนี้?

รพีพงษ์กล่าวในใจ หลังจากฟื้นพลังจิตวิญญาณเทพ ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการต่อสู้ก็หายไปหมด

เขาลุกขึ้นยืน ดวงตาของรพีพงษ์เป็นประกาย เขาตัดสินใจจะออกไปลองดูว่าตอนนี้พลังตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน

เมื่อเขามาถึงพื้นที่ว่างเปล่า รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้แน่น

วิชามังกรเลื้อย!

กระบี่มังกรเลื้อย รพีพงษ์ทำให้พลังจิตวิญญาณของตนเองไปยังสถานะที่แข็งแกร่งที่สุด!

มังกรทองเก้าตัวเปล่งประกาย รพีพงษ์ยังคงไม่หยุด และเริ่มประสานจิตวิญญาณเทพทันที

ครั้งนี้ รพีพงษ์ รู้สึกประหลาดใจ ที่พบว่าตนเองสามารถควบคุมมักรทองสี่ตัวได้โดยตรงโดยไม่ผ่านเทคนิคลับ

หรือว่า ถึงระดับแดนเทพขั้นแรกแล้ว?

แต่ว่า หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบวินาที รพีพงษ์ก็ล้มเลิกความคิดนี้

“สามารถยืนหยัดอยู่ได้เพียงยี่สิบวินาทีเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันยังไม่เข้าสู่ช่วงเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ”

รพีพงษ์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะขึ้นมา

แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับแดนเทพขั้นแรก แต่ว่าขณะนี้รพีพงษ์ก็อยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว ด้วยความเร็วเช่นนี้ ถือว่าเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ดังเกริกก้องสั่นสะเทือนคนโบราณและรุ่งโรจน์โชติช่วงมาจนยุคปัจจุบันแล้ว!

“งั้นลองวิชาท่าหลิงอิ๋น”

ขณะที่พูด สมองของรพีพงษ์ได้ระลึกถึงกุญแจสำคัญของท่าหลิงอิ๋น

เขาตวัดมือข้างหนึ่ง ทำให้พลังของรพีพงษ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

มังกรเก้าตัวประสานรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นมังกรทองขนาดยักษ์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่กำลังอ้าปากกว้าง ดูเหมือนว่าจะสามารถกลืนกินทุกสิ่งได้!

“ท่าหลิงอิ๋น!”

รพีพงษ์ตะโกนประโยคหนึ่ง และพยายามควบคุมมังกรขนาดยักษ์ตัวนี้

เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งตรงออกมาจากปากของมังกรยักษ์ ในระยะไกลต้นสนโบราณที่ห่างออกไป 20 เมตรก็กลายเป็นเถ้าถ่านทันที

เฮ้อ!

รพีพงษ์ถอนหายใจเบาๆ และคุกเข่าลงบนพื้น

หลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่มีพลังเพียงพอที่จะควบคุมมังกรยักษ์ตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์

แต่ว่ารพีพงษ์พอใจกับพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของมังกรยักษ์ตัวนี้มาก

ตอนนี้ รพีพงษ์ที่อยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวเขาสามารถใช้ท่าหลิงอิ๋นในขั้นต้นได้แล้ว รพีพงษ์มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ด้วยเทคนิคลับ ตนเองจะสามารถควบคุมมังกรยักษ์ตัวนี้ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ท่าหลิงอิ๋น เป็นท่าไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดของตนเองในขั้นตอนนี้!

หลังจากจัดเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้ว รพีพงษ์ก็หันหลังกลับ

ทันทีที่เขาเดินไปถึงทางเข้าโรงแรม รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของฝนสุดาดังออกมาจากห้อง

“คุณเป็นใคร มาอยู่ที่ห้องฉันได้ยังไง!”

อุเอสึงิ ฮารุ ที่อยู่ด้านข้างยังกล่าวอีกว่า “พี่ฝนสุดา ดูท่าทางเขาเหมือนได้รับบาดเจ็บจนหมดสติ”

“ฉันไม่สน เขาบุกเข้าไปในห้องของฉัน ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ฉันจะเรียกคนเอามันออกไป”

ขณะที่กำลังพูด ฝนสุดาก็เดินไปที่ประตู

ตอนที่เดินไปถึงประตู ก็ชนกับรพีพงษ์ที่กำลังจะเข้ามา

“เขาคือซุปเปอร์สเปรดเดอร์”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“อะไรน่ะ คือเขา?”

ฝนสุดาหันกลับมามองจางเหลยที่กำลังนอนอยู่อย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็กล่าวเสียงดังว่า “รพีพงษ์ คุณจะทำร้ายพวกเราหรือ? เขาเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ ตอนนี้พวกเราอยู่ห้องเดียวกับเขา นั่นก็เท่ากับ……”

“ตอนนี้คุณรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติหรือเปล่า?”

รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ

ฝนสุดากับอุเอสึงิ ฮารุ มองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

“พวกคุณฝึกตามนิรภัฏ ถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว สมรรถภาพทางกายดีกว่าคนอื่นมาก ทำให้พวกคุณไม่ติดโรคนี้” รพีพงษ์กล่าว

“ถึง…..ถึงเป็นอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรเอาเขามาไว้ในห้องของฉัน คุณก็รู้ ฉันไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้ามาในห้อง” ฝนสุดากล่าวหน้าบึ้ง

รพีพงษ์ตะลึง โอเค เมื่อคืนนี้ยังเชิญตนเองเข้ามาในห้องเลย แต่ตอนนี้แสร้งทำเป็นถือตัว

“เขาคือซุปเปอร์สเปรดเดอร์งั้นก็หมายความว่า ขอแค่รักษาเขาให้หาย โรคระบายในครั้งนี้ก็จะหมดไป?” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝนสุดาก็พยักหน้าเห็นด้วย มีประกายความชั่วร้ายแวบออกมาจากสายตา

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้ฉันจัดการ”

“คุณจะทำอะไร!”

รพีพงษ์รีบขัดขวาง

“ฆ่าเขาซะ ผู้คนในเมืองก็จะได้รับการช่วยเหลือใช่ไหม?” ฝนสุดากล่าว

รพีพงษ์ยิ้มขมขื่น หญิงสาวประเทศญี่ปุ่นคนนี้เมื่อลงมือไม่เคยผัดวันประกันพรุ่งเลย มันคล้ายกับตอนที่ตนเองเห็นเธอครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รพีพงษ์ไม่รู้ก็คือ ฝนสุดาจะแสดงความอ่อนโยนต่อหน้าเขาเท่านั้น

“ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา ก็สามารถป้องกันโรคระบาดในครั้งนี้ได้” รพีพงษ์กล่าว

“หรือว่า คุณมีวิธีที่ดี?” ฝนสุดากล่าวถาม

รพีพงษ์มองดูสาวงามทั้งสอง และยิ้มเล็กน้อย “วิธีน่ะมี แต่ถ้าคนสวยอย่างพวกคุณทั้งสองคนจัดการ จะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก”

หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็กระซิบบอกวิธีกับพวกเธอสองคน แล้วก็เดินออกไป

ตอนกลางคืน นิ้วของจางเหลยขยับเบาๆ

คนที่สามารถได้รับเลือกให้เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์สมรรถภาพทางกายของเขาต้องแข็งแกร่งมาก

“ผมรู้สึกปวดหัวมาก”

จางเหลยขมวดคิ้วและตะโกน จากนั้นก็ลืมตาขึ้น เห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย

การตกแต่งโดยรอบนั้นดูเรียบง่ายและหรูหรา สิ่งที่ทำให้จางเหลยรู้สึกประหลาดใจก็คือ มีสาวสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำชา

“ใช่แล้ว คนที่เพิ่งตื่น ต้องกระหายน้ำแน่” อุเอสึงิ ฮารุ กล่าวแล้วนั่งข้าง ๆจางเหลย

“ผม…..ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ถ้ามันเป็นความฝัน ผมหวังว่าจะไม่ตื่น” จางเหลยกล่าว

ฝนสุดาอดหัวเราะไม่ได้ หลังจากเธอและอุเอสึงิ ฮารุมองหน้ากัน จากนั้นก็เล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้จางเหลยฟัง ตามที่รพีพงษ์บอก

……

สิบนาทีต่อมา จางเหลยออกจากโรงแรมโดยสวมหน้ากาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท