พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1229 ยังมีพรสวรรค์ของนักกลั่นยา

บทที่ 1229 ยังมีพรสวรรค์ของนักกลั่นยา

โตษินเห็นว่ารพีพงษ์ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับตนเอง ก็บำเพ็ญถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้มันทำให้โตษินผู้ซึ่งเคยคิดว่าตนเองมีพรสวรรค์รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก

“ตอนนี้ ผมสามารถเข้าไปได้แล้วใช่ไหม?”

รพีพงษ์กล่าวถาม

“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ มีคนอย่างคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” โตษินตะโกนอย่างโง่เขลา

รพีพงษ์รู้สึกจำใจ ไอ้หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นสมาชิกของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างไร?

“ไม่ เจ้าสำนักสั่งให้ผมเฝ้าประตูสำนักให้ดี ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นปรมาจารย์แดนดั่งเทพแล้วยังไง ผมก็ไม่กลัวคุณ!”

รพีพงษ์ถอนหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่สั่งสอนชายหนุ่มที่ดื้อรั้นคนนี้ คงจะเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้

ขณะที่พูด โตษินโบกกระบี่ยาวที่อยู่ในมือ

“ไม่เลว!”

รพีพงษ์ชื่นชม พลังของกระบี่เล่มนี้ด้อยกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับตอนที่ตนเองอยู่ในระดับแดนปรมาจารย์

สองนิ้วบีบเข้าหากันในอากาศ

ในมุมมองของรพีพงษ์ การโจมตีของระดับแดนปรมาจารย์นั้นช้าเกินไป

เขาแค่สะบัดนิ้วไปที่กระบี่ของอีกฝ่าย

โตษินพึมพำ แค่รู้สึกชาที่ข้อมือ จากนั้นกระบี่ยาวก็ตกลงสู่พื้นโดยตรง

“นี่คือระดับปรมาจารย์แดนดั่งเทพหรือ? ไม่นึกเลยว่ามันจะน่ากลัวเช่นนี้? ”

โตษินตกตะลึงเป็นเวลานาน แต่เขาก็เตรียมพร้อมที่จะปกป้องสำนักเทพยาเซียนแม้ต้องเสียเลือดก็ตาม

ขณะที่เขากำลังจะโจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้น มีพลังพุ่งตรงมาที่ข้างหลังของเขา

ชั่วพริบตา มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าโตษิน

ชายชรายื่นแขนออกมาหนึ่งข้าง เพื่อขวางการโจมตีของโตษิน

“เจ้าสำนัก!” โตษินโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว

“โตษิน คุณกำลังทำอะไร นี่คือวิธีที่คุณใช้ต้อนรับแขกหรือ?”

จิรภัทรถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“อาจารย์ นี่คือคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ คุณเคยพูดไว้ ทุกคนในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสำนัก!” โตษินกล่าว

“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?”

จิรภัทรหันไปมองรพีพงษ์ที่กำลังยิ้ม จากนั้นก็หันไปตำหนิโตษิน

“ไอ้หนู อย่าพูดจาส่งเดช เขาคือรพีพงษ์!”

“รพีพงษ์?” โตษินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “คุณ…..คือรพีพงษ์ที่ดูดซับพลังทิพย์ในน้ำพุของเราไปมากกว่าครึ่งหรือ?”

“ถูกต้อง คือผมเอง”

รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ครั้งแรกที่ตนเองมาที่สำนักเทพยาเซียนกับอุเอสึงิ ฮารุ ตอนนั้นเพราะเขาเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของผู้อาวุโสแห่งสำนักเทพยาเซียน เพื่อเป็นการขอบคุณ จิรภัทรได้อนุญาตให้รพีพงษ์แช่ตัวในบ่อน้ำพุที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ

รพีพงษ์อาศัยสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่งของตนเอง ดูดซับพลังจิตวิญญาณในบ่อน้ำพุไปมากกว่าครึ่ง

ศิษย์ทุกคนในสำนักเทพยาเซียนรู้เรื่องนี้ดี

และรพีพงษ์ ก็กลายเป็นเทพเจ้าสำหรับพวกเขา

“ที่แท้ คุณไม่ใช่สมาชิกของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ” โตษินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผมไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นสมาชิกของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ คุณเป็นคนคิดไปเอง ผมจะทำอะไรได้ล่ะ?”

รพีพงษ์พูดติดตลก สำหรับโตษินที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย

“รพีพงษ์ คราวนี้คุณมาที่นี่ ดูเหมือนว่าพลังความแข็งแกร่งของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก”

ในฐานะนักกลั่นยา จิรภัทรสามารถตัดสินจากสีหน้าและสภาพความเป็นจริงของรพีพงษ์ได้ว่าของอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่

“สันนิษฐานว่า คุณได้เข้าระดับแดนดั่งเทพแล้วใช่ไหม” จิรภัทรกล่าวถาม

รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่ตอบ

และโตษินที่อยู่ด้านข้างก็รีบตอบว่า “เจ้าสำนัก คุณพูดถูก พี่รพีพงษ์น่าทึ่งจริง ๆ เขาฝึกถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว ยิ่งกว่านั้น กระบี่ยาวที่เขาเสกออกมาดูใหญ่และแข็งแกร่งกว่าที่อาจารย์เสกออกมามาก!”

“จริงเหรอ?”

สีหน้าจิรภัทรเต็มไปด้วยความปีติ และเดินไปข้างหน้ารพีพงษ์ “ถ้าอย่างนั้นก็สามารถพูดได้ว่า คุณถึงขั้นกลาง…..ของระดับแดนดั่งเทพแล้ว?”

“สูงกว่าที่คุณพูดนิดหน่อย…..” รพีพงษ์ตอบอย่างถ่อมตน

“อัจฉริยะ อัจฉริยะจริง ๆ เมื่อเทียบกับคุณ การฝึกของข้า ไปไม่ถึงไหนเลย”

จิรภัทรยิ้มและส่ายศีรษะ

“ไปเถอะ ผมเพิ่งเตรียมเหล้าสาเกไว้ที่ศาลา คุณมาได้จังหวะพอดี พวกเราไปดื่มและคุยกันเถอะ”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็พารพีพงษ์เข้าไปในสำนักด้วยกัน

ในสำนัก คลื่นน้ำสีเขียว ไหลรินอย่างช้า ๆ

มีศาลาโบราณอยู่เหนือต้นสนและหินประหลาด

รพีพงษ์นั่งตรงข้ามจิรภัทร บนแท่นหิน ผลไม้ดองและเนื้อแห้งบางส่วนถูกวางอย่างเรียบง่าย และมีเหล้าสาเกสองไหกำลังต้มอยู่

“รพีพงษ์ลองดื่มเหล้าที่ผมหมัก ผมใส่เซียนสมุนไพรในหุบเขาเข้าไปด้วย หลังจากที่คุณดื่มมันจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก” จิรภัทรแนะนำ

รพีพงษ์ดื่มไปหนึ่งจอก กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว

“โตษินเป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นในสำนักของเรา แต่บุคลิกของเขาดื้อรั้นและหยิ่งยโสไปหน่อย หากมีสิ่งใดที่ทำให้คุณขุ่นเคือง ผมก็ขอโทษแทนเขาด้วย” จิรภัทรกล่าว

เห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจโตษินศิษย์คนนี้เป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไร คนหนุ่มจะหยิ่งยโสหน่อยได้ก็ไม่เป็นไร”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

ตนเองจัดการศัตรูทั้ง 5 ตระกูล นั่นถึงจะสามารถเรียกว่าหยิ่งยโสมากถึงขนาดไม่เห็นทุกอย่างไม่อยู่ในสายตา!

“ผมได้ยินโตษินพูดว่าสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุกำลังจะมา นี่มันเรื่องอะไร?” รพีพงษ์ขมวดคิ้วและกล่าวถาม

“คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุหรือ?”

จิรภัทรกล่าวถาม

เมื่อเห็นรพีพงษ์พยักหน้า จิรภัทรกล่าวต่อไปว่า “นักกลั่นยาในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ฝีมือและอัตราความสำเร็จในการกลั่นยานั้น ถือว่าเก่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะผู้อาวุโสหลายท่านของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผม”

“ถ้าพวกเขาสามารถอุทิศตนให้กับศิลปะแห่งยาเม็ดได้ บางที…….”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จิรภัทรหยุดเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อไปว่า “เพียงแต่ พวกเขาทั้งหมดล้วนลุ่มหลงความเจริญรุ่งเรืองของโลกภายนอก หลงใหลในลาภยศเงินทอง และยาเม็ดที่อยู่ในมือได้กลายเป็นเครื่องมือหาเงินของพวกเขา”

“ไม่ว่าผู้ซื้อจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว ขอแค่เต็มใจจ่าย พวกเขาจะมอบเม็ดยาประเภทต่าง ๆ ให้ผู้ซื้อ”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้

อันที่จริง เมื่อดูจากการกระทำของเฉินชิวหมิงกับลูกศิษย์ รพีพงษ์ก็สามารถตัดสินคนสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างคร่าว ๆแล้ว

หากคนชั่วผู้มั่งคั่งได้รับยาแล้ว ใช้ยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและทำความชั่วต่อไป ผลกระทบจะมีมหาศาล

“แต่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับสำนักเทพยาเซียนของคุณ พูดตามหลักแล้ว พวกคุณสองสำนักต่างคนต่างอยู่ ทำไมพวกเขาถึงมาที่สำนักเทพยาเซียนปีละครั้งล่ะ” รพีพงษ์กล่าวถาม

จิรภัทรยิ้มเล็กน้อยและลุกขึ้นยืน

“รพีพงษ์ คุณดูสัตว์เซียนที่เติบโตในหุบเขานี้”

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองดูภายในสำนักเทพยาเซียน ซึ่งทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยพลังทิพย์และสมบัติล้ำค่า

“ผมรู้แล้ว เพราะพวกเขาต้องการหาเงินได้มากขึ้น ก็ต้องทำยาระดับสูงขึ้น และวัตถุดิบของยาระดับสูงต้องดี” รพีพงษ์กล่าว

“คุณพูดถูก”

จิรภัทรกล่าวต่อ “มียาเซียนมากมายในสำนักเทพยาเซียน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่ต้องการสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้น ทุกปีพวกเขาใช้ข้ออ้างในการแข่งขันกลั่นยา แต่จริง ๆแล้วพวกเขาต้องการมายึดสัตว์เซียนของสำนักเทพยาเซียน”

“คุณปฏิเสธได้” รพีพงษ์กล่าว

“ปฏิเสธ?” จิรภัทรส่ายศีรษะอย่างจำใจ “ถ้าปฏิเสธ สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุจะทำลายสำนักเทพยาเซียนของเราโดยทันที”

รพีพงษ์ตกใจหลังจากได้ยิน และทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่เฉินชิวหมิงเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้

คนในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุต่อสู้ไม่เก่งนัก แต่คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขานั้นทรงพลังอย่างยิ่ง

ด้วยกำลังความสามารถของสำนักเทพยาเซียนในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุได้

“ดังนั้น สำนักเทพยาเซียนของพวกคุณ พ่ายแพ้ไปหลายครั้งแล้ว และวัตถุดิบทางยาก็ถูกแย่งชิงไปมากแล้ว?” รพีพงษ์กล่าว

จิรภัทรพยักหน้า “ระดับการผลิตยาของพวกเขาน่าทึ่งมาก เป็นเวลา 40 ปีติดต่อกันที่เราไม่เคยชนะเลย”

รพีพงษ์ตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เป็นเวลา 40 ปีแล้วที่พวกเขาไม่ชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นความอัปยศอดสู

“ผมไม่รู้วิธีกลั่นยา มิฉะนั้น…… ”

จิรภัทรหัวเราะหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “นี่เป็นเรื่องภายในสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ต้องตำหนิทักษะฝีมือของพวกเราไม่ดี ห่างจากพรสวรรค์มากเกินไป และไม่มีใครที่สามารถครอบครองชี่เทพเซียนได้”

“ชี่เทพเซียน” เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ได้ยินชื่อนี้

“โอ้ นี่แหละที่เรียกว่าจิตวิญญาณเทพ หากจิตวิญญาณเทพของบุคคลนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ มันก็คงจะดีสำหรับการกลั่นเม็ดยา” จิรภัทรกล่าว

จิตวิญญาณเทพ?

นี่เป็นสิ่งที่ตนเองคุ้นเคยที่สุดนี่?

รพีพงษ์มีจิตวิญญาณเทพโดยกำเนิด และจิตวิญญาณเทพได้ตื่นนานแล้ว

“หรือว่า ผมยังมีพรสวรรค์ในการเป็นนักกลั่นยา?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท