พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1241 กดขี่โดยสิ้นเชิง

บทที่ 1241 กดขี่โดยสิ้นเชิง

เวลาผ่านไปแล้วกว่าหนึ่งชั่วโมง ทุกคนที่เดิมทีเตรียมจะดูเรื่องตลกกลับพบว่า เครื่องยาสมุนไพรตรงหน้าของรพีพงษ์น้อยลงเรื่อยๆ

และเบื้องหน้าของรพีพงษ์ เค้าโครงของเม็ดยาสามเม็ดก็ปรากฏขึ้นแล้ว

พวกเขาถึงจะพบว่า ที่แท้ ผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะทำยาทั้งสามเม็ดออกมาในเวลาเดียวกัน!

ในเวลานี้รพีพงษ์ได้เพ่งความสนใจไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว และเขาพบว่า การทำเม็ดยา มันยากกว่าการควบคุมมังกรทองซะอีก!

อันดับแรก เวลาการทำยาค่อนข้างยาวนานมาก อันดับที่สอง ห้ามประมาทแต่อย่างใดเลย หากเกิดการคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ก็จะทำให้ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปล้วนสูญเสียไปเปล่า ๆ เพราะงั้น นี่ก็ต้องการการเพ่งความสนใจอย่างมาก

“โชคดีที่จิตวิญญาณเทพของเมื่อวานทะลุผ่านเข้าไปแล้ว ไม่อย่างงั้น ก็ไม่รู้จริงๆว่าวันนี้จะสามารถประคับประคองจนทำเม็ดยาที่อยู่ในระดับที่ต่างกันทั้งสามเม็ดออกมาได้หรือเปล่า”

รพีพงษ์ครุ่นคิดในใจ

และในเวลานี้ จิลลากลับว่ารู้สึกทึ่งถึงวิธีการของรพีพงษ์แล้ว

“เขา……เขาทำยาอย่างนี้ออกมาได้ยังไง?วิธีการแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ฉันเดานะ แม้แต่เจ้าจิรภัทรก็ยากที่จะทำให้สำเร็จ”

จิลลาแววตาหมองคล้ำ การเคลื่อนไหวในมือก็ได้หยุดลงแล้ว

“พี่จิลลา คุณอย่าหยุดนะ ไม่แน่คนๆนี้อาจจะเสแสร้งแกล้งทำก็ได้ ทำยาสามเม็ดออกมาได้ทันที มันยากที่จะทำสำเร็จอยู่แล้ว!”

ชุติเดชพูดกล่าว

หลังจากที่จิลลาได้ยิน ก็พยักหน้าอย่างลับๆ

ถูกต้อง แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้สำเร็จ เขาก็ยิ่งจะไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จได้เลย!

ที่ชุติเดชพูดก็ถูกนะ เขากำลังเสแสร้งแกล้งทำ คนๆนี้ เป็นคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวด!

หลังจากที่ตัวเองปลอบใจตัวเองเสร็จแล้ว จิลลาก็เริ่มใหม่อีกครั้ง

เม็ดยาระดับกลางที่อยู่ในมือก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ในใจของจิลลารู้สึกโชคดีแบบไม่คาดคิด รู้สึกว่ารพีพงษ์ก็แค่ทำท่าทำทางดัดจริตก็เท่านั้น

หลังจากนั้น กลิ่นหอมของยาที่เข้มข้นก็แพร่ซ่านมาทางข้างๆ ก็ทำให้เธอพ่ายแพ้แล้ว

ทุกคนในเวลานี้แม้แต่เสียงโห่ร้องเชียร์ให้กับจิลลาก็ไม่มีแล้ว พวกเขากลั้นลมหายใจ แต่ละคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องใหญ่โตที่จะเกิดขึ้น

ในตอนนี้จิลลากลายเป็นคนที่เก้ๆกังๆที่สุดในสนาม ตอนนี้ต่อให้เธอจะทำอะไรอีกก็ตาม แทบจะไม่มีความหมายอะไรแล้ว

และในเวลานี้ ยาเม็ดทั่วไปเม็ดแรกที่นำมาซึ่งกลิ่นหอมของสมุนไพรได้กลั่นเสร็จแล้ว ตามมาด้วย รพีพงษ์ขยับๆพลังจิต แล้วผลิตยาเม็ดระดับกลางออกมาสำเร็จแล้ว

“ก็เหลือแค่เม็ดยาระดับสูงแล้ว เขาสามารถทำให้สำเร็จได้ในคราวเดียวกันไหม?” ผู้คนพูดอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาก็คงหัวเราะเยาะรพีพงษ์ แต่ตอนนี้ ราวกับว่าพวกเขากำลังชมการแสดงของนักเล่นแร่แปรธาตุยังไงอย่างนั้น

ลมภูเขาพัดผ่านไป พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ก็พลุ่งพล่านออกมาเป็นรอบสุดท้าย

ยาเม็ดระดับสูง สำเร็จ!

และในเวลานี้ ยาเม็ดระดับกลางของจิลลาก็เพิ่งจะกลั่นออกมาเอง

รพีพงษ์โล่งใจแล้ว บนหน้าผากก็ปรากฏเม็ดเหงื่อออกมาแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้ การประกอบเม็ดยาต่างระดับทั้งสามเม็ดในเวลาเดียวกัน บริโภคจิตวิญญาณเทพไปเยอะมาก

การทะลุผ่านเข้าไปของจิตวิญญาณเทพเมื่อวานนี้ รพีพงษ์ก็ใช้พละกำลังสุดท้ายไปแล้ว ถึงได้ผลิตเม็ดยาออกมาสำเร็จทั้งหมด

“เขา……ทำสำเร็จแล้วจริงๆเหรอ?”

จิลลาวางทุกอย่างที่อยู่ในมือ ค่อยๆเคลื่อนย้ายไปที่รพีพงษ์

“ชี่ยา คือชี่ยา!”

ชุติเดชพูดตะโกนเสียงดัง คนรอบข้างพรั่งพรูเข้ามาทันที

เม็ดยาที่ต่างระดับกันสามเม็ดวางอยู่บนโต๊ะ นอกจากกลิ่นหอมสมุนไพรที่เข้มข้นของแต่ละเม็ดแล้ว ยังนำพามาซึ่งชี่ยาเป็นระยะๆ

การปรากฏของชี่ยา แสดงให้เห็นว่าเม็ดยาทั้งสามเม็ดที่รพีพงษ์ทำขึ้นมานี้ ล้วนเป็นการมีอยู่ที่เหนือกว่าสินค้าชั้นสูงทั้งหมด

ผลการทดสอบสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้คนเคารพนับถือก็คือรพีพงษ์สามารถนำยาเม็ดมาผสมผสานกันได้เหมาะพอดีทีเดียว

“คุณแพ้แล้ว” รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบ

จิลลาก้มหน้าลง กัดที่ริมฝีปาก

ในเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุที่ภาคภูมิใจของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอพ่ายแพ้ และผู้ชายที่อยู่ตรงกันข้าม มองดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่ตัวเองจะโจมตีให้ป่นปี้

แม้ว่าจะให้โอกาสจิลลาสักสามสี่ปีเพื่อจะให้ตามให้ทัน แต่ว่าจิลลารู้ดี เธอไม่สามารถกลั่นยาสามระดับที่แตกต่างกันทั้งสามเม็ดในเวลาเดียวกันเหมือนรพีพงษ์ได้เลย

“คุณ……เรียนมาเพียงสองวันจริงๆเหรอ?” จิลลาเอ่ยถาม

“ถูกต้อง ”รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว

จิลลาส่ายหน้า พร้อมพูดว่า : “ไม่ เป็นไม่ได้ เพียงแค่สองวัน คุณก็สามารถทำเม็ดยาแบบนี้ออกมาได้แล้ว คุณกำลังโกหกฉันใช่ไหม?”

รพีพงษืมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง พูดอย่างราบเรียบว่า : “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณยอมรับมันไม่ได้ แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ เทคนิคของการกลั่นยา พรสวรรค์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และผมมีพรสวรรค์ คุณ ไม่มี”

“อะไร!”

ผู้คนต่างอุทานออกมาอย่างตกใจ

“เขาบอกว่าจิลลาไม่มีพรสวรรค์?”

“นี่……ถ้าจิลลาไม่มีพรสวรรค์ งั้นพวกเราจะถือว่าเป็นอะไรกันล่ะ?”

……

แต่ว่า ท่าทางที่รพีพงษ์แสดงออกมาเมื่อกี้นี้พิชิตใจทุกคนได้อย่างสิ้นเชิง

เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว พรสวรรค์ของตัวเอง แม้ว่าเป็นจิลลา ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย

“ฉัน ไม่มีพรสวรรค์?” จิลลาพูดในปากเงียบๆ และก็เป็นครั้งแรกที่ตัวเองเกิดความสงสัยในใจขึ้นแล้ว

“ไม่เพียงแค่คุณจะไม่มีพรสวรรค์นะ แถมยังอำมหิตเอาแต่ใจ ไม่มีใครอยู่ในสายตา ทำให้คนเกลียดชัง”

รพีพงษ์เอ่ยพูดต่อ

ในเมื่ออยากจะกดขี่ งั้นก็ต้องกดขี่ให้ถึงที่สุดหน่อย

“คุณ……คุณรังแกคนอื่นเกินไปแล้ว” จิลลามองไปยังรพีพงษ์อย่างโมโห มีน้ำตาที่กำลังกลอกไปมาที่อยู่เบ้าตา

ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียน ได้รับความสนใจจากจิรภัทรอย่างมาก ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน

“คุณเคยรังแกคนอื่นหรือเปล่า ในใจตัวเองรู้ดี”

รพีพงษ์พูดกล่าว : “นักกลั่นยา สิ่งที่ต้องห้ามมากที่สุดคือความใจร้อน แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงได้ทำตัวเหิมเกริมว่าทักษะของตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น มักจะจัดงานที่เรียกว่าประลองขึ้นมา แต่ว่าก็เพื่อจะพิสูจน์ให้กับศิษย์รุ่นน้องของคุณรู้ว่า คุณแข็งแกร่งกว่าพวกเขา คุณคิดว่า นี่มันน่าสนใจมากนักเหรอ?”

“ฉัน……”

จิลลากดริมฝีปาก คำพูดของรพีพงษ์ มีความหมายอยู่ในทุกๆประโยค

จริงๆแล้ว จิลลาก็เข้าใจ ในทุกๆเดือนตัวเองก็จะจัดการประลองแบบนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะกดขี่ศิษย์น้องที่อยู่ในสำนักเดียวกันเหล่านี้ ให้พวกเขาได้รู้ถึงความเก่งกาจของตัวเอง

รพีพงษ์มองอีกฝ่าย ไม่มีความรู้สึกสงสารแม้แต่นิดเดียว : “ถ้าหากคุณยังอำมหิตแบบนี้ต่อไป ต่อไปกจะไม่มีใครสนใจคุณอีกแล้ว”

“คุณพูดพอแล้วหรือยัง!”

จิลลาตะโกนพูดเสียงดัง หลายปีที่ผ่านมา ถือว่านี้เป็นครั้งแรกที่มีคนมาพูดจาโจมตีตัวเองด้วยคำพูด

โมโห อัปยศ ผสมผลสานกันอยู่ในใจของจิลลา

เธอกำหมัดแน่น เพราะความร้อนใจจึงทำให้ร่างกายเกิดความสั่นคลอน : “ฉันไม่อนุญาตให้คุณมาว่าฉันแบบนี้!”

พูดจบ จิลลาที่ชอบเอาชนะผู้อื่น พุ่งเข้าใส่รพีงษ์เลย ยังคงมีกริชเล่มนั้นอยู่ในมือเช่นเคย

“ไม่สำนึกผิดและกลับตัว!”

รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างเยือกเย็น โบกด้วยมือเดียว ล้มไปทางข้างเลย

“ศิษย์พี่!”

ชุติเดชและพวกรีบวิ่งเข้าไปทันที ที่ปากของจิลลามีเลือดไหลออกมา เก็บกริชขึ้นมา ยังอยากจะเข้าไปอีกครั้ง

ในเวลานี้ ก็มีน้ำเสียงที่แก่ๆแพร่ซ่านเข้ามาจากด้านหลัง

“จิลลา แกพอได้แล้ว!”

จิลลาหยุดอยู่กับที่ หันหน้ากลับไปมอง ที่แท้ก็เป็นจิรภัทรและปยุตเดินมาที่นี่

“เจ้าสำนัก คนๆนี้รังแกข้า ข้าจะฆ่าเขา!” จิลลาพูดกล่าว

“คุกเข่าลง!”

จิรภัทรพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง สายตาที่ไม่อาจปฏิเสธได้

“เจ้าสำนัก……”

“ข้าให้เจ้าคุกเข่าลง ได้ยินหรือไม่!”จิรภัทรพูดสั่งอย่างเยือกเย็น

จิลลาคุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้า

“เจ้าสำนัก ท่าน……ท่านไม่เคยทำแบบนี้กับข้ามาก่อนเลยนะ จู่ๆก็เพื่อคนนอกคนหนึ่ง ก็ให้ข้าคุกเข่าลง?”

จิรภัทรพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอนว่า : “คนนอก?เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ของสำนักเทพยาเซียนของเรา การประลองกับสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุในครั้งนี้ต้องพึ่งพาเขาทั้งหมดแล้ว!”

“อะไรนะ? ผู้สูงศักดิ์?”

ผู้คนมองไปยังรพีพงษ์อย่างตกใจ

จิรภัทรมองไปยังจิลลาด้วยความสงสัย พูดด้วยเสียงต่ำว่า : “ปกติแล้วข้าก็ใจกว้างกับเจ้ามากนะ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว สิ่งที่ข้าทำมันไม่ถูกต้อง การประลองในวันนี้ เจ้าแพ้แล้ว ในเมื่อแพ้แล้ว ก็ต้องไปขอโทษ ทำตามคำสั่ง ได้ยินแล้วยัง!”

“เจ้าสำนัก ข้า……”จิลลากัดฟัน สีหน้าดูแย่อย่างมาก

“พอแล้วพอแล้ว ไอจิรภัทรท่านก็อย่าปฏิบัติต่อศิษย์ผู้น้องเช่นนี้เลยนะ”

ปยุตยิ้มพร้อมเดินเข้ามาประนีประนอมกัน

เขาเดินมาที่ข้างกายของจิลลา ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่เป็นไรนะ แพ้ให้กับรพีพงษ์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไร”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท