พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1235 ระดับสูงอย่างดี

บทที่ 1235 ระดับสูงอย่างดี

บทที่ 1235 ระดับสูงอย่างดี
“ใช่แล้ว ผมเป็นพยานได้ ว่านี่เป็นยาเม็ดตั้งสมาธิที่ทำออกมาจากมือของรพีพงษ์จริงๆ !” ปยุตพูดอย่างมั่นใจมาก

“เอ่อ แต่นี่เป็นยาระดับต่ำที่ดีที่สุดเลยนะเนี่ย!อีกอย่าง ยิ่งตกใจกว่านั้นก็คือ ยาระดับต่ำอย่างดีเม็ดนี้ ยังมีชี่ยาผุดออกมาด้วย ต่อให้เป็นยาระดับสูงแค่ไหน ก็ไม่มีชี่ยาแบบนี้” จิรภัทรชื่นชม

ชี่ยาที่ว่านี้ ก็เหมือนกับจิตวิญญาณของอาวุธนั้นๆ

ขอเพียงคนที่กลั่นยามีทักษะสูงส่ง ขณะที่กลั่นยานั้น จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน พลังจิตได้รวมเข้ากับตัวยา ก็จะเกิดเป็นชี่ยา

ถึงแม้จะเป็นยาที่ระดับต่ำ แต่พอมีชี่ยาอยู่ด้วย ราคาก็จะสูงขึ้นหลายเท่า ถึงขนาดแพงกว่ายาระดับกลางได้เลย

“เจ้าปยุต ครั้งก่อนที่เห็นชี่ยา ก็เมื่อตอนที่คุณทำยาระดับสูงเม็ดนั้น สมัยหลายสิบปีที่แล้ว ไม่คิดเลยว่า เมื่อมาถึงมือของรพีพงษ์ ก็มาพบชี่ยาในยาเม็ดระดับต่ำแบบนี้” จิรภัทรกล่าวชม

ปยุตพยักหน้า “ใช่น่ะสิ ตอนนั้นผมปลีกตัวบำเพ็ญอยู่3เดือน ถึงทำยาระดับสูงแบบนั้นออกมาได้ เวลาก็ผ่านไปเป็น10ปีแล้ว ผมในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถทำยาระดับนั้นออกมาได้อีกแล้ว”

“รพีพงษ์ ช่างเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมาจริงๆ !”

จิรภัทรก็ชื่นชมในใจว่า ที่คนเก่งเป็นคนเก่งได้ ก็เพราะว่าเข้าเรียนอะไรหลายๆ อย่างได้เร็ว แถมยังเก่งกว่าคนทั่วไป

“เอ่อ แล้วตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ล่ะ? รู้หรือยังว่าตนเองทำยาที่มีชี่ยาออกมาด้วย?” จิรภัทรถาม

“เขายังไม่รู้”

ปยุตตอบไป “แต่ว่า ผมได้เอาสูตรอีกแบบให้เขาไป คาดว่า ตอนนี้เขาคงจะกำลังกลั่นยานั่นอยู่”

“ยาอะไร?” จิรภัทรถาม

ปยุตมองจิรภัทร แล้วพูดเบาๆ ว่า “ยาเม็ดเหอชี่”

“ยาเม็ดเหอสเต๊ก” จิรภัเข้าฌานก็ลากปเท่เข้ามาพูดว่า “คุณหมายความว่า คุณให้เขาได้ลองทำยาระดับสูงเลยงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจุดสูงสุดของรพีพงษ์อยู่ตรงไหน” จิรภัทรตอบตามตรง

“ใช่ คุณพูดถูก คนที่สามารถทำให้ยาระดับมีชี่ยาออกมาได้ ถ้ามัวแต่ทำยาระดับต่ำ ก็จะเสียดายฝีมือเปล่าๆ”

พูดจบ จิรภัทรก็ลากไปปยุต “ไป เดี๋ยวผมไปกับคุณด้วย ไปดูสิว่ารพีพงษ์จะมีอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นอีกไหม”

สองคนเดินตามกันไป แล้วเดินกลับเข้าไปทางในถ้ำ

ด้านในถ้ำในตอนนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยาสมุนไพร

จิตวิญญาณเทพออกท่องภวังค์ รพีพงษ์ที่หลับตาอยู่ ก็รู้สึกกับสิ่งที่กำลังสัมผัสอยู่ทุกอย่าง

“ยาเม็ดตั้งสมาธิเมื่อครู่ทำออกมาล้มเหลว ครั้งนี้ จะต้องตั้งใจมากกว่าเดิมหน่อย!”

รพีพงษ์คิดในใจ แล้วก็ตั้งใจมากกว่าเดิมหลายเท่า

รพีพงษ์ในตอนนี้ ก็เข้าสู่ห้วงภวังค์ ในหัวของเขา มีแต่เรื่องที่กำลังกลั่นยาอยู่อย่างเดียว โดยไม่สนใจสิ่งอื่น

จากเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ รพีพงษ์ก็ยิ่งพบว่า ยาเม็ดนี้ต้องการพลังจิตวิญญาณเทพ มากกว่ายาเม็ดตั้งสมาธิเมื่อครู่นี้หลายเท่า

“ดูเหมือนว่า ยาเม็ดตั้งสมาธิเม็ดก่อนหน้านี้ ตนเองจะไม่ได้พยายามอย่างจริงจัง ถ้าทำเต็มที่ล่ะก็ ต่อให้เป็นยาระดับต่ำ ก็คงจะทำให้คนตกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว”

“ยาระดับต่ำก็สูญเสียจิตวิญญาณเทพขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายาชั้นเลิศจะเป็นอย่างไร?”

รพีพงษ์คิดในใจ เขาก็ยังคงใช้มือทำยาที่ดูเหมือนจะเป็นยาระดับต่ำนั้นต่อไป โดยไม่รู้ว่า ยาเม็ดระดับสูงกำลังจะเสร็จสมบูรณ์โดยมือของเขา

“ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว!”

รพีพงษ์กระตุกประสาท แล้วเริ่มขั้นตอนการหลอมรวมขั้นสุดท้าย

ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่สำคัญพอดู จะตัดสินว่ายาจะอยู่ในระดับไหนก็ตัดสิ้นที่ขั้นตอนนี้ จะต้องทำให้ถึงขั้นที่จิตใจและจิตวิญญาณเทพหลอมรวมเป็นหนึ่ง

หากจากนั่นไม่ไกล ปยุตก็ถูกจิรภัทรเดินทิ้งห่างออกไปอย่างไกล

“ไอจิรภัทร รอกันด้วยสิ!” ปยุตตะโกนอยู่ด้านหลัง

“คุณนี่นะ ปกติก็บอกแล้วว่าให้เบาๆ ดื่มเหล้าหน่อยก็ไม่ฟัง เป็นไงล่ะ ระยะทางแค่นี้ก็เดินไม่ไหวเสียแล้ว!” จิรภัทรพูดไป ฝีก้าวก็เริ่มช้าลง

ผ่านไปพักใหญ่ ทั้งสองคนก็ห่างจากถ้ำนั้นไปเกิน100เมตรแล้ว

ทันใดนั้น จิรภัทรที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง จนเกือบทำให้ปยุตเดินตามมาชนเข้าให้!

“ตาแก่นี่ อยู่ดีๆ จะหยุดทำไม!” ปยุตเกาหัวพูด

“อย่าเพิ่งพูด ลองดมดูสิ ได้กลิ่นอะไร!”

จิรภัทรพูดไป ภายใต้อารมณ์ที่ตื่นเต้นก็ครึกครื้นขึ้นมา

ปยุตก็ขยับจมูก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตื่นตกใจขึ้นมา

“นี่มัน…….กลิ่นหอมของยา!หรือว่า ยาเม็ดเหอชี่ เขาจะทำสำเร็จแล้วงั้นหรือ?”

จิรภัทรพยักหน้า “ไป พวกเราเข้าไปดูกัน”

ครั้งนี้ ทั้งสองคนเดินเร็วกว่าตอนแรกมาก

ยาเม็ดระดับสูงเม็ดหนึ่ง กำลังออกมาให้ยลโฉม ถึงแม้จะเป็นสำนักเทพยาเซียน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำมันออกมาได้ มีแต่ผู้อาวุโสและศิษย์เอก ถึงจะมีความมั่นใจที่จะทำสำเร็จ

แต่รพีพงษ์ ทำเพียงแค่ครั้งที่สองเท่านั้น พรสวรรค์แบบนี้ มันช่างน่ากลัวจริงๆ !

พอเดินมาเพิ่งถึงทางเข้าถ้ำ ปยุตก็เห็นว่าตะเกียงในห้องถูกจุดขึ้นมาแล้ว

ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะทำเสร็จหมดแล้ว

.” ผมทำเสร็จแล้วครับ”

ในมือรพีพงษ์ก็ถือยาเม็ดสีดำอยู่ แล้วก็พูดกับปยุตที่เดินเข้ามา

พอเห็นจิรภัทรทางด้านหลัง รพีพงษ์ก็แปลกใจเล็กน้อย

จิรภัทรยิ้มพูดว่า “คืนนี้ผมนอนไม่หลับ ก็เลยมาดูหน่อย เป็นไง ยาเม็ดนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็เอายายื่นให้พวกเขา

“ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเทียบกับยาเม็ดตั้งสมาธิแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ไม่คิดเลยว่า ไม่คิดเลยว่ายาเม็ดทั่วไป จะใช้เวลาและสมาธิขนาดนี้”

รพีพงษ์ถอนหายใจพูด “ดูเหมือนว่า วิชาการกลั่นยาจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ผมประเมินตนเองสูงไป”

ส่วนในตอนนี้จิรภัทรและปยุตสองคน ก็มองยาเม็ดเหอชี่ที่ยื่นเข้ามา สายตาก็เป็นประกาย

มีไอสีดำปกคลุมไปทั้งยาเม็ดเหอชี่

ระดับสูงอย่างดี!แถมยังเป็นยาที่มีชี่ยาอยู่ด้วย!

“รพีพงษ์ คุณ….เป็นคนอัจฉริยะจริงๆ !” จิรภัทรพูดอย่างชื่นชม

จากนั้น พอรพีพงษ์ได้ยินคำชมอย่างนั้น ก็รู้สึกเอะใจ

“อัจฉริยะงั้นหรือ ยาระดับต่ำยังใช้เวลาทำนานขนาดนี้ ใช้เวลาไปเกือบ2ชั่วโมง ตอนนี้ผมยังสงสัยในตัวเองอยู่เลย” รพีพงษ์สายหัว

ปยุตก็พูดในใจว่า ตอนนั้นตนเองอยู่ในระดับขั้นสุดยอดนั้น จะทำยาเม็ดระดับสูงสักเม็ด ก็ต้องปลีกตัวบำเพ็ญไปตั้งหลายวัน ไอ้หมอนี่กลับดี ใช้แค่2ชั่วโมง ก็สามารถทำยาเม็ดระดับสูงที่ไม่ได้มีคุณภาพแย่กว่าตนเองออกมาได้

จิรภัทรและปยุตก็ยิ้มมองหน้ากัน

“พวกคุณขำผมหรือครับ?” รพีพงษ์ถามเสียงเย็นๆ

“ใช่ที่ไหนล่ะ”

จิรภัทรก็รีบพูดว่า “รพีพงษ์ ผมบอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ได้มีใจคิดจะหัวเราะเยาะคุณเลย เพราะว่า ยาเม็ดเหอชี่ที่คุณทำออกมานี้ เป็นยาเม็ดระดับสูง!”

“ยาเม็ดระดับสูงงั้นหรือ?”

รพีพงษ์แปลกใจ แล้วก็พูดกับปยุตว่า “ไหนคุณบอกว่า นี่มันเป็นยาเม็ดทั่วไปไงครับ?”

“ผมตั้งใจบอกไปแบบนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อนจะจุดประกายความสามารถในตัวคุณออกมา ดูเหมือนว่าตอนนี้จะสำเร็จแล้ว” ปยุตพยักหน้าพูด

จุดประกายความสามารถผมงั้นหรือ?

ตาแก่นี่ โกหกก็บอกมาเถอะ ทำมาเป็นพูดสวยหรู

แต่ว่า ครั้งนี้ความมั่นใจของรพีพงษ์ก็กลับมาอีกครั้ง

กลั่นยา2ครั้ง สำเร็จทั้ง2ครั้ง แถมครั้งที่2 ยังสามารถกลั่นยาเม็ดระดับสูงได้

ความเร็วแบบนี้ ทำให้เป็นที่น่าตกใจ

“ยาเม็ดนี้ จะ……” ปยุตมองรพีพงษ์

รพีพงษ์ก็เข้าใจ “ถ้าคุณชอบ ผมก็ให้คุณไปเลยครับ ผมไม่หวงอยู่แล้ว อย่างมากก็ทำมันขึ้นมาใหม่อีกเม็ด”

“ได้ คุณเป็นคนพูดเองนะ”

ปยุตก็รีบเอายาใส่กระเป๋าไป กลัวรพีพงษ์จะเปลี่ยนใจ

สำหรับปยุตแล้ว วันนี้ถือว่าได้ของดีมากมาย

ยาที่มีชี่ยาทั้ง2เม็ด เอาสักเม็ดไปขายที่ตลาด ก็ล้วนถูกนับว่าเป็นยาเม็ดเสินตาน

เงินค่าเหล้าของตนเองในอนาคตหลายปี ก็จะมีสำรองไว้แล้วล่ะ!

พอจิรภัทรกลับออกไป รพีพงษ์ก็ถามว่า “พวกเรา…..เรียนกันต่อไหมครับ?”

“ต่ออีกหรือ?” ปยุตถามอย่างตกใจว่า “คุณไม่เหนื่อยหรือไง?”

รพีพงษ์ก็ยืดเส้นยืดสาย รู้สึกว่ายังไหว

ปยุตก็บอกว่า “เอาเถอะ รีบไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ พวกเราจะเข้าสู่การเรียนการกลั่นยาชั้นเลิศ”

“ยาชั้นเลิศงั้นหรือ?” รพีพงษ์มีความสนใจอย่างมาก

ปยุตก็พูดสีหน้านิ่งๆ ว่า “ยาชั้นเลิศไม่เหมือนกับยาปกติทั่วไป การกลั่นมันออกมา จะต้องมีความรับรู้ที่มากกว่าคนปกติทั่วไป พอวันพรุ่งนี้คุณก็รู้เอง”

รพีพงษ์พยักหน้า

ตนเองมาครั้งก่อน ก็มาเพื่อเอาสูตรยายาชั้นเลิศ3อย่าง มาให้แก่สำนักเทพยาเซียน

ครึ่งปีผ่านไป ยาชั้นเลิศยังไม่ถูกทำสำเร็จออกมาสักเม็ด คิดดูก็น่าจะรู้ว่า มันจะต้องมีอะไรยากลำบากแน่นอน

ไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน!

บนที่นอน ปยุตก็นอนกรนไปนานแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท