พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1253 ฉันจะทำให้เสร็จ

บทที่ 1253 ฉันจะทำให้เสร็จ

แค่ตนเองไม่อยู่เพียงสองวัน สำนักเทพยาเซียนกลายเป็นเช่นนี้เพราะการมาของสองคนนี้

แววสังหารปรากฏอยู่ในดวงตาของรพีพงษ์ วันนี้ยังไงสองคนนี้ต้องให้คำอธิบายแก่ตนเอง!

เพียงแต่ สำหรับจั๋วเยว่แล้วรพีพงษ์ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย แต่กับฐปนีย์ที่ดูแล้วอายุยังน้อย ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าเธอเป็นคนลึกลับเล็กน้อย

เพราะว่า เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีอันทรงพลังของตนเอง ผู้หญิงคนนี้ดูสงบเกินไป ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกออกมาแต่อย่างใด

เมื่อเห็นรพีพงษ์ที่ทรงพลังเดินไปหาตนเองอย่างช้า ๆ จั๋วเยว่รีบไปซ่อนตัวอยู่หลังฐปนีย์โดยไม่รู้ตัว

เขาโผล่หัวออกมาแล้วกล่าวกับจิรภัทรและคนอื่น ๆว่า “ทำไม สำนักเทพยาเซียนของคุณถึงทำแบบนี้? เรียกคนนอกมารังแกคนอื่น? ช่างไร้ยางอาย!”

“คุณก็เป็นเหมือนกัน”

จิรภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคุณ ผมเกรงว่าวันนี้คุณจะไม่สามารถเข้ามาในสำนักเทพยาเซียนของพวกเราได้!”

จั๋วเยว่กัดฟัน โกรธจนตาพร่าเล็กน้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อไปว่า “เชอะ ที่ผมมาหาคุณเพื่อแข่งขันเทียบยาเม็ดเท่านั้น และผลก็เพิ่งออกมาเมื่อสักครู่ ผมกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงสำเร็จแล้ว แต่พวกคุณล้มเหลว ในที่สุดผมก็ชนะ หรือว่าสำนักเทพยาเซียนของพวกคุณจะตระบัดสัตย์อย่างนั้นหรือ?”

จิรภัทรขมวดคิ้วจนแน่น ผู้ชายคนนี้กำลังพูดความจริง

ถ้าหากตนเองตระบัดสัตย์ และขับไล่พวกเขาออกไปจากสำนักเทพยาเซียน หลังจากที่พวกเขาลงจากภูเขาแล้ว จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น สำนักเทพยาเซียนจะถูกดูหมิ่นจากผู้คนทั่วโลกแน่

“ไอ้สารเลว อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าคุณจะมาไม้ไหน! คุณแค่ต้องการใช้เวลาสามวันนี้เพื่อค้นหาของล้ำค่าที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของคุณต้องการหา? ผมจะบอกคุณ เมื่อก่อนพวกคุณหาไม่เจอ ตอนนี้พวกคุณก็ไม่สามารถหาเจอเช่นกัน! ”

“แกไอ้เฒ่าสารเลว!”

จั๋วเยว่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดจี้ใจดำ

“ทำไม คุณอยากต่อสู้หรือ? ตอนนี้รพีพงษ์ก็กลับมาแล้ว คุณคิดว่าพวกเรายังจะกลัวคุณอยู่อีกเหรอ?” ปยุตคันไม้คันมืออยากจะลอง เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่

“นี่หรือคือสำนักเทพยาเซียนที่โอ่อ่า? ช่างน่าเกรงขาม และช่างทระนง!” ฐปนีย์กล่าวอย่างเย็นชา

“ผู้หญิงคนนี้ อย่าพูดรังแกคนอื่นจนเกินไป!”

จิรภัทรกล่าว

ปากของฐปนีย์ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “มันเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ? ในเมื่อพ่ายแพ้แล้วต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า มิเช่นนั้น การแข่งขันเมื่อสักครู่จะมีประโยชน์อะไร? เจ้าจิรภัทร คุณคิดว่าฉันพูดถูกไหม”

“คุณ……”

จิรภัทรกำหมัดทั้งสองแน่น เรื่องดังกล่าวนี้ ฝ่ายตนเองไม่มีเหตุผลจริง

“ตกลง” จิรภัทรตัดสินใจแล้วกล่าวว่า “พวกเราสำนักเทพยาเซียนไม่ใช่ไม่รู้เหตุรู้ผล และจะไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะปฏิบัติตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้า พวกคุณสองคนสามารถ…….”

“ช้าก่อน!”

รพีพงษ์กล่าวทันที

“ไอ้รพีพงษ์ คุณจะไม่จบใช่ไหม เจ้าจิรภัทรตกลงแล้ว คุณอยากจะทำอะไรอีก? หรือว่า? คุณจะยุ่งแม้แต่เรื่องของสำนักเทพยาเซียน?” จั๋วเยว่กล่าวด้วยความโมโห

ท่าทางของรพีพงษ์เย็นชา แล้วกล่าวว่า “แกมันเหมือนสุนัข นอกจากเห่าเสียงดังแล้วแกยังจะทำอะไรได้อีก?”

“ไอ้หมอนี่”

เป็นครั้งแรกที่เขาถูกด่าว่าเป็นสุนัข จึงทำให้จั๋วเยว่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ว่าเมื่อพิจารณาถึงพลังความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ เขาก็กัดฟันอดทน

“เพราะในไม่ช้าผู้อาวุโสใหญ่หลายคนในสมาคมก็จะจัดการรพีพงษ์ ดังนั้นปล่อยให้มันได้ใจไปไม่กี่วันก่อน”

จั๋วเยว่คิดอยู่ในใจ

“ผมมาอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนหนึ่งสัปดาห์กว่าแล้ว และก่อนหน้านั้นผมร่ำเรียนการกลั่นยากับปยุตตลอด ถ้าพูดตามหลักวิชาการ ผมก็ถือเป็นศิษย์ของสำนักเทพยาเซียน ดังนั้นคุณคิดว่าเรื่องของวันนี้ ผมมีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายไหม?”

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว ส่วนปยุตที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ตนเองไม่เคยสอนเทคนิคการกลั่นยาให้รพีพงษ์เลย ความสามารถของไอ้หมอนี้อยู่เหนือจินตนาการ

“อยากก้าวก่ายก็ก้าวก่ายสิ เพราะยังไงเมื่อสักครู่ผมก็ชนะแล้ว ผลลัพธ์นี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” จั๋วเยว่กล่าว

“จริงหรือ?”

รพีพงษ์เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก “คำพูดอย่าให้มันเกินไป คุณบอกว่าจิลลาพ่ายแพ้แล้ว แต่ผมรู้สึกว่าเธอยังไม่พ่ายแพ้”

“ไม่แพ้? ฮ่า ๆ เป็นไปได้อย่างไร รพีพงษ์ ก่อนที่คุณจะพูดโปรดลืมตาดูให้ดีเสียก่อน ยาเม็ดเฉียนสิงของเธอกลั่นไปถึงครึ่งทางก็ถูกแว้งกัดแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าไม่แพ้ล่ะ? ”

จั๋วเยว่หัวเราะเสียงดัง

รพีพงษ์มาที่โต๊ะ แล้วหยิบยาเม็ดเฉียนสิงครึ่งหนึ่งที่จิลลากลั่นเอาไว้ “อย่างที่คุณพูด เธอกลั่นได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ต่อไปผมจะกลั่นอีกครึ่งหนึ่งให้เสร็จ! ”

“คุณจะกลั่นให้เสร็จ?”

“ใช่” รพีพงษ์พยักหน้า “ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนมาสองวันแล้ว ผมคิดว่า ผมมีคุณสมบัติพอที่จะแทนจิลลา”

“ฮึ่ม แม้ว่าคุณจะรับช่วงต่อแล้วยังไงล่ะ จะกลั่นยาเสร็จหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ต่อให้คุณกลั่นยาเสร็จ แต่คุณก็ใช้เวลามากกว่าผม ในที่สุดผมก็ชนะอยู่ดี” จั๋วเยว่กล่าวอย่างไม่แยแส

“แล้ว…… ถ้ายาเม็ดเฉียนสิงของผม เกรดสูงกว่าของคุณล่ะ?” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“คุณพูดเรื่องอะไร เกรดสูงกว่าของผม?” ดวงตาของจั๋วเยว่ตกตะลึง แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมฝึกกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงมากกว่าสิบครั้ง ยาเม็ดที่ผมกลั่นเสร็จวันนี้ สามารถกล่าวได้ว่าถึงระดับสูงแล้ว ยาของคุณจะดีกว่าของผมได้อย่างไร!”

“รอจนกว่าจะถึงเวลาที่กลั่นเสร็จ แล้วให้ทุกคนประเมินมันก่อนดีไหม?”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“โอเค ผมก็อยากดู ว่าคุณจะกลั่นยาชั้นเลิศที่สูงกว่าระดับสูงสุดได้อย่างไร” จั๋วเยว่กล่าวอย่างมั่นใจ

ในความรู้สึกของเขา เม็ดยาชั้นเลิศระดับสูงสุดนั้น เป็นจุดสุดยอดของเม็ดยาอยู่แล้ว และเขาไม่สามารถกลั่นยาที่ดีกว่าของตนเองได้ ดังนั้น เขาจึงอยากดูรพีพงษ์ต้องอับอายขายหน้า

รพีพงษ์ไม่สนใจอีกฝ่าย เขาหลับตาลง และสัมผัสความรู้สึกของยาเม็ดชั้นเลิศครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของตนเอง!

จิรภัทรกับปยุตขมวดคิ้ว

พวกเขารู้ดีว่าที่รพีพงษ์กล่าวว่ายาที่สูงกว่านั้นหมายความว่าอย่างไร!

หากต้องการยาเม็ดชั้นเลิศระดับสูงสุด จะต้องผลิตชี่ยา!

ยาเม็ดระดับต่ำและเม็ดยาระดับสูงที่รพีพงษ์ทำไว้ก่อนหน้า ด้านบนจะมีชี่ยาอยู่ เป็นไปได้ไหมว่าครั้งนี้ บนยาเม็ดชั้นเลิศจะมีชี่ยาปรากฏอยู่ด้วย?

ปยุตกับจิรภัทรกลั้นหายใจ ยาชั้นเลิศที่มีชี่ยาเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว!

ขณะนี้ ฐปนีย์ที่อยู่ข้าง ๆ มีสายตาแปลก ๆ และแววตาของเธอมีความกังวลอยู่เล็กน้อยขณะมองรพีพงษ์ที่กำลังกลั่นยาอยู่

“เป็นไปได้ไหมว่า ได้หมอนี้จะมีพลังความแข็งแกร่งพอที่จะทำ…….”

ฐปนีย์ไม่กล้าคิดมาก เพียงเฝ้าดูการปฏิบัติขั้นต่อไปของรพีพงษ์

การรับรู้โดยจิตวิญญาณเทพ ทำให้รพีพงษ์ค้นพบข้อบกพร่องทั้งหมดของขั้นตอนแรกในการหลอมรวมของจิลลาได้อย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์สามารถวินิจฉัยได้ว่า จิลลามีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงสองวันที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับครั้งก่อน แต่เพราะนี่คือยาชั้นเลิศ

หลังจากปรับปรุงแก้ไขทั้งหมดที่จิลลาขาดไปก่อนหน้า ขณะนี้ ยาเม็ดเฉียนสิงที่เสร็จครึ่งหนึ่งนี้สว่างกว่าเดิมมาก

กลิ่นหอมจาง ๆ ของยากระจายไปทั่วห้องโถง ทำให้อารมณ์ของจิรภัทรกับปยุตยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

ต่อไปคือขั้นตอนสุดท้าย จะสำเร็จหรือล้มเหลว!

ก่อนหน้านี้ จิลลาถูกยาเม็ดแว้งกัด ตอนนี้รพีพงษ์จะประสบปัญหาเดียวกันหรือไม่

เพียงแต่ เมื่อเทียบกับจิลลา จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์นั้นบริสุทธิ์กว่า และในขณะเดียวกันก็มีพลังมากกว่า

ผงละเอียดเล็กน้อยปรากฏขึ้นในมือของรพีพงษ์ แล้วหลอมรวมกับวัตถุดิบยาตัวสุดท้าย

พริบตาเดียว แก่นแท้ของวัตถุดิบยาเปลี่ยนไป และพลังทิพย์ของวัตถุดิบยาเต็มเปี่ยมกว่าเดิมหลายเท่า

“ยาผงหลิงซี!”

จิรภัทรกล่าวโพล่งออกมา

ปยุตรู้สึกตกใจมาก “นี่…..ยังมีเรื่องอะไรที่ไอ้เด็กคนนี้ทำไม่ได้?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท