พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1272 จะฆ่าไก่ทำไมต้องใช้มีดสำหรับฆ่าวัว

บทที่ 1272 จะฆ่าไก่ทำไมต้องใช้มีดสำหรับฆ่าวัว

ในตอนนี้ สองคนตรงกลางห้องโถงก็เริ่มลงมือกลั่นยากันแล้ว

ทั้งสองล้วนเป็นนักกลั่นยาระดับระดับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานาน พวกยาสมุนไพรหายากต่างๆ พอมาอยู่ในมือพวกเขา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

พวกคนตระกูลใหญ่ที่อยู่รอบๆ ถึงแม้จะบอกว่ากลั่นยาเป็น เพราะเรียนจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ว่า ก็ได้เห็นการกลั่นยาด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรก

ยิ่งกว่านั้น ครั้งนี้ยังเป็นการแข่งขันด้วย ดังนั้น จิรภัทรและบุณยผลต่างก็ใช้วิชาสุดยอดของตนเองออกมาใช้

ขั้นตอนแรกสำเร็จด้วยดี เพื่อที่จะแข่งขันครั้งนี้ จิรภัทรเตรียมตัวมาอย่างดี

ที่เขากำลังกลั่นนั้น ก็คือสูตรยาชั้นเลิศ3แผ่นที่รพีพงษ์ให้เขาไว้ก่อนหน้านี้

จากการวิจัยกว่าครึ่งปี วันนี้เขามีความมั่นใจที่จะทำมันออกมาได้ดี

ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งบุณยผลก็สำเร็จในขั้นตอนแรกแล้วเหมือนกัน จากคุณภาพแล้ว ทั้งสองคนได้คุณภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ยาชั้นเลิศ จะไปยากที่ขั้นตอนสุดท้าย

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นจุดสำคัญที่ของการกลั่นยา จะต้องใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงจะควบคุมได้

จิรภัทรหายใจเข้า แล้วก็ค่อยๆ ปลดปล่อยพลังจิตออกมา

แล้วก็หยิบตัวยาสมุนไพรตัวสุดท้ายเข้าให้พอดี แล้วนำเอาไปหลอมรวมกับส่วนที่เกือบจะสำเร็จ

ควันสีขาวลอยออกมาจากฝ่ามือ จิรภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังจิตของตนเองเหลือไม่มากแล้ว จะต้องรีบทำให้เสร็จ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ที่รพีพงษ์กลั่นยาชั้นเลิศติดต่อกัน3วัน ที่ว่าอัศจรรย์มาก

พลังจิตวิญญาณเทพมันแข็งแกร่งกว่าพลังจิตมากเลยจริงๆ !

ทางนี้ บุณยผลก็เข้าสู่การหลอมรวมในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แต่ดูไปแล้ว ฝีมือของเขาจะเหนือกว่าจิรภัทรอยู่มาก

เพราะถึงอย่างไร สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นที่ที่รวบรวมคนมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นยาในประเทศจีนมากที่สุด อีกทั้งคนพวกนี้ก็ชอบแข่งกันกลั่นยา เพื่อพัฒนาฝีมือ การพัฒนาที่เร็วแบบนี้ คนนอกไม่อาจเทียบได้

เมื่อมองย้อนมาดูสำนักเทพยาเซียน นอกจากจิรภัทรและปยุตแล้ว คนอื่นๆ นั้นก็แทบไม่มีความสามารถที่จะกลั่นยาชั้นเลิศออกมาได้

“เหอะ จิรภัทร คุณคิดว่าหลีกเลี่ยงที่จะแข่งกับผม แล้วคิดว่าจะเอาชนะได้งั้นหรือ?”

ชนุตร์คิดในใจ

บุณยผลเป็นถึงผู้อาวุโสรองของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ถ้าไม่มีความสามารถที่โดดเด่น จะนั่งตำแหน่งนี้ได้อย่างไร

ก็ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้พรตได้ดูถูกสำนักเทพยาเซียน แค่อาวุโสคนหนึ่งของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ก็สามารถเอาชนะกำลังของจิรภัทรได้

รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังจิตของบุณยผลและจิรภัทรไม่ห่างกันมาก แต่ว่าฝีมือการกลั่นยาของเขาสูงกว่ามาก

“เจ้าจิรภัทร จะแพ้”

รพีพงษ์คาดคะเน

เป็นจริงอย่างนั้น หลังจากนั้น1ชั่วโมง บุณยผลก็หยุดมือลง พูดด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ผมทำเสร็จแล้ว”

จิรภัทรก็ผงะ ทางตนเองเพิ่งเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด แต่ฝั่งตรงข้ามกลับทำเสร็จแล้ว

ถ้ารอบแรกตนเองแพ้ งั้นรอบที่สองตนเองก็จำเป็นต้องส่งรพีพงษ์ออกมาแข่ง แบบนี้ล่ะก็ เมื่อถึงรอบตัดสินความเป็นความตายในรอบที่สาม ฝั่งตรงข้ามจะต้องส่งชนุตร์ลงแข่งแน่ๆ พอถึงตอนนั้นไม่ว่าฝั่งตนเองจะส่งใครลงแข่ง ก็มีผลลัพธ์เดียวกัน นั่นก็คือ แพ้

“ไม่ ผมจะแพ้ไม่ได้!”

จิรภัทรคิดในใจ อารมณ์ก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ยิ่งคิดยิ่งเสียสมาธิ ยิ่งเสียสมาธิก็ยิ่งทำให้พลังจิตไม่อาจรวบรวมไว้ได้ แถมยังสิ้นเปลืองพลังจิตไปเร็วกว่าเดิมด้วย!

เป็นจริงอย่างว่า มีพลังทิพย์ลอยออกมาจากยาเม็ดในมือของจิรภัทร สีหน้าของจิรภัทรก็เผยความเจ็บปวดออกมา

“เจ้าสำนัก!”

จิลลาตะโกนอยู่ข้าง เธอเคยถูกยาชั้นเลิศสะท้อนพลังใส่มาแล้ว เลยรู้ว่าการถูกพลังสะท้อนกลับใส่มันเป็นอย่างไร

รพีพงษ์ก็ไม่พูดมาก พุ่งเข้าไปแทรกตรงหน้า แล้วดันจิรภัทรออกไป จากนั้นก็แอบเอาพลังจิตวิญญาณเทพใส่เข้าตัวของจิรภัทร

ผ่านไป2นาที สีหน้าของจิรภัทรก็ดีขึ้นมาหน่อย

“ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” จิรภัทรก็พูดกับรพีพงษ์เบาๆ สีหน้าเศร้าสร้อย

บุณยผลก็พูดด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไม่คิดเลยว่า เป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักเทพยาเซียน แค่กลั่นยาชั้นเลิศก็ถูกพลังสะท้อนกลับใส่ตัวเอง ไม่เอาจริงๆ”

“นี่คุณ!”

“จิลลา!”

จิรภัทรห้ามจิลลาไว้ แล้วพูดว่า “แพ้ก็แพ้ อย่าให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเราได้”

พูดจบ เขาก็ยกมือคำนับพูดว่า “รอบนี้ ผมแพ้แล้ว”

“เพราะศิษย์พี่ออมมือให้ สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราถึงได้เอาชนะรอบนี้ได้”

ชนุตร์พูดเสียงต่ำ สีหน้านิ่งๆ “ต่อไป ก็จะเป็นการแข่งขันของศิษย์วัยรุ่น ไม่ทราบว่าพวกคุณจะส่งใครลงแข่งขัน”

พูดไป สายตาที่แก่ชราและเจ้าเล่ห์ของชนุตร์ ก็มองไปที่รพีพงษ์ “ต้องจำไว้นะว่า ถ้าแพ้รอบนี้ พวกคุณก็จะแพ้การแข่งขันครั้งนี้”

คนทางฝั่งของสำนักเทพยาเซียนก็ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดกันขึ้นมา

จิรภัทรแพ้ในรอบแรก รอบที่สองจะต้องเอาชัยชนะกลับมาให้ได้

“พี่รพีพงษ์ ดูเหมือนว่าจะต้องให้พี่ลงแข่งรอบนี้แล้วล่ะ”

ชุติเดชพูดอยู่ข้างๆ

“แต่ว่า ถ้ารพีพงษ์เข้าแข่งขันล่ะก็ รอบที่สามพวกเราก็แพ้อย่างแน่นอน” คนอื่นๆ ก็กังวล

“อย่าไปสน เอาชนะรอบนี้ก่อนค่อยว่ากัน ไม่งั้นล่ะก็ แพ้แต่โอกาสที่จะได้แข่งรอบที่สามก็ไม่มีแล้ว”

ชุติเดชพูดอยู่ข้างๆ

ทุกคนก็ครุ่นคิดว่าที่ชุติเดชพูดมาก็มีเหตุผล

“รพีพงษ์ คุณก็เข้าไปแข่งเถอะ ส่วนรอบที่สาม เดี๋ยวให้ตาแก่อย่างผมไปสู้กับชนุตร์เอง”

ปยุตพูดอยู่ข้างๆ

ก็จริงอยู่ ถ้าสามารถยื้อเวลาถึงรอบที่สาม สำนักเทพยาเซียนก็จะสามารถส่งคนที่เก่งที่สุดออกไป นั่นก็คือปพรสวรรค์

รพีพงษ์ก็มองคนอื่นๆ นิ่งๆ แล้วอมยิ้มเบาๆ

“เจ้าจิรภัทร คุณคิดว่า รอบที่สองนี้จะให้ใครเข้าแข่งขันดี?”

รพีพงษ์ถาม

จิรภัทรยังไม่ทันได้เดินออกมาจากความพ่ายแพ้เมื่อครู่นี้ แล้วก็ถอนหายใจพูดว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าครั้งนี้สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุคงจะเอาชนะพวกเราไปได้อีกครั้ง”

พอพูดออกมาดังนั้น ทุกคนก็โศกเศร้า

“ผมว่าก็ไม่แน่นะครับ!”

รพีพงษ์เดินออกมาพูดว่า “ผมขอเสนอให้คนหนึ่งเข้าร่วมแข่งขันรอบที่สองครับ”

“อะไรนะ คุณจะเสนองั้นหรือ?”

ปยุตก็แปลกใจมาก

“ใช่แล้วครับ”

รพีพงษ์ก็ยิ้มเบาๆ แล้วก็ชี้นิ้วไปทางจิลลา “จิลลา รอบที่สองนี้ คุณก็ออกมาแข่งแล้วกันนะ!”

“ฉันหรือ?”

จิลลาไม่อยากจะเชื่อว่ารพีพงษ์จะเสนอตนเองขึ้นมา

“ถูกต้อง ครั้งก่อนคุณกลั่นยาชั้นเลิศ ขาดแค่ขั้นตอนสุดท้ายก็ทำเสร็จ ครั้งนี้ผมเชื่อว่าคุณจะทำมันได้แน่นอน” รพีพงษ์พูดให้กำลังใจ “อีกอย่าง ในร่างกายคุณยังมีพลังจิตวิญญาณเทพของผมไหลเวียนอยู่ ผมคิดว่า มันคงจะช่วยคุณได้มากอยู่เหมือนกัน”

“เอ่อ……….”

จิลลาก็กัดปากตนเอง ครั้งก่อนที่ถูกพลังสะท้อนกลับใส่ตัว ภาพนั้นยังติดตาอยู่ ตอนนี้ตนเองจะต้องมาสู้กับการกลั่นยาชั้นเลิศอีกครั้ง ความมั่นใจของเธอไม่ได้มากเท่าไรนัก

“ใช่น่ะสิ นังหนู เข้าไปแข่งเลย!หลายวันมานี้เธอก็ได้ฝึกฝนอยู่ในถ้ำ พลังก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย อาจารย์เชื่อว่าเธอจะต้องทำได้แน่นอน!”

ปยุตอยู่ข้างๆ พูดไปพร้อมกับตบไหล่เธอเบาๆ

“อาจารย์คะ อาจารย์คิดว่าหนูทำได้จริงหรือคะ?”

จิลลาเงยหน้า แล้วมองไปที่ปยุตพร้อมกล่าวออกมา

ปยุตก็มีสายตายิ้มๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “เธออยากจะแสดงฝีมือต่อหน้ารพีพงษ์นักไม่ใช่หรือไง ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีเลยทีเดียว!”

จิลลาจ้องมองรพีพงษ์ ช่วงนี้ที่ตนเองฝึกฝนหนัก จนยอมไปอยู่ในถ้ำ ก็เพื่อที่วันหนึ่งตนเองจะได้ก้าวทันรอยเท้าของรพีพงษ์

ตอนนี้ มีโอกาสอยู่ตรงหน้า ต่อหน้าบุคคลต้นแบบของตนเอง ถ้าหากว่าสามารถกลั่นยาชั้นเลิศออกมาได้ แล้วได้รับการยอมรับจากรพีพงษ์ สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่จิลลารอคอยมากที่สุด!

“จิลลา ผมเชื่อใจคุณ แพ้ก็ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป”

จิรภัทรพูดเสียงต่ำ

“ใช่แล้ว พี่จิลลา พวกเราล้วนเชื่อใจพี่ พี่เป็นอัจฉริยะของสำนักเทพยาเซียนเรานะ!”

พวกของชุติเดชก็ล้อมตัวจิลลาแล้วพูดขึ้นมา

จิลลาก็ออกแรงพยักหน้า แล้วก็ตัดสินใจ

“เจ้าสำนัก อาจารย์ วางใจเถอะค่ะ หนูจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังแน่นอน”

จากนั้น จิลลาก็มองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า “พี่รพีพงษ์ ครั้งนี้……ฉันเอาชนะได้แน่!”

รพีพงษ์เผยรอยยิ้มที่พอใจ แล้วมองจิลลาเดินยังกลางห้องโถง

ตรงหน้าของเธอ มีชายสวมชุดหรูหราอยู่คนหนึ่ง

พอเห็นจิลลาลงสนาม ชายคนนั้นและพวกของชนุตร์ก็อึ้งๆ กันไป

เดิมทีเดาไว้ว่า ฝั่งตรงข้ามจะส่งรพีพงษ์ลงแข่งขัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ จะเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น

“ศิษย์พี่ ดูเหมือนว่าวันนี้พี่จะเอาชนะพวกเราไม่ได้เสียแล้วล่ะ” ชนุตร์หัวเราะเยาะ เพราะมีชัยเหนือกว่า

“จะชนะได้หรือไม่นั้น รอแข่งขันจบก่อนค่อยว่ากัน”

จิรภัทรตอบกลับไปนิ่งๆ

“ผมชื่อว่าจินเฉิง ผมได้ยินมาว่าหลายวันก่อนศิษย์พี่จั๋วเยว่ก็แพ้ที่นี่ วันนี้ผมจะเอาชัยชนะกลับมาให้ได้!” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าว

“กลัวว่านายจะไม่มีปัญญาเอาชนะได้มากกว่า” จิลลาพูดเสียงขรึม

“เหอะ”

จินเฉิงทำสีหน้าดูถูก “เดิมทีคิดจะสั่งสอนรพีพงษ์เสียหน่อย ในเมื่อตอนนี้มีผู้หญิงออกมาแข่งแทนเสียนี่ คุณวางใจเถอะ ผมจะออมมือให้นิดหน่อย พอเดี๋ยวผมลงมือหนักไป คุณจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง ผมเห็นแล้วจะปวดใจเปล่าๆ”

“จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดสำหรับฆ่าวัวด้วยเล่า จะเอาชนะนาย ไม่ต้องให้รพีพงษ์ลงมือหรอก”

สายตาของจิลลายังคงเย็นชา สำหรับคำพูดหาเรื่องของฝั่งตรงข้ามนั้น เธอไม่สนใจแม้แต่น้อย

“ได้!ผมจะดูสิว่าคุณจะมีความสามารถสักเท่าไรกัน!”

พูดไป ทั้งสองก็เดินมายังแท่น

“ไม่ทราบว่าแม่สาวน้อยคนนี้จะกลั่นยาอะไรออกมา? จะระดับกลาง หรือระดับสูง?” จินเฉิงยิ้มถาม

“ยาชั้นเลิศ ยาเม็ดเฉียนสิง!”

หลังจากที่จิลลาพูดออกมา คนของสำนักเทพยาเซียนก็ตกใจไปตามกัน!

ครั้งก่อน ก็เป็นที่นี่ ที่จิลลาพลังของยาเม็ดเฉียนสิงสะท้อนกลับใส่ตัว

แต่รพีพงษ์กลับชื่นชม นังหนูนี่ เติบโตแล้ว…..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท