พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1276 คุณภาพไม่เพียงพอ

บทที่ 1276 คุณภาพไม่เพียงพอ

“ไอจิรภัทร คุณว่าครั้งนี้รพีพงษ์จะใช้เวลาเท่าไรถึงจะกลั่นยาเสร็จ?”

ปยุตที่อยู่ด้านล่างก็ถามขึ้นมา พวกคนในสำนักเทพยาเซียนก็มั่นใจกับรพีพงษ์มาก

ถ้าจะบอกว่า การแข่งขันครั้งนี้ ฝั่งสำนักเทพยาเซียนมีโอกาสชนะได้มาก ก็ต้องเป็นเพราะรพีพงษ์เท่านั้น!

“ยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา รพีพงษ์ทำออกมาได้ตั้งนานแล้ว ทักษะความสามารถของเขาได้ก้าวล้ำพวกเราไปมากแล้ว”

จิรภัทรพูดอย่างยอมรับ

“ใช่น่ะสิ เวลาเพียง3วันก็สามารถกลั่นยาชั้นเลิศออกมา30กว่าเม็ด ทั้งยังล้วนมีชี่ยาด้วย มันน่าอัศจรรย์มากเลยทีเดียว ผมคิดว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้แล้ว ต่อให้เป็นชนุตร์ก็ไม่ใช่” ปยุตกล่าว

มุมปากของจิรภัทรแฝงรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่า เขาก็เห็นด้วยในสิ่งที่ปยุตพูด

“แต่ว่า ก็จะตัดสินเร็วไปก็ไม่ได้ เห็นชนุตร์แบบนี้ ก็คงจะเตรียมตัวมาพอสมควร อีกอย่าง คุณลืมสูตรยาทั้งสองแผ่นที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้แล้วหรือยัง?”

ปยุตได้ยินก็ยิ้มพูดว่า “ไอจิรภัทร คนอย่างคุณนี่ก็ระแวงเกินไปหน่อยนะ สูตรยาทั้งสองแผ่นที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ มันก็เป็นแค่สูตรที่ในตำนานเท่านั้น ยาแบบนี้ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถกลั่นมันออกมาได้หรอก”

จิรภัทรส่ายหัวเบาๆ “ในเมื่อมันมีอยู่ ก็แสดงว่ามันต้องค่าอะไรสักอย่างที่ทำให้มันคงอยู่ได้ ไม่งั้นล่ะก็ ตอนชนุตร์ทรยศสำนักเทพยาเซียนนั้น ทำไมถึงไม่เอาพวกสูตรยาดีๆ แพงๆ ไปด้วยล่ะ แต่กลับเอาแค่สูตรยาสองสูตรนั้น?”

ปยุตเบ้ปาก แล้วก็ไม่พูดอะไรมาก สายตาก็จ้องมองแท่นหินด้านบน

จิตวิญญาณเทพออกท่องเที่ยว รพีพงษ์ที่นั่งอยู่บนแท่นหิน กลับไม่ได้มีความกังวลอะไร แต่กลับกัน กลับรู้สึกว่าสบายตัวมาก

ได้ฝึกฝนอยู่ที่หน้าผา ทำให้รพีพงษ์ได้คุ้นเคยกับการกลั่นยาในสภาพแวดล้อมต่างๆ มานานแล้ว

แท่นหินสูงแบบนี้ ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก!

ยาเม็ดไป่หลิงนั้น ตั้งแต่ที่มีสูตรออกมาในโลกนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถกลั่นออกมาได้เลย

หลักๆ ก็เป็นเพราะว่า ตัวยาที่ชื่อยาผงหลิงซีนั้นหายากมาก

แต่หลังจากที่ได้เข้าไปในป่าหมอกมาหนึ่งเที่ยว รพีพงษ์ก็ได้รับรู้ความลับด้านในที่ซ่อนเร้นไว้ แล้วแรดโบราณตัวใหญ่ ก็คือสัตว์พาหนะของจอมมารชูร่าในสมัยนั้น

ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของจอมมารชูร่าเพียงคนเดียว รพีพงษ์ก็เลยสามารถได้ของดีอย่างยาผงหลิงซี ออกมาจากตัวของแรดโบราณได้อย่างง่ายดาย

กำลังจะเริ่มหลอมรวมยาเม็ด มุมปากของรพีพงษ์ก็อมยิ้ม แล้วก็หันมามองข้างๆ

ห่างจากรพีพงษ์ไม่ไกล ชนุตร์ก็กำลังนั่งตัวตรง ตรงหน้าเขา ก็มียาสมุนไพรวางอยู่หลายชนิดเหมือนกัน

หลายวันมานี้ รพีพงษ์นอกจากจะกลั่นยาแล้ว ก็ยังอ่านคัมภีร์โบราณที่จิรภัทรเอามาไว้ในห้องตนเองจนทะลุปรุโปร่ง หลังจากที่เขาเห็นชนุตร์เอายาสมุนไพรมาวาง เขาก็ตกใจมาก

เพราะว่า ยาสมุนไพรพวกนี้ ตามที่คัมภีร์โบราณบันทึกไว้ น่าจะหายสาบสูญไป100กว่าปีแล้ว

“หรือว่า ที่คัมภีร์บันทึกไว้จะเป็นความเท็จงั้นหรือ?”

รพีพงษ์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอหันกลับมาคิด บางทีอาจจะเป็นเพราะตนเองมองผิดไป

เพราะถึงอย่างไร สมุนไพรบางชนิด ถ้าไม่รวบรวมมาตรวจสอบดีๆล่ะก็ ก็อาจจะจำผิดได้

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาก็หยิบรูปของแคลร์และของหนูลินออกมา มองรอยยิ้มของทั้งสองคนในรูป แล้วก็ใส่กระเป๋ากลับไป

จุดประสงค์ที่มาสำนักเทพยาเซียน ก็เพื่อมาหาวิธีรักษาอารียาให้หายดี

ตอนนี้ ขั้นตอนทุกอย่างก็ได้เตรียมไว้หมดแล้ว ก็แค่รอยาเม็ดไป่หลิงเม็ดแรก ออกมาให้โลกนี้ได้ยลโฉม

ในมือจับยาสมุนไพรไว้สองชนิด จากนั้นจิตวิญญาณเทพสีฟ้าอ่อนๆ ก็มารวมอยู่ที่มือ

รพีพงษ์ในตอนนี้ ดวงตาทั้งสองผิดสนิท ในหัวของเขา มนุษย์ทองคำก็ได้ตื่นขึ้นมา

“ตื่นได้แล้ว มาทำงานได้แล้ว!”

รพีพงษ์คิดในใจ

มนุษย์ทองคำนั้น ก็เหมือนจะฟังรู้เรื่อง หลังจากที่บิดขี้เกียจแล้ว ก็เริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์

เพียงแต่มนุษย์ทองคำที่เป็นตัวแทนจิตวิญญาณเทพในตอนนี้ ได้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างมาก แสงสีทองบนตัวก็ได้สว่างกว่าเดิมมาก

ยาชั้นเลิศติดต่อกัน ถึงแม้จะเหนื่อยมาก แต่ว่า สำหรับการจะฝึกฝนจิตวิญญาณเทพนั้น มันเทียบกันไม่ได้เลย!

มนุษย์ทองคำสั่งควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเอง รพีพงษ์ก็ปล่อยวางตนเอง แล้วให้จิตวิญญาณเทพควบคุม

ยาสมุนไพรสองตัวในมือของรพีพงษ์ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

คนด้านล่างเห็นแล้ว ก็ตื่นเต้นตามกัน

เมื่อเทียบกับการแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้ ฝีมือของนายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ เห็นได้ชัดว่ายอดเยี่ยมกว่ามาก

โคบายาชิจุนอิจิก็แอบโล่งอก โชคดีที่ตนเองยกเลิกการลงมือเสียก่อน ไม่งั้นล่ะก็ ถ้าสั่งให้ชายใส่แว่นไปทำอะไรกับอุเอสึงิ ฮารุล่ะก็ แล้วรพีพงษ์รู้เข้า ตนเองก็จะได้ร้ายมากกว่าดีแน่ๆ

คนแบบนี้ จะไปหาเรื่องด้วยไม่ได้!

สายลมยามค่ำคืนพัดมา ผ่านไปแล้วประมาณ10นาที ชนุตร์ก็เริ่มลงมือแล้ว

“ยื้อเวลาตั้งนานกว่าจะลงมือหลอมรวม ผู้อาวุโสชนุตร์ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุคนนี้ เริ่มกลัวแล้วหรือเปล่า”

“ใครจะรู้ล่ะ ในเมื่อเขาเป็นถึงผู้อาวุโสชนุตร์ ก็คงจะมีดีอยู่แหละ”

ทุกคนก็ถกเถียงกันเบาๆ

มีแต่จิรภัทร ที่มีใบหน้ากังวลอยู่ลึกๆ

เขารู้ว่าชนุตร์มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา

10นาทีเมื่อครู่นี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้เริ่มหลอมรวมตัวยา นั่นก็เพราะว่า 10นาทีนี้ เขาได้เรียบเรียงขั้นตอนทุกอย่างไว้ในหัวหมดแล้วหนึ่งรอบ

แบบนี้ ทำให้ตอนที่เขาเริ่มหลอมรวมจริงๆ นั้น สามารถทำได้ดั่งใจนึกและคล่องมือ

ดวงตาดั่งนกอินทรีก็ลืมขึ้น จากนั้น ก็มีหมอกสีขาวเหมือนควันลอยขึ้นมา

พลังจิตแบบนี้ มากกว่าของจิรภัทรและปยุตรวมกันเสียอีก แทบจะใกล้เคยงกับพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์เลย

เพียงแต่ ตั้งแต่ที่ชนุตร์ลืมตา ก็ยังสามารถเห็นความกังวลเล็กๆ ได้

ฝ่ามือทั้งสองที่แก่ชราแต่ยังมีแรงนั้น ได้หยิบตัวยาสมุนไพร2อย่าง

จากนั้น พลังจิตที่เข้มข้นก็ถูกปลดปล่อยไปยังบนสมุนไพรทั้ง2ชนิดอย่างไม่มีกั๊ก

นี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ก็ใช้พลังจิตมากมายขนาดนี้แล้ว บนหน้าผากของชนุตร์ ก็มีเหงื่อไหลซึมออกมา

จิรภัทรและปยุตก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย ตามหลักแล้ว ขั้นตอนแรกของการกลั่นยาชั้นเลิศ สำหรับชนุตร์ที่มีระดับขนาดนี้แล้วนั้น ไม่น่าจะต้องกินแรงขนาดนี้นะ

“ผมคิดว่า รพีพงษ์คงจะกดดันเขามาก เขาก็เลยต้องออกแรงมากหน่อย ไม่งั้นล่ะก็ ถ้าทั้งสองคนล้วนกลั่นยาชั้นเลิศที่มีชี่ยาออกมาได้ทั้งสองคนล่ะก็ ใครที่ใช้เวลาน้อยที่สุด ก็จะชนะไป” จิรภัทรกล่าว

ปยุตพยักหน้า คำอธิบายนี้ ก็ดูจะถูกต้องกับสถานการณ์ตรงหน้า

เพียงแต่ ความเร็วของรพีพงษ์นั้นก็เร็วมาก

หลายวันนี้ก็เอาแต่กลั่นยาชั้นเลิศ ยิ่งทำยาในระดับเดียวกันแล้วด้วย รพีพงษ์ก็ยิ่งคล่องมือ

ขั้นตอนแรกเสร็จเรียบร้อย ภายใต้การรับรู้ของจิตวิญญาณเทพ ไม่มีร่องรอยความเสียหายอะไรเลย

“ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว”

รพีพงษ์หายใจเข้าอย่างลึก เขาที่มีจิตวิญญาณเทพอันแก่กล้าก็สัมผัสได้ว่า ตนเองได้ควบคุมยาเม็ดไป่หลิงเม็ดนี้ไว้หมดแล้ว แต่ตอนนี้ ความคิดบางอย่างก็เข้ามาในหัวของรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท